พ่อบ้านที่นครศรีธรรมราช ทำบัตรประชาชนหาย ชีวิตเปลี่ยนทันที เมื่อตกไปอยู่ในมือโจรสองพี่น้อง นำไปเปิดบัญชีธนาคาร 4 แห่ง หลอกขายของทางเฟซบุ๊ก มีเงินโอนเข้ากว่า 3 แสน ขณะที่เจ้าของบัตรตัวจริง โดนแจ้งจับ วอนธนาคารตรวจสอบให้ดี...

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. พ.ต.ท.สุชาติ มีชัย สวป.สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สิชล ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.สิชล จับกุมตัวนายเอกลักษณ์ พ่วงสำเภา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเช่าเลขที่ 304/32 ม.1 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีรรมราช มีอาชีพขายของในตลาดสิชล และนายไก่ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี น้องชาย ได้ที่บ้านเช่าในพื้นที่ตลาดสิชล หลังจากที่ได้รับแจ้งว่าสองพี่น้องมีพฤติกรรมเอาบัตรประชาชนคนอื่นที่ทำหล่นหายไปเปิดบัญชีธนาคารถึง 4 ธนาคาร เพื่อหลอกขายของทางเฟซบุ๊ก  มีคนหลงเชื่อโอนเงินรวมกว่า 3 แสนบาท

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนายปัญทญา ศรีดำ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 ม.9 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.สิชล ว่าก่อนหน้านี้ได้มีคนนำบัตรประชาชนของตนที่ทำหล่นหายในโรงพยาบาลสิชล นำไปเปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภอสิชล แล้วหลอกขายสินค้าทางเฟซบุ๊กและอินเทอร์เน็ต  โซเชียลต่างๆ จนกระทั่งมีหมายเรียกจาก สภ.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี มาถึงนายปัญทญา ในข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากมีคนโอนเงินเข้าบัญชีนายปัญทญา แล้วไม่ส่งสินค้าให้ นายปัญทญา จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ และต่อมาก็ได้ทราบว่ามีการเปิดบัญชีเพิ่มอีก 3 ธนาคาร รวมทั้งหมด 4 ธนาคาร ในพื้นที่อำเภอสิชล

ด้าน พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.สิชล เผยว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งความก็ได้ทำหนังสือถึงธนาคาร เพื่อขอภาพกล้องวงจรปิด จนได้ภาพคนร้าย จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งหาตัวคนกระทำความผิดมาดำเนินคดี เพราะเป็นคดีหลอกลวงประชาชน  จากการตรวจสอบพบว่า มีคนโอนเงินเข้าบัญชีนายปัญทญาเป็นยอดเงินกว่า 3 แสนบาท ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือนหลังจากเปิดบัญชี ซึ่งเงินทั้งหมดได้มาจากการหลอกลวงประชาชนทั่วประเทศ สินค้าที่หลอกขายเป็นโทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ก และพระเครื่อง โดยใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า Bed Room รวมถึงขายของทางเว็บไซต์ ขายดีดอทคอม หลังจากที่จับกุมแล้ว พบว่านายไก่ คนน้อง เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับถึง 3 โรงพัก คือ สภ.เมืองปัตตานี สภ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ในข้อหาหลอกลวงลักษณะนี้เช่นกัน แต่ใช้ชื่อบัญชีธนาคารของนายไก่เอง

...

จากการสอบสวน 2 คนพี่น้องได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันทำการหลอกลวงประชาชาชนจริง หากคนไหนหลอกขายสินค้าได้ เมื่อมีการโอนเงิน จะผลัดเปลี่ยนกันมากดเงินตามตู้ ATM

ขณะที่นายปัญทญา ศรีดำ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก  เนื่องจากมีฐานะยากจน มีลูกแฝดอายุยังน้อย และยังมีโรคประจำตัว ต้องยืมเงินชาวบ้านและพี่น้อง เพื่อเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี สร้างความลำบากให้กับตนเองและครอบครัวมาก จึงฝากวอนถึงธนาคารให้เพิ่มความระมัดระวัง  และควรจะมีเอกสารในการเปิดบัญชีให้มากกว่าบัตรประชาชนเพียงอย่างเดียว เพราะที่ผ่านมามันเป็นเรื่องง่ายเกินไปที่ใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถเปิดได้ และในส่วนของธนาคารบางธนาคารไม่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ คิดว่าตนร่วมมือกับคนร้าย ทั้งๆ ที่เป็นความผิดพลาดของธนาคารเอง ที่ไม่มีการตรวจสอบให้ดี จนสามารถเปิดบัญชีได้ถึง 4 ธนาคารในพื้นที่อำเภอสิชล และตนได้ทำหนังสือร้องเรียนธนาคารที่ไม่ให้ความร่วมมือไปถึงสำนักงานใหญ่แล้วด้วย.