“ศรีวราห์” ถกร่วมดีเอสไอ ทหาร ฝ่ายปกครอง เตรียมความพร้อมและแนวทางปฏิบัติของแต่ละหน่วย ในการขอศาลอนุมัติหมายค้นวัด ลุยจับ “พระธัมมชโย” รองโฆษก ตร.ชี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะถึงขั้นใช้ ม.44 หรือไม่ ส่วนผู้การโจ๊กรับลูก เตรียมสุนัขตำรวจ อีโอดี อรินทราช 26 สนับสนุนการตรวจค้น ขณะที่สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทยแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก เสียใจรัฐคุกคามศาสนาและบุคลากร โดยไม่คำนึงความรู้สึกชาวพุทธ ส่วนไลน์กลุ่มลูกศิษย์ล่ารายชื่อถวายฎีกาให้คดีหลวงพ่อจบ
มาตรการกดดันด้านต่างๆ ในการนำตัวพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาดำเนินคดีในความผิดคดีฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และคดีบุกรุกป่าสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา และ จ.เลย โดยการดำเนินการทางฝ่ายสงฆ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มีคำสั่งให้พระธัมมชโยเป็นเจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ ไม่มีอำนาจปกครองวัด ขณะเดียวกันเจ้าคณะตำบลคลองสี่ ตั้งพระวิเทศภาวนาจารย์ (สมบุญ สัมมาปุญโญ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นรักษาการเจ้าอาวาสอย่างเป็นทางการ ส่วนการดำเนินการทางโลก ตำรวจมีแผนเรียกรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายทั้งหมดที่แต่งตั้งกันเองมาสอบสวนปากคำ หากพบมีเอี่ยวกับการให้ที่พักพิงกับพระธัมมชโย ต้องถูกดำเนินคดีทุกรูป
ความคืบหน้าล่าสุดในการนำตัวพระธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้าประชุมหารือเพื่อวางแนวทางในการจับกุมพระธัมมชโย โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวก่อนเริ่มประชุมว่า ในวันนี้จะประชุมเพื่อรับทราบแนวทางการปฏิบัติงาน ของแต่ละหน่วยงาน ในการขอหมายศาลเข้าตรวจค้นและเข้าจับกุมพระธัมมชโย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการคว้าน้ำเหลว เพียงแต่เมื่อเข้าไปแล้วไม่พบตัว จะให้ฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมให้ได้ คดีมีอายุความ 15-20 ปี แต่การจะเข้าถึงกุฏิของพระธัมมชโย ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไม่ให้เกิดความเสียหายเป็นเรื่องยากกว่า สำหรับประชาชนหรือลูกศิษย์ที่ออกมาขัดขวาง จะกักตัวและเชิญให้ออกก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนตัวเชื่อมั่น 80% ว่า พระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย ส่วน 20% ที่เหลือ ยังไม่มีใครพบเห็น การไม่พบตัวไม่ใช่ปัญหา จะจัดชุดสืบสวนติดตามจับกุมตามกฎหมาย พร้อมยืนยันยังไม่หมดเวลามอบตัว เพราะคดีมีอายุความ 15 ปี สำหรับการให้ประกันตัวนั้น คดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ มี 2 คดีคือ การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ การก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซ วัลเล่ย์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา และการก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมสวนป่าหิมวันต์ จ.เลย หากพนักงานสอบสวนของตำรวจอนุญาตให้ประกันตัว จะให้ประกัน คดีละ 1 แสนบาท แต่หากไม่ได้รับการประกันตัว ก็ต้องยึดตาม พ.ร.บ.สงฆ์ ม.23 ต้องลาสิกขาบท ทุกขั้นตอน ขึ้นอยู่กับกฎหมาย
...
