ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ การบริหารประเทศของรัฐบาลไทย แค่การจัดซื้อ รถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ผ่านมา 11 ปี ผ่านมา 5 รัฐบาล 5 นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนถึง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลดลงเหลือ 489 คัน การจัดซื้อทำท่าจะสำเร็จแต่กลับมีกลิ่นตุๆจนถูกกรมศุลกากรกักรถลอตแรกไว้ตรวจสอบ

รถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน เริ่มจากราคา 67,000 ล้านบาท คันละ 16.75 ล้านบาท ประมูลล้มแล้วล้มอีก จากความไม่โปร่งใส “ส่อไปในทางไม่สุจริต” จนถึงรัฐบาลปฏิวัติของ พล.อ.ประยุทธ์ อนุมัติให้ ซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2 ล้านบาท ก็ยังจัดซื้อไม่ได้ จากความไม่โปร่งใสเหมือนเดิม ทั้งที่รัฐบาลนี้ประกาศจะปราบคอร์รัปชันมาตลอด

ในที่สุดรัฐบาลก็หาทางออก “แบบประหลาดๆ” คือ ซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน (ทำไมต้อง 489 คัน ไม่ซื้อ 490 คัน หรือ 500 คัน เป็นเลขกลมๆก็ไม่รู้) ซื้อรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน และ ปรับปรุงรถเก่า 672 คัน โดยใช้งบประมาณ 4,300 ล้านบาท

รถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ประมูลไปได้ในวงเงิน 3,389 ล้านบาทเศษ กำหนดส่งมอบในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ แต่ที่แปลกก็คือ นำเข้าลอตแรก 1 คัน นำเข้าลอตสองอีก 99 คัน (ทำไมไม่นำเข้าพร้อมกัน 100 คันก็ไม่รู้) เจ้าหน้าที่ศุลกากร เลยกักรถไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อตรวจว่ามีการหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ เพราะต้นทางรถออกมาจากจีนส่งไปมาเลเซีย แล้วค่อยส่งมาไทยอีกทอด

ถ้า รถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ประกอบใน มาเลเซีย จริง จะได้รับการยกเว้นภาษีเหลือ 0% เพราะอยู่ในเขตการค้าเสรีอาเซียน แต่ถ้า “ต้นทาง” มาจากประเทศอื่น จะต้องเสียภาษีนำเข้า 40% บวกแวตอีก 7% รถเมล์
เอ็นจีวีจีนรุ่นนี้จะต้องเสียภาษีนำเข้า คันละ 1.2 ล้านบาท ทั้งหมด 489 คันต้องเสียภาษี 586.8 ล้านบาท

...

คุณชัยยุทธ คำคูณ รองอธิบดีกรมศุลกากร โฆษกกรมศุลกากร แถลงว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมพบว่า การนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี 100 คันดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน แต่เป็นการ นำรถสำเร็จรูปมาจากประเทศจีน ผ่าน ประเทศมาเลเซีย และเข้าสู่ ประเทศไทย จึงต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

การนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีจีน 100 คันนี้ กรมศุลกากร ระบุว่า แบ่งการนำเข้าเป็นสองลอต ลอตแรกนำเข้า 1 คัน กรมศุลกากรพบว่า มีการส่งออกมาจากจีน โดยนำใส่ตู้คอนเทนเนอร์ ส่งออกไปมาเลเซีย ก่อนส่งต่อมาที่ท่าเรือแหลมฉบัง ลอตที่ 2 นำเข้า 99 คัน ก็ส่งรถออกมาจากจีน โดยการขับรถขึ้นบนเรือ แล้วส่งไปยังประเทศมาเลเซีย และนำเข้าประเทศไทยผ่านท่าเรือแหลมฉบัง

ก่อนหน้านี้ เบสท์ริน กรุ๊ป ได้นำตัวอย่าง รถเมล์เอ็นจีวียี่ห้อ “ซันลอง” จากประเทศจีนไปโชว์ให้ ครม. ดู เห็นปลื้มกันใหญ่

สองวันก่อน กรมศุลกากร ส่งเจ้าหน้าที่ไปยัง มาเลเซีย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า รถเมล์จีนยี่ห้อซันลองรุ่นนี้ ผลิตในมาเลเซียจริงหรือไม่ โรงงานมีจริงหรือไม่ อยู่ที่ไหน รองชัยยุทธ ระบุว่า หลักฐานของกรมพบว่า สินค้าไม่น่าจะผลิตจากมาเลเซีย จึงต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปดูโรงงานผลิต ต้องยกนิ้วชมว่ามีความรอบคอบมาก

ถ้าวันนี้ไม่รู้ผล สัปดาห์หน้าก็ควรจะรู้ผล กรมศุลฯไม่ควรปล่อยให้เวลายืดนานออกไปจะเสียภาพลักษณ์ คุณออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยคมนาคม กล่าวว่า ถ้าพบว่ามีเจตนาเลี่ยงภาษี ขสมก.ก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาจัดซื้อได้ ความเสียหายก็ตกแก่ชาวกรุงเทพฯอีก

เรื่องนี้ผมว่า “เป็นเรื่องเศร้าของชาติ” ที่ “น่าอับอาย” อย่างยิ่ง รถเมล์ 4 พันคันจัดซื้อมา 11 ปี 5 รัฐบาล 5 นายกฯ ซื้อไม่ได้ เพราะ “ผีคอร์รัปชัน” มันหลอกมันหลอน ถ้า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังซื้อไม่สำเร็จ ยังมีการทุจริต อนาคตประเทศไทยก็ว้าเหว่ เลยชวนให้สงสัยว่า รถไฟ รถไฟฟ้าที่ประมูลกันไปหลายแสนล้านบาท มีความโปร่งใสแค่ไหน เพราะไม่มีใครไปตรวจสอบและคงตรวจสอบไม่ง่ายเหมือนรถเมล์เอ็นจีวี.

“ลม เปลี่ยนทิศ”