ย่างวันที่ 3 ของการปูพรมค้นวัดพระธรรมกาย ยังไร้เงาพระธัมมชโย ดีเอสไอลุยค้นคอนโดริมคลองสอง ใกล้วัดหลังมีข่าวหนีไปซ่อนตัว แต่ไม่พบ ขณะเดียวกัน รองอธิบดีดีเอสไอนำเจ้าหน้าที่ อย.และนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจเครื่องอุโมงค์ออกซิเจน พบไม่ได้ใช้งานนานแล้ว ด้านวัดพระธรรมกายร้อง คสช.ยกเลิกใช้ ม.44 อ้างไม่สะดวกประกอบศาสนกิจ ฮือฮาตัวเงินตัวทองวิ่งเข้าช่องระบายอากาศประตู 7 หัวติดอยู่กับช่องระบาย ตำรวจต้องช่วยจับกันวุ่น ด้านอดีตลูกศิษย์วัดคนดังเผย ธัมมชโยยังหลบอยู่ในวัดหรือคอนโดแก้วมณี พร้อมเสนอตัวเป็นผู้นำตรวจค้น และให้เรียกพระ 5 เสือวัดพระธรรมกายมาสอบ

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ดีเอสไอ สนธิกำลัง 4 พันกว่านาย ปูพรมค้นวัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศใช้มาตรา 44 ประกาศให้พื้นที่บริเวณวัดพระธรรมกาย เป็นเขตพื้นที่ควบคุมพิเศษ ไม่ให้มีบุคคลเข้าไปในพื้นที่ และผลักดันผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในวัดออกนอกพื้นที่ เพื่อเข้าไปตรวจค้นจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาสบคบและร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร โดยการตรวจค้นที่ผ่านมา 2 วัน ยังไร้เงาพระธัมมชโย ตามที่การข่าวดีเอสไอระบุว่ายังอยู่ในวัด ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์หากพระธัมมชโยเข้ามอบตัวจะให้ประกัน

เข้าวันที่ 3 ของการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ยังไร้เงาพระธัมมชโย ตั้งแต่เวลา 00.30 น. วันที่ 18 ก.พ. บรรยากาศโดยรอบวัดพระธรรมกายไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารตั้งด่านความมั่นคง มีเพียงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ภ.1 ตั้งด่านจุดตรวจในซอยแยกย่อย อาทิ ถนนเลียบคลองสอง ถนนมงคลเศรษฐิ หรือถนนเลียบคลองแอน ถนนเลียบคลองสาม จุดละ 5-7 นาย เฝ้าระวังป้องกันผู้ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ความรุนแรง นอกจากนี้ ยังสกัดกั้นไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยังวัดพระธรรมกาย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยผลัดกันเฝ้าเวรยาม ถือไฟฉายตรวจตราหน้าประตู ป้องกันประชาชนลักลอบเข้าไปภายในวัด และไม่มีสื่อมวลชนมาปักหลักสังเกตการณ์ใดๆ เหตุการณ์ทั่วไปเป็นไปด้วยความสงบ

...

จนกระทั่งช่วงเช้า บรรยากาศยังเป็นไปอย่างเงียบเหงา ตำรวจยังปิดทางเข้าออกประตู 7 เปิดประตู 5 และ 6 ให้พระเข้าออกบิณฑบาตได้ตามปกติ แต่ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไป มีศิษยานุศิษย์ออกมาใส่บาตรและร่วมสวดมนต์ นำผลไม้และอาหารมาแบ่งปันให้กับเจ้าหน้าที่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงมาก

ต่อมาเวลา 10.30 น. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านสวนตะวันธรรม เลขที่ MS-24 ริมคลอง 2 ใกล้ประตู 8 ติดวัดพระธรรมกาย หมู่ที่ 11 ถนนเอราวัณ 1 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เนื่องจากมีรายงานข่าวทางลับว่าพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสพระธรรมกาย ซ่อนตัวอยู่ภายในหมู่บ้านสวนตะวันธรรม มีอาคารคอนโดหรู 5 ชั้น หลายอาคาร หลังการตรวจสอบ พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า เบื้องต้นพบพระสัญชาติพม่า 3 รูป อ้างว่ามาปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกาย ได้ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบเอกสาร รวมทั้งตรวจสอบหลักฐานอื่นๆที่อาจเกี่ยวกับพระธัมมชโยอย่างละเอียด หลังจากนั้นจะสรุปผลการตรวจสอบและชี้แจงต่อสื่อมวลชนต่อไป

