เตรียมพื้นที่เปิดเข้าสนามหลวงตี4


กอร.รส.จัดใหม่หมด ปรับระบบจัดคิวให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง รับแค่วันละ 3 หมื่นราย พร้อมเล็งเปิดให้จองคิวล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ ด้าน กทม.ประสานทหารเข้าปรับพื้นที่ในสนามหลวง ทำความสะอาด-จัดโซนนิ่งเต็นท์อาหาร ท่ามกลางประชาชนที่ยังหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สอง จนที่พักค้างคืนที่เตรียมไว้ใกล้เต็ม ขณะเดียวกัน เหล่าดาราคนดังกลุ่มเยาวชนคงเดินหน้าทำดี ทั้งจัดหาอาหาร-เวชภัณฑ์-ของที่ระลึกมาแจกคนที่มา ส่วนในต่างจังหวัดพร้อมใจจัดกิจกรรมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยพร้อมเพรียง

พสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศยังคงหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ท้องสนามหลวงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นวันที่ 2

ไม่ท้อแม้ต่อแถวยาว

ทั้งนี้ ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 30 ต.ค. ประชาชนในชุดดำไว้ทุกข์ที่เดินทางมาจากทั่วประเทศ เดินทางมาเข้าคิวเพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว และพื้นสนามหลวงยังเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ที่เกิดจากสายฝนตกกระหน่ำลงมาเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่พสกนิกรก็ไม่ได้ย่อท้อ พากันมาเข้าคิวกันยาวเหยียด นอกจากนี้ ยังได้เคลื่อนย้ายบอลลูน ซึ่งเป็นจุดรับบัตรคิว จากที่เดิมคือที่บริเวณทางสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา ย้ายมาที่กึ่งกลางสนามหลวงด้านทิศเหนือ โดยมีทหารคอยประกาศให้ผู้ที่ต้องการจะเข้าถวายสักการะพระบรมศพ มาเข้าคิวที่บริเวณดังกล่าว โดยจัดเป็นแบบแถวตอนเรียงสี่ วนไปโดยรอบสนามหลวง ก่อนเข้าสู่เต็นท์หน้าวัดมหาธาตุฯ โดยหัวแถวอยู่ที่บริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี หน้าพระบรมมหาราชวัง

...

ให้กลุ่มตกค้างได้เข้าก่อน

จากนั้นเวลา 05.15 น. สำนักพระราชวัง เปิดให้พสกนิกรกลุ่มแรก ได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 สำหรับประชาชนกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นไปถวายสักการะพระบรมศพ ล้วนเป็นกลุ่มที่ตกค้าง ไม่ได้เข้าถวายสักการะ ในวันแรกและเกือบทั้งหมดล้วนเดินทางมาถึงสนามหลวงตั้งแต่เช้าวันที่ 29 ต.ค. ต้องเข้าแถวรอในท้องสนามหลวงนาน 16 ชั่วโมง ทั้งยังต้องนอนค้างแรมต่อที่เต็นท์ซึ่งทาง กทม. จัดเตรียมไว้ รวมระยะเวลาที่ประชาชนกลุ่มนี้ต้องเฝ้ารอช่วงเวลาสำคัญที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต เป็นเวลากว่า 24 ชั่วโมง ทั้งนี้กลุ่มประชาชนที่มีความรักมั่นคงต่อองค์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ต่างพร้อมใจเดินเท้าเข้าสู่พระบรม มหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี เพื่อเดินต่อบนถนนจักรีจรัณย์ ผ่านเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน ทางประตูพิมานไชยศรี แล้วเลี้ยวขวาเพื่อเดินต่อบนถนนอมรวิถี ผ่านพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทางประตูทิศตะวันตก แล้วขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช สมดั่งที่ตั้งใจมุ่งมั่น

ยอมนอนรอทั้งคืนไม่ไปไหน

นางวรรณา เอียดพระพาย วัย 50 ปี เดินทางมาจาก จ.สงขลา กล่าวว่า มาถึงสนามหลวงเมื่อวันที่ 28 ต.ค. และไม่ได้สักการะพระบรมศพในวันแรก เมื่อคืนอาศัยนอนที่เต็นท์ในสนามหลวง คิดเพียงอย่างเดียวว่าคงไม่ถอยแล้วจะรอจนกว่าได้ขึ้นไปสักการะพระบรมศพ เพราะความลำบากที่เจอเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่พระเจ้าอยู่หัวทรงทำให้คนไทย ขณะที่ น.ส.อุไรวรรณ ไผทฉันท์ อาชีพครู เดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า มาถึงท้องสนามหลวง เมื่อสายวันที่ 29 ต.ค. ทำให้ตกค้างไม่สามารถถวายสักการะพระบรมศพ แต่ดีใจที่วันนี้ได้ขึ้นสักการะเป็นกลุ่มแรก ในอดีตเคยมีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ถึง 2 ครั้งเมื่อยามที่เจอปัญหาอุปสรรคก็จะนึกถึงพระองค์ท่าน

หน้าพระบรมโกศไม่ขาดเสียงสะอื้นไห้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตลอดทั้งวันแน่นขนัดไปด้วยพสกนิกรชาวไทยจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งราษฎรชาวไทยภูเขา ตลอดจนชาวต่างชาติที่ได้อาศัยร่มพระบรมโพธิสมภารในผืนแผ่นดินไทยอย่างร่มเย็น หลอมรวมดวงใจมาสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แม้ใช้เวลาต่อแถวรอไม่ต่ำกว่าชั่วโมง แต่เมื่อก้าวย่างเข้ามาสู่เขตพระราชฐาน ขึ้นสู่องค์พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมศพ จิตใจของพสกนิกรราษฎรเหล่านั้นกลับได้เข้าสู่ความร่มเย็น แต่ครั้นเมื่อได้เห็นพระบรมโกศ และภาพพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ประดิษฐานบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พสกนิกรของพระองค์หลายคนยังคงไม่สามารถกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจไว้ได้ ทำให้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทุกนาทีมีแต่เสียงสะอื้นไห้ และในผู้ที่เข้ามากราบสักการะพระบรมศพในวันที่สองนี้ มีชาวไทยภูเขา 7 เผ่าจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย สวมชุดประจำเผ่ารวมอยู่ด้วย โดยนายพิชัย ซือมือ อายุ 42 ปี ชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า จาก ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย กล่าวว่า เพราะพระองค์และสมเด็จย่า ทำให้ชาวไทยภูเขาอยู่ดีกินดี จนส่งเสียบุตรหลานจบการศึกษาถึงระดับปริญญาตรี พวกเราสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมาก จึงอยากมากราบพระบรมศพพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย

สมเด็จพระเทพฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลฯ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 07.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรม มหาราชวัง พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า อทิตยาทรกิติคุณ และ คุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาองค์เล็กในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ดำเนินมาเป็นวันที่สิบเจ็ด และเวลา 11.00 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และในช่วงค่ำพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง บำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นอกจากนี้ นายไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา เดินทางมาวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นลงนามแสดงความอาลัย ณ อาคารสำนักราชเลขาธิการ ในพระบรมมหาราชวัง ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน

...

จัดดอกไม้สด 3 สีประดับแสดงอาลัย

ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรม ศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การนี้ สำนักพระราชวังได้จัดดอกไม้สด 3 สี ได้แก่ ดอกไม้สีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำพระบรมราชวงศ์จักรี อีกทั้งเป็นสีประจำวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดอกไม้สีขาว ซึ่งเป็นสีแห่งความบริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นสีแห่งพระเมตตาขององค์ภูมิพลที่ปกเกล้าชาวไทย และดอกไม้สีเขียว ซึ่งเป็นสีแห่งความอุดมสมบูรณ์ เพราะทุกพื้นที่ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินจะเกิดความอุดมสมบูรณ์ มีฝน มีป่า พืชพันธุ์ธัญญาหาร ราษฎรมีเก็บ มีกินมีใช้ มีออม ดำรงชีพอย่างพอเพียง ประดับถวายในพระราชพิธีพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ทั้งนี้ ในการประดับดอกไม้ จะประกอบด้วย การถวายดอกบัวบูชาที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ซึ่งจะมีการเปลี่ยนทุกวัน ดอกไม้ประดับพระบรมโกศพระบรมศพ จะมีการเปลี่ยนวันเว้นวัน และพุ่มดอกไม้ประดับถวายในมณฑลพิธี จะมีการเปลี่ยนทุก 2 วัน

ผบ.ทบ.สั่งเพิ่ม จนท.จัดระบบคิว

สำหรับปัญหาการจัดคิวที่ในวันแรกยังไม่ลงตัว จนมีคนตกค้างเป็นจำนวนมากนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 รอง ผอ.กอร.รส.ภายหลัง พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ประจำจุดเต็นท์กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) ของกองทัพภาคที่ 1 บริเวณท้องสนามหลวง ว่า พล.อ.เฉลิมชัย เน้นย้ำให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยจัดเจ้าหน้าที่ประจำทุกจุด รวมถึงภาพรวมด้านสุขอนามัย อาหาร น้ำดื่ม ช่วยเหลือกรณีพลัดหลงหรือเจ็บป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการจัดลำดับคิวเพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ซึ่งพบปัญหาว่ามีการแซงคิวกันเอง หรือไม่รู้ว่าจุดรับบัตรคิวอยู่ตรงไหน ผบ.ทบ.กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ทหารเพิ่มลงไปในจุดจัดระบบคิว จัดระเบียบให้เป็นไปตามคิวโดยเข้มงวด ตามที่สำนักพระราชวังประสานมา และประชาชนบางส่วนที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าไป ก็ตกลงที่จะสักการะภายนอกพระบรมมหาราชวัง

...

ทภ.1 จัดคิวได้วันละ 3 หมื่นคน

ขณะที่กองอำนวยการร่วมกรุงเทพมหานคร พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมดูแลประชาชนที่จะเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศว่า สำนักพระราชวังแจ้งว่าสามารถรับประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพได้ประมาณ 30,000 คนต่อวัน การจัดคิวให้ประชาชนเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ นั้นขึ้นอยู่กับกองทัพภาคที่ 1 ส่วนการกำหนดจำนวนประชาชนที่จะเข้าไปในพระบรมมหาราชวังมีหลายปัจจัย อาทิ มีพิธีสงฆ์ สำนักพระราชวังจะส่งสัญญาณให้หยุดรับประชาชนเข้าไปในพื้นที่ ทั