ก่อนหน้านี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ทุกอย่างเดินทางถึงช่วงท้าย และสุกงอมพอสมควร ส่วนการดำเนินการครั้งต่อไปจะสอดคล้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ส่งสัญญาณให้ดำเนินการกับพระธัมมชโยหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพียงแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกรอบกฎหมายที่ให้อำนาจหน้าที่ไว้ ส่วนจะมีความจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 หรือไม่ ต้องดูรายละเอียด เพราะปกติ มาตรา 44 จะใช้ในลักษณะดูแลความสงบของชาติบ้านเมือง ตอบไม่ได้ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ต้องทำงานร่วมกัน ส่วนจะมองว่าคณะสงฆ์ช่วยเหลือปกป้องพระธัมมชโยหรือไม่นั้น ตามกฎหมาย ถ้าช่วยเหลือผู้ต้องหาต้องถูกดำเนินการ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ดำเนินการในทุกมิติ ส่วนกรณีวัดพระธรรมกายมีสาขาอยู่ต่างประเทศ การยึดทรัพย์หรือขยายผลจะทำทั้งในและต่างประเทศพร้อมกันได้หรือไม่นั้น ทราบว่าเรื่องนี้เป็นคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ในการดำเนินการ ต้องทำอยู่แล้ว ไม่มีกฎหมายใดบอกว่าทรัพย์สินอยู่ต่างประเทศแล้วยึดไม่ได้ ถ้ามีความผิดต้องดำเนินการ
ส่วนที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (สปพ.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท. ผบก.สปพ. (191) กล่าวว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. สั่งให้ตำรวจ 191 เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยสุนัขตำรวจ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด และหน่วยอรินทราช 26 ให้พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับและสนับสนุนการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย แต่ทั้งนี้ศาลต้องอนุมัติหมายค้นเสียก่อน
ด้านนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษ ฝ่ายสอบสวน 3 หนึ่งในคณะทำงานร่วมสอบคดีพระธัมมชโยรับของโจร ฟอกเงิน กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งให้พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นเจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ และแต่งตั้ง พระวิเทศภาวนาจารย์ (สมบุญ สมฺมาปุญฺโญ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า ไม่มีผลต่อการดำเนินการใดๆทางกฎหมาย เพราะเเต่ละคนมีหน้าที่ในช่วงเวลาที่ต่างกัน ความผิดทางกฎหมายเป็นเรื่องเฉพาะตัวของพระธัมมชโย เพียงเเต่หากมีการตรวจค้นวัด เจ้าอาวาสคนปัจจุบันมีหน้าที่พาเจ้าหน้าที่เข้าไป เป็นการเปลี่ยนตำแหน่ง เเต่ไม่ได้หมายความว่าการกระทำในช่วงก่อนจะลบล้าง อย่างเจ้าอาวาสคนก่อน มีการดำเนินคดีอย่างไรขั้นตอนก็ดำเนินต่อไป ส่วนเจ้าอาวาสคนใหม่จะมีโอกาสถูกดำเนินคดีเรื่องช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือไม่ เป็นเรื่องของข้อเท็จจริงหากมีการประสานขอความร่วมมือ ส่วนการขอหมายตรวจค้นวัดตอนนี้มีความพร้อมหมดแล้ว เพียงแต่รอจังหวะ มองว่าตอนนี้มีการปล่อยไฟเขียว ไม่ว่าจะเป็น นายกรัฐมนตรี หรือ ผบ.ตร. ส่งสัญญาณชัดเจน เรียกว่าเตรียมความพร้อมทุกฝ่ายแล้ว ถ้าส่งสัญญาณมา สามารถขอหมายค้นจับกุมได้ทันทีเลย ตนเตรียมความพร้อมดำเนินการในเรื่องนี้ไว้แล้ว
ขณะที่นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า กรณีเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มีคำสั่งให้พระธัมมชโย พ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เนื่องจากอาพาธ หลายฝ่ายมองว่า เป็นการช่วยเหลือพระธัมมชโยนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเป็นการดำเนินการทางการปกครองสงฆ์ ให้เกิดความเรียบร้อยของคณะสงฆ์ สำหรับกระบวนการของเจ้าคณะผู้ปกครองและรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จากนี้ไป หากเจ้าหน้าที่ตรวจค้นวัด เจ้าคณะผู้ปกครองและรักษาการเจ้าอาวาส ต้องร่วมตรวจค้น และอำนวยความสะดวกด้วย ขณะนี้พระธัมมชโยไม่ใช่พระสังฆาธิการในตำแหน่งเจ้าอาวาส เรื่องคดีความถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลตามกฎหมาย และเนื่องจากวัดพระธรรมกายไม่ใช่พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ไม่ต้องรายงานมหาเถรสมาคม (มส.) ในส่วนของ พศ.ได้ตั้งศูนย์ประสานงานเกี่ยวกับเรื่องพระธัมมชโย มีนายสมเกียรติ ธงศรี ผู้ตรวจราชการ พศ. เป็นประธานศูนย์ เพื่อคอยประสานงานกับเจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานี วัดพระธรรมกาย ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดีเอสไอและตำรวจร่วมกันวางแผนจับกุมพระธัมมชโยว่า มอบให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ประสานงานและสนับสนุนการทำงานของ 2 หน่วยงานอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่า กรณีที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ใช้อำนาจทางปกครองให้พระธัมมชโย พ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส และให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ เป็นตำแหน่งเสมือนเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ในวัดพระธรรมกาย ไม่มีอำนาจทางปกครอง วัดตามกฎหมาย จะทำให้เข้าจับกุมง่ายขึ้นหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน คดีส่วนคดี แต่การให้พ้นจากตำแหน่งเป็นเรื่องการปกครองทางสงฆ์ เมื่อถามถึงการพูดคุยระหว่างรัฐบาลกับคณะสงฆ์ตอนนี้เป็นอย่างไร สิ้นสุดแล้วหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยแล้ว เหลือแต่ให้ พศ.ไปร่วมมือกับฝ่ายที่บังคับใช้กฎหมาย ส่วนก่อนหน้านี้ที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนพระธัมมชโยของคณะสงฆ์นั้น ท่านประชุมกันสองถึงสามครั้งแล้ว มีรองเจ้าคณะภาค 1 เป็นประธาน ท่านทำในส่วนของคณะสงฆ์ และอยู่ระหว่างดำเนินการ
...
เช่นเดียวกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยมหิดล กรณีการแต่งตั้งพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นเจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ว่า การแต่งตั้งเป็นกิตติมศักดิ์มีอยู่ในระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ปกติว่า พระรูปใดที่มีพรรษาเกินให้ยกขึ้นจากเจ้าคณะจังหวัดเป็นกิตติมศักดิ์ เป็นระเบียบปกติอยู่แล้ว บางกรณีที่อายุยังไม่ถึง แต่ถ้าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เช่น ป่วย ทุพพลภาพ ก็ยกขึ้นเป็นกิตติมศักดิ์ได้ เป็นเรื่องที่ทางผู้ปกครองคณะสงฆ์เหนือขึ้นไปเป็นคนตั้ง เมื่อถามถึงกรณีแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสแล้วตัวรักษาการเจ้าอาวาสอยู่ต่างประเทศทำได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า มีเยอะแยะไป อธิบดีทำหน้าที่ไม่ได้ รองก็ปฏิบัติหน้าที่แทน หากรองป่วยก็ให้คนอื่นมาทำแทน มีเจ้าอาวาสหลายวัดที่ไม่ได้อยู่ประจำวัดอาศัยเจ้าอาวาสวัดอื่นไปทำหน้าที่แทน
วันเดียวกัน สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ สมาพันธ์ชาวพุทธ แห่งประเทศไทย เรื่อง ทีวีวัดพระธรรมกายถูกสั่งปิด ระบุว่า สมาพันธ์ฯรู้สึกเสียใจ เพราะวัดพระธรรมกายเป็นวัดในพระพุทธศาสนาที่มีกิจกรรมเพื่อสังคมมาตลอด ขณะเดียวกัน ต้องเผชิญกับการกล่าวหามาตลอดเช่นกัน การที่วัดพระธรรมกายยืนระยะทำงานเพื่อพระพุทธศาสนามาได้จนถึงทุกวันนี้น่าจะเป็นข้อเตือนใจได้ว่า วัดพระธรรมกายย่อมมีดีกว่าไม่ดี หากจะมีผู้กล่าวว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากการกระทำของเจ้าอาวาส ขอเรียนว่า ไม่ได้บอกว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสไม่ผิด แต่กระบวนการสอบสวนหาความผิดต่างหากที่สมาพันธ์ฯ ยอมรับได้ไม่สนิทใจ เพราะรัฐใช้แต่กฎหมายทางโลกตัดสิน ปกติแล้วพระสงฆ์ทั่วไปไม่ได้อยู่ใต้กฎหมายทางโลกเท่านั้น ยังต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์และพระวินัย สมควรที่จะนำ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และหลักพระวินัยมาใช้สอบสวน เพื่อจะชี้ว่ามีความผิดในขั้นตอนไหนบ้าง และจะทำให้ได้บทสรุปเป็นบรรทัดฐานควรปฏิบัติต่อท่านอย่างไร
...