ต่อมาบริเวณประตู 7 พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เผยว่า หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 กั้นพื้นที่รอบวัด ทำให้พระและญาติโยมที่อยู่ภายในวัดออกมาไม่ได้ จำเป็นต้องส่งอาหารเข้าไป เนื่องจากในวัดมีพระและญาติโยมหลายพันคน อาจจะเป็นภาพที่ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ อยากขอให้เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ลำเลียงข้าวสาร ภัตตาหารต่างๆ พร้อมวิงวอนขอให้ คสช. ยกเลิกการใช้มาตรา 44 วัดจะได้อำนวยความสะดวกให้กับญาติโยมในการประกอบศาสนกิจต่อไป ในวันนี้ก็มีเณรจำนวนมาก ต้องเดินทางไปสอบโอเน็ตด้วย

“ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ประสานมา จะเข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบนอกวัดเป็นหลัก และจะมีบางส่วนเข้าไปตรวจภายในอาคารดาวดึงส์อีกครั้ง โดยจะนำผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบเครื่องไฮเปอร์แบริค แชมเบอร์ มีไว้สำหรับรักษาพระ ธัมมชโย ที่มีอาการอุดตันของเส้นเลือดทำให้ขาบวมอย่างที่เป็นข่าว ขอยืนยันว่าเครื่องดังกล่าว ไม่ใช่เครื่องเบบี้เฟซทำให้หน้าใสอย่างที่หลายคนเข้าใจ ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายสงสัยภายในวัดมีอุโมงค์ลับ ยืนยันอีกครั้งว่าเป็นแค่ที่เก็บปั๊มน้ำ ส่วนที่มีข่าวว่าพบถังน้ำมันกว่า 100,000 ลิตร ในแท็งก์ขนาดใหญ่หลายใบนั้น ยังไม่ทราบเรื่อง ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นน้ำมันที่ใช้เติมรถของวัดกับญาติโยม ยืนยันว่าไม่พบพระธัมมชโยมาประมาณ 8-9 เดือนแล้ว” พระสนิทวงศ์กล่าว

ต่อมาเวลา 11.00 น. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน และเจ้าหน้าที่สำนักเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ เดินทางไปที่ห้องรักษาอาการอาพาธพระธัมมชโย ภายในอาคารดาวดึงส์ เพื่อตรวจสอบเครื่องไฮเปอร์แบริค แชมเบอร์ มีพระมหานพพรปุญญชโย ผู้ช่วย ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกายอำนวยความสะดวก

จากการตรวจสอบพบว่า เครื่องไฮเปอร์แบริคแชมเบอร์ ไม่ได้ใช้งานนานแล้ว มีฝุ่นจับอยู่บนอุปกรณ์ แต่ยังสามารถเปิดใช้การได้ตามปกติ ส่วนการใช้งานล่าสุดเมื่อไหร่นั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังพบเอกสารการส่งมอบอุปกรณ์ดังกล่าวจากโรงพยาบาลยันฮี ระบุว่าส่งมอบ 2 รอบ ปี 2552 กับ 2557 ส่วนบริเวณหลังเครื่องพบเอกสารระบุ ซ่อมบำรุงล่าสุดเดือน มิ.ย.59

ขณะที่ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 พร้อม พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผกก.สภ.คลองหลวง เข้าตรวจเยี่ยมกำลังพลหน้าวัดพระธรรมกาย ประตู 7 พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวว่า ขณะนี้ได้ปรับลดกำลังในการดูแลพื้นที่วัดพระธรรมกาย เหลือเพียง 8 กองร้อย และจะยังไม่มีการยกเลิก มาตรา 44 เพราะจำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติการเพื่อหาตัว

พระธัมมชโย ส่วนตัวยังเชื่อพระธัมมชโยอยู่ภายในพื้นที่ที่ประกาศใช้มาตรา 44 เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ส่วนความคืบหน้าในการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าพระธัมมชโยกบดานอยู่ที่บริเวณบ้านสวนตะวันธรรม ขณะนี้ยังค้นหาอยู่ เช่นเดียวกับกรณีพบน้ำมันดีเซล 7 ถัง ด้านหลังโซนซี ความจุ 1.4 แสนลิตร แต่คงเหลือ 6.5 หมื่นลิตร ใกล้มหาธรรมกายเจดีย์ ภายในวัดพระธรรมกาย ดีเอสไอได้ส่งมอบให้ สภ.คลองหลวง และแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงบ่ายมีเหตุการณ์คลายเครียดให้กับสื่อมวลชนหลายสำนักที่นั่งหลบแดด ใต้ร่มเงาต้นไม้ หน้าประตู 7 วัดพระธรรมกาย มีตัวเงินตัวทองขนาดกว่า 2 ฟุต วิ่งเลาะริมกำแพงมาจากหลังร้านกาแฟใกล้ประตู 7 พุ่งตรงจะไปมุดเข้าที่ช่องระบายอากาศห้อง รปภ.กลางประตู จนหัวติดคาอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บช.ภ. 1 ที่เข้าเวรอำนวยการอยู่ใกล้ๆ 3 นาย ต้องวิ่งมาจับล็อกขาและปาก นำไปปล่อยป่าพงหญ้าถนนฝั่งตรงข้าม คืนสู่ธรรมชาติต่อไป

