ดีเอสไอ สนธิกำลังทลาย “แก๊งหมวกกันน็อก” ปล่อยกู้นอกระบบรายใหญ่ มีเครือข่าย 86 สาขาย่อย เงินหมุนเวียนกว่า 4 พันล้าน แฉเจ้าหน้าที่รัฐกว่าพันคนร่วมเอี่ยว เปิดตู้เซฟ เจอเงินสดนับล้าน อาวุธปืน ยันต์เจ้าคุณธงชัย รุ่นเลสเตอร์ฯ ได้แชมป์ก็มี...
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. 59 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ และ พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ (สนว.) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร่วมกันแถลงผลบุกค้นจับกุมกลุ่มขบวนการปล่อยหนี้นอกระบบรายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการการกระทำความผิดมากกว่า 2,000 ราย และมีประชาชนที่เป็นลูกหนี้ประมาณ 170,000 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดกว่า 150 ล้านบาท
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า การตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายไชยวุฒิ วิวัฒนอารีกุล ซึ่งทำหน้าที่ดูแลด้านไอที และดูแลระบบการจัดเก็บเงินกู้ที่เชื่อมโยงทั้งส่วนกลางและภูมิภาค อีกทั้ง จากการจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าว สามารถสอบสวนขยายผลไปยังตัวการสำคัญได้อีกหลายราย ส่วนผู้ต้องหาอีกรายถูกออกหมายจับ ที่อยู่ระดับบนสุดของขบวนการนี้ คือ นายวิชัย ปั้นงาม ผู้ต้องหารายนี้ได้เดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกับครอบครัว เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นการเดินทางออกนอกประเทศไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจค้นที่บ้านพัก ภายในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการเดินทางไปดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า นายวิชัย ได้มีการจองตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงคาดว่าไม่ได้เป็นการรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจค้น ทั้งนี้ เราจะดำเนินการติดตามตัวและดำเนินการออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวทั่วประเทศ กว่า 2,000-3,000 คน
...
"สำหรับขบวนการดังกล่าว รู้จักกันดีในชื่อแก๊งหมวกกันน็อก ทางกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ได้รับการแจ้งเบาะแสทั้งการข่าวเปิดและทางลับ จึงได้สั่งการให้ดีเอสไอไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาสืบสวนนานกว่า 2 ปี แต่จากการสืบสวน พบข้อมูลย้อนหลังของเครือข่ายดังกล่าวได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2554 โดยมีเครือข่ายสาขาย่อย 86 สาขาทั่วประเทศ และมีเงินหมุนเวียนในเครือข่าย กว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้มีมติเห็นชอบให้กรณีขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นคดีพิเศษ ซึ่งขบวนการดังกล่าวมีการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ร้อยละ 20 ต่อ 25 วัน โดยดอกเบี้ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 300 ซึ่งหากใครตกเป็นเหยื่อ โอกาสหลุดออกมาจากวงจรทำได้ยากมาก ทั้งนี้ เรากำลังดำเนินการหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเอาผิด หากผู้เสียหายหรือลูกหนี้ให้ข้อมูลกับทางดีเอสไอ นำไปสู่การจับกุม จะมีรางวัลนำจับให้ด้วย" พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า คดีดังกล่าว เราจะต้องดำเนินการกับผู้ที่ยังคงเก็บเงินอยู่ ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าว หากเรามีพยานหลักฐาน ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกว่า 1,000 ราย โดยพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จะทำหน้าที่เข้าไปไกล่เกลี่ย โดยใช้อำนาจบังคับลูกหนี้ให้จ่ายเงิน หลังจากนี้ ดีเอสไอ จะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ ปปง. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายนี้ รวมถึงหาแนวทางในการเยียวยาให้กลุ่มลูกหนี้ด้วย
ด้าน พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า สำหรับคีนี้เป็นคดีพิเศษที่ได้บูรณาการกับหลายฝ่ายจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ซึ่งเราได้รับข้อมูลทั้งทางการข่าว และการใช้กฎหมายพิเศษของดีเอสไอในการหาข้อมูล ซึ่งพบว่าเครือข่ายดังกล่าวเป็นรายใหญ่ของประเทศ และจากการตรวจสอบยังพบว่ามีการปกปิดแอบเปิดบริษัทประกอบกิจการอื่นๆ บังหน้า โดยบางบริษัทก็ปิดกิจการไปแล้ว และบางบริษัทก็จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ได้มีการประกอบกิจการตามที่ระบุไว้ อีกทั้ง ยังพบว่ามีองค์กรต่างๆ ให้การสนับสนุน ทั้งกลุ่มไอที กฎหมาย และผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีส่วนกลางในการควบคุมขยายไปทั่วประเทศ
"ปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเป้าหมายสถานที่ และการเข้าจับกุมผู้ต้องหามีทั้งหมด 26 จุด ทั้งในพื้นที่ จ.ปทุมธานี, เชียงใหม่, สงขลา และ ขอนแก่น สามารถยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ได้แก่ รถยนต์ 26 คัน, จักรยานยนต์ 86 คัน, ตู้นิรภัย 14 ตู้, ธนบัตรไทยและสกุลเงินต่างประเทศ, อุปกรณ์สื่อสาร และของมีค่าอีกหลายรายการ รวมถึงอายัดบัญชีเงินฝาก 28 เล่ม, อาวุธปืน 4 กระบอก, ลูกกระสุนปืน 309 นัด โฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 5 แปลง รวมมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท" พ.ต.ต.สุริยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังการแถลงข่าวดังกล่าว พ.ต.อ.ดุษฎี และ พ.ต.อ.ไพสิฐ ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาทำการเปิดตู้เซฟของกลางที่ยึดได้ในวันที่เข้าทำการตรวจค้น 2 ตู้ ภายในตู้เซฟพบเงินสดรวมกันนับล้านบาท พร้อมเอกสารหลักฐาน อาวุธปืน และเครื่องกระสุน รวมถึงพระเครื่อง และผ้ายันต์ของเจ้าคุณธงชัย รุ่นสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ได้แชมป์ด้วย จากนั้นได้พาสื่อไปดูรถยนต์ และจักรยานยนต์ที่เป็นของกลางในคดีดังกล่าว ซึ่ง ดีเอสไอ ได้นำมาเก็บไว้ที่บริเวณด้านหน้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย.