"วัฒนา" จี้ รัฐพยุงเศรษฐกิจ สร้างกำลังซื้อให้เกษตรกร เย้ย "ทหาร-นักการเมือง" เกี่ยวข้าวไม่เข้าใจปัญหา ย้ำจำนำยุ้งฉางไม่ช่วยพยุงราคา ยกพุทธศาสนสุภาษิต "พาโล อปริณายโก"
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 59 นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก แนะนำให้รัฐบาลกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากความไม่มีเสถียรภาพของการเมืองโลก ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยระบุว่า “ปีนี้ทอดผ้า ปีหน้าเผาจริง” ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ จะทำให้การลงทุนชะลอตัว นโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีคนใหม่ จะกระทบถึงจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของไทย ส่วนตลาดที่สำคัญอีกแห่งคือสหภาพยุโรป ก็เกิดปัญหาเนื่องจากสมาชิกซึ่งเป็นประเทศใหญ่ ได้แก่ อิตาลี มีปัญหาเศรษฐกิจ, ฝรั่งเศส กำลังจะมีการเลือกตั้ง ส่วนสหราชอาณาจักรก็มีปัญหาว่าจะออกจากสหภาพยุโรป ตามผลประชามติหรือไม่ ปัจจัยภายนอกดังกล่าวจะกระทบถึงเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการส่งออก ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำคือ กระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายใน โดยสร้างกำลังซื้อให้เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ เพื่อพยุงเศรษฐกิจในขณะที่โลกกำลังมีปัญหา
นายวัฒนา ระบุต่อว่า ประเทศไทยมีผลผลิตข้าวปีละประมาณ 32-35 ล้านตัน(ข้าวเปลือก) หรือประมาณ 20-21 ล้านตัน(ข้าวสาร) (ข้าวเปลือก 1 ตันแปรสภาพเป็นข้าวสารได้ 0.6 ตัน) คนไทยบริโภคข้าวสารปีละ 8 ล้านตัน (120 กิโลกรัม/ปี/คน) เราจึงมีข้าวสารเกินจากการบริโภคประมาณ 12 ล้านตัน ที่จะต้องส่งออก ปัญหาของชาวนาคือราคาข้าวเปลือกตกต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาการตลาดไม่ใช่การผลิต ดังนั้น ภาพที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกไปช่วยชาวนาขายข้าวสาร คือ การช่วยด้านการตลาด จึงตรงกับปัญหา ส่วนภาพทหารและนักการเมืองบางพรรค ที่คิดเหมือนกันด้วยการออกไปช่วยชาวนาเกี่ยวข้าว คือ ส่วนของการผลิต แม้จะทำไปด้วยเจตนาดีแต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงการไม่เข้าใจสาเหตุแห่งปัญหา รัฐบาล คสช. กับพรรคการเมืองบางพรรค จึงคิดเหมือนกันแต่ต่างจากพรรคเพื่อไทยโดยสิ้นเชิง
...
นายวัฒนา ระบุต่อว่า การช่วยเหลือชาวนาจะต้องเอาผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด แต่นโยบายรับจำนำยุ้งฉาง ที่มียุ้งฉางเก็บข้าวเปลือกได้ไม่เกิน 1 ล้านตัน จะไม่ช่วยพยุงราคา เพราะข้าวเปลือกที่เหลือจะออกสู่ตลาดพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้ราคาตกต่ำ ส่วนเงินที่รัฐบาลจ่ายให้ชาวนาที่ไม่มียุ้งฉาง ตันละ 2,000 บาท คือ แนวทางการประกันราคาข้าวเปลือก ที่เคยดำเนินการมาแล้วแต่ไม่ได้ผล เพราะไม่ได้ช่วยลดอุปทาน(supply) ทำให้ราคาข้าวเปลือกถูกกดต่ำลงไปอีก ในขณะที่การส่งออกมีปัญหา อุตสาหกรรมที่เป็นหัวใจสำคัญ เช่น รถยนต์ จะถูกแทนที่ด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งจะมีคนตกงานอีกนับแสนคน เกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ขาดกำลังซื้อ จะทำให้เศรษฐกิจในเมืองเกิดปัญหา แต่รัฐบาลกลับสนุกกับการทำลายฝ่ายตรงข้าม เพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองที่ได้มาโดยไม่ชอบ ทั้งยังไม่มีแนวทางแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจไทยจึงไม่มีทางจะฟื้นตัว ปีนี้ที่ว่าแย่ยังแค่การทอดผ้าบังสุกุล ปีหน้าคือการเผาจริง เชื่อพุทธศาสนสุภาษิตหรือยังว่า “พาโล อปริณายโก”