(ภาพจากหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน)

ชาวชุมพรต้องระวังปลายฝนต้นหนาว 'ด้วงก้นกระดก' แพร่ระบาด ล่าสุดเด็กชายวัย 11 ปีถูกพิษที่อัณฑะเกิดแผลพุพอง บวม และปัสสาวะไม่ออก ผู้ว่าฯ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามและระวังสถานการณ์

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.59 นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายชาญ เสมสวัสดิ์ นายอำเภอสวี นพ.พงษ์เธียร พันธ์พิพัฒน์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวี และนางเดือนเพ็ญ เคี่ยนบุ้น สาธารณสุขอำเภอสวี เข้าดูอาการของเด็กชายชินจัง (นามสมมติ) อายุ 11 ปี ที่ถูกพิษจากด้วงก้นกระดกกัดที่บริเวณอัณฑะ ทำให้เกิดแผลพุพอง บวม และปัสสาวะไม่ออก โดยเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลสวีเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ผู้ปกครองของเด็กชายชินจัง กล่าวว่า เมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ลูกชายกลับจากโรงเรียนและบอกว่าปวดแสบปวดร้อนที่อวัยวะเพศ เมื่อเปิดดูก็พบว่าที่บริเวณอัณฑะและองคชาตของลูกชายเริ่มมีผื่นแดงและตุ่มน้ำและต่อมามีแผลพุพอง บวมและฉี่ไม่ออก จึงนำส่งโรงพยาบาลสวี แต่อาการไม่น่าเป็นห่วง


นายณรงค์ กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวังการระบาดของด้วงก้นกระดกในจังหวัดชุมพรอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในช่วงปลายฝนต้นหนาวด้วงก้นกระดกจะมีจำนวนมาก โดยเฉพาะใน 5 อำเภอ ได้แก่ เมืองชุมพร ปะทิว สวี ทุ่งตะโก และหลังสวน ซึ่งมีชาวบ้านหลายรายถูกพิษด้วงก้นกระดกแต่ก็ไม่รุนแรง มีแค่เพียงเป็นแผลพุพอง

...

ด้านนางเดือนเพ็ญ กล่าวว่า ช่วงปลายฝนต้นหนาวด้วงก้นกระดกจะมีมากเป็นพิเศษ สำหรับลักษณะของด้วงก้นกระดกมีตัวเล็กประมาณ 7 มิลลิเมตร สีดำสลับน้ำตาล มีพิษเป็นกรดชนิดหนึ่ง เมื่อโดนแล้วจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน และทำให้เกิดแผลพุพอง วิธีแก้พิษเบื้องต้นให้ล้างด้วยน้ำสะอาด หรือล้างด้วยสบู่ ห้ามขยี้หรือเกา เพราะจะทำให้ พิษขยายวงกว้าง โดยผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ควรระวังเป็นพิเศษหากอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์ โดยด้วงดังกล่าวจะอาศัยตามกองขยะ กองหญ้า ชอบเล่นแสงสีขาว เช่นไฟนีออน เป็นต้น