แถลงการณ์ระบุต่อว่า ที่ผ่านมา สมาพันธ์ฯได้เฝ้าดูการปฏิบัติงานของรัฐด้วยความรู้สึกหดหู่ ที่เห็นรัฐแสดงอาการก้าวร้าวต่อสถาบันพระพุทธศาสนา และบุคลากรของพระพุทธศาสนา โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของชาวพุทธทั่วไปในภาพรวม สมาพันธ์ฯตระหนักดีว่า สถาบันพระพุทธศาสนาในปัจจุบันไม่ได้ผุดผ่องสมบูรณ์แบบ แต่ในภาพรวมส่วนใหญ่ ยังเป็นรากฐานวัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่ให้ความสงบสุขแก่สังคมไทยได้ดีอยู่ ขอเรียกร้องเจ้าหน้าที่รัฐให้ตระหนักถึงเรื่องนี้เพราะเกรงว่า ความแข็งกร้าวของรัฐจะไปปะทะกับกำแพงศรัทธาของชาววัดพระธรรมกาย จะกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ทำให้สังคมไทยบาดเจ็บลึกจนยากจะแก้ไขได้
ส่วนบรรยากาศภายในวัดพระธรรมกาย ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ช่วงเช้า ที่ประตู 7 ประตูหลักทางเข้าวัด มีรถยนต์เข้าออกต่อเนื่อง มีรถบัสนำคณะศิษยานุศิษย์มาร่วมกิจกรรมที่ทางวัดจัดขึ้น แต่ไม่มากนัก ขณะที่ทางเข้าบริเวณประตู 5 และประตู 6 ถนนบางขัน-หนองเสือ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วม 10 นาย ตั้งด่านตรวจดูแลความสงบเรียบร้อย ส่วนที่หน้าสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย มีสื่อมวลชนจำนวนมากมาลงทะเบียน รับปลอกแขน คอยทำข่าวที่เต็นท์รับรองที่วัดจัดไว้ให้
ขณะที่กลุ่มไลน์ของศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย มีการแคปหน้าจอผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “Psanitwong Wuttiwangso” เพื่อส่งต่อให้สมาชิกในกลุ่ม ข้อความว่า ด่วน...ขอรายชื่อพสกนิกรผู้ถวายฎีกา เพื่อให้คดีหลวงพ่อจบ ขอชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน ส่งที่ฝ่ายนิติการก่อน 13.00 น. นะคะ ญาติพี่น้องได้ทั้งหมด ขอแค่ยินยอม ไม่ใช้ฉบับแฟกซ์ ขอฉบับจริง ขอแค่ชื่อ-นามสกุล กับเลขบัตรประชาชน ไม่ต้องใช้บัตรประชาชนค่ะ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่อง เป็นการกระทำของลูกศิษย์บางคน ที่ต้องการทำให้ครูบาอาจารย์ที่เคารพรักคือ พระธัมมชโย ไม่ได้ทำในนามของวัด และไม่แน่ชัดว่า ทำในนามคณะศิษย์ หรือส่วนตัว ทั้งวัดและคณะศิษย์มีครูอาจารย์คนเดียวกันคือ พระธัมมชโย อะไรที่ทำแล้วดี อยากจะทำให้ท่าน
...
เย็นวันเดียวกัน ไลน์กลุ่ม “Newsวัดพระธรรมกาย” อ้างว่าเป็นคณะศิษย์โพสต์ว่า ได้เข้ายื่นถวายฎีกาแล้ว พร้อมทั้งส่งไฟล์แนบรายละเอียดหนังสือในการยื่นถวายฎีกา ระบุว่า เรื่อง การกราบบังคมทูลฯ ถวายฎีการ้องทุกข์ ขอพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ระงับเหตุรุนแรงอันจะบังเกิดขึ้นได้ ระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระพุทธศาสนา เนื่องด้วยสถานการณ์ส่อว่าจะบังเกิดเหตุรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับสถาบันพระพุทธศาสนา อันเนื่องมาจากการดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม 7 ข้อ ใจความสรุป ส่วนใหญ่เป็นการใช้อำนาจหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรมในการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย อีกทั้งการเตรียมกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่อให้เห็นว่าจะใช้ความรุนแรงจับกุมคณะศิษยานุศิษย์ที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดจำนวนนับหมื่นคนด้วยความเป็นห่วงพระธัมมชโย