...

เย็นวันเดียวกัน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ นำทีมงานดีเอสไอ เข้าประตู 1 นำสกอตเทปสีแดง ที่มีโลโก้ดีเอสไอ ไปซีลที่ประตูทางเข้าอาคารสำนักงาน และบ้านพักบริเวณรอบๆอาคารดาวดึงส์ รวม 15 หลัง มีพระสนิทวงศ์ พร้อมพระรูปอื่นๆและลูกศิษย์วัดพระธรรมกายอำนวยความสะดวก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมาถึงอาคารดาวดึงส์ เพื่อตรวจสอบเครื่องไฮเปอร์แบริค แชมเบอร์อีกครั้ง

จากนั้นเวลา 18.00 น. ที่หน้าประตู 7 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอเปิดเผยผลการปฏิบัติงานว่า วันนี้มี 4 ประเด็น 1.ตรวจสอบหมู่บ้านสวนตะวันธรรม ตามที่ได้ข่าวพระธัมมชโยซ่อนตัว เจอพระพม่า 3 รูปส่งให้ตำรวจ สตม.ตรวจสอบ 2.พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ สั่งการให้นำเจ้าหน้าที่ อย.กระทรวงสาธารณสุข และนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบตู้แคปซูล ไฮเปอร์แบริค แชมเบอร์ เพื่อหาเลขตัวถัง หรือซีเรียลนัมเบอร์ ตรวจสอบการนำเข้า เพื่อจะได้รู้ที่มาที่ไป โดยทาง อย.แจ้งว่าจะตรวจสอบให้เร็วที่สุดหลังจากนั้นจะแถลงผลต่อสื่อมวลชนอีกที 3.นำสกอตเทปมาซีลปิดประตูและทางเข้าอาคารพื้นที่ โซน A ที่ได้ตรวจสอบไปแล้ว เพื่อป้องกันบุคคลอื่นเข้าไปในจุดดังกล่าว และ 4.กรณีเจอน้ำมันกว่าแสนลิตรในแท็งก์น้ำมันนั้น เบื้องต้น ส่วนใหญ่เป็นน้ำมันดีเซล อีกส่วนเป็นน้ำมันเบนซิน ให้ พงส.สภ.คลองหลวง ดำเนินการไป


“ส่วนในวันที่ 19 ก.พ. เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะประชุม 2 เรื่อง 1.ประมวลผลการตรวจค้น 2 วัน ที่ผ่านมา 2.ปรับแผนปฏิบัติงานต่อไป ทั้งนี้ การข่าวเชื่อว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในพื้นที่รอบๆวัดพระธรรมกาย และพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนการยกเลิกใช้มาตรา 44 ควบคุมวัดพระธรรมกายนั้น จะยังไม่ยกเลิกจนกว่าจะสิ้นการสงสัยในการตรวจค้นทั้งหมด ที่ผ่านมา 2 วันได้เข้าไปสแกนพื้นที่เกือบทั้งหมด และยังมีบางจุดที่ยังเข้าไปไม่ได้ และไม่ได้ตรวจ ต้องรอให้ตรวจจนสิ้นสงสัยให้หมด ส่วนพรุ่งนี้ประชุมที่ไหน ขอไม่เปิดเผย” พ.ต.ต.วรณันกล่าว

...

มีรายงานว่า ในเย็นวันเดียวที่หน้าประตู 1 หน้าอุโบสถวัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 ได้สับเปลี่ยนกำลังพลในปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รอบวัดพระธรรมกาย ตามคำสั่งมาตรา 44 โดยขณะสับเปลี่ยนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจกเบี้ยเลี้ยงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อย พร้อมแจกข้าวกล่องในช่วงพักเที่ยงอีกด้วย

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งบอกว่า เบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาปฏิบัติงานที่วัดพระธรรมกายทุกนายจะได้รับเบี้ยเลี้ยงต่อคนวันละ 440 บาท มีการหักค่าอาหารทุกมื้อวันละ 3 เวลาคือ เช้า กลางวัน และเย็น จะเหลือกลับบ้านจริงๆคือวันละ 200 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ตั้งข้อสังเกตถึงราคาของข้าวกล่องในแต่ละมื้อว่ามีเพียงข้าวและกับข้าวเพียง 1 อย่าง แต่ราคาสูงถึงกล่องละ 80 บาทต่อกล่อง

ช่วงเย็นวันเดียวกัน นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระลูกวัดคนสำคัญของวัดพระธรรมกายเปิดเผยต่อ ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์กรณีมีกระแสข่าวว่าพระธัมมชโย หลบหนีออกจากวัดไปประเทศนิวซีแลนด์แล้วว่า การข่าวที่ได้รับทราบมาจากคนในวัดพระธรรมกาย เห็นช่วงที่มีพระ 200 รูป มากันเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้ามาในวัดทางประตู 1 พระธัมมชโยพร้อมพระระดับสูง หรือพระ 5 เสือ อาศัยช่วงชุลมุนขึ้นรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 730 i ของพระทัตตชีโว ที่ติดฟิล์มมืดทึบ ขับรถออกไปทางประตู 3 ที่ใช้เข้า-ออกเป็นประจำ หนีออกจากอาคารดาวดึงส์ ไปอาคาร 100 ปีทันที ก่อนที่พระ 5 เสือ จะสั่งให้ทุกคนออกไปจากตึก หลังจากนั้นขึ้นลิฟต์ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ชั้น 6 เป็นห้องแอร์เย็นสบาย

“สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ไม่เจอพระธัมมชโยในการปูพรมตรวจค้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่มุ่งตรวจค้นพื้นที่โซน A ขณะเดียวกัน อาคาร 100 ปี ที่อยู่โซน B พื้นที่ใหญ่มากกว่าห้างเซ็นทรัล เวิลด์อีก และอาคารในโซน B มีความซับซ้อนมากมายหลายห้อง เป็นการยากที่เจ้าหน้าที่จะสามารถตรวจค้นหาให้ละเอียดครบถ้วนได้ ส่วนขณะนี้จะหลบหนีอยู่ที่ตรงไหนนั้น อาจจะไปหลบซ่อนที่ห้องเซฟเฮาส์ในคอนโดแก้วมณี ที่มีห้องเป็น 1,000 ห้อง มีห้องลับจำนวนมากในที่นี้ ส่วนห้องใต้ดินมีหรือไม่ ยังไม่มีใครยืนยันได้” นพ.มโนกล่าว

...

นพ.มโนเผยต่อว่า อยากเสนอทางออกให้กับเจ้าหน้าที่รับมือปัญหาทีมพระธัมมชโย ที่เล่นซ่อนแอบว่า เจ้าหน้าที่จะต้องเรียกตัวพระ 5 เสือ มาเพื่อกักตัวสอบปากคำ รวมทั้งจะต้องยึดกุญแจรถทุกคันของวัดไว้ทั้งหมดเพราะพระธัมมชโย ไม่สามารถที่จะไปไหนมาไหนได้โดยลำพัง ต้องนั่งรถติดฟิล์มด้วย หากอยากเจอพระธัมมชโยต้องให้ตนไปเป็นผู้นำชี้เป้าค้น โดยเข้าไปตึกต่างๆและบอกเปิดดูจุดต่างๆในตึก เช่น อาคารสังฆกรรมที่เก็บเงินและทอง รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆที่ได้บริจาคมาไว้มากมาย รวมทั้งอาคารปุโรหิตา มีตู้เซฟเก็บเอกสารลับ โฉนดที่ดิน และขอให้มีการแต่งตั้งผู้สื่อข่าวเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานร่วมในภารกิจค้นหาพระธัมมชโย โดยที่ทางวัดหมดสิทธิ์ปิดกั้นสื่อ ต้องให้ทุกสำนักได้เข้าไปร่วมตรวจค้น

“ขณะนี้พระธัมมชโย และพระ 5 เสือระดับผู้บริหารสำคัญของวัด ยังคงหลบอยู่ภายในวัด เนื่องจากยังไปที่ไหนไม่ได้ แต่จะรอให้เจ้าหน้าที่ออกไปจากวัดก่อน หลังจากนั้นจึงจะไปประเทศออสเตรเลีย หรือสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นสาขาธรรมกายที่มีมวลชนหนาแน่นมากที่สุด” อดีตลูกศิษย์วัดพระธรรมกายกล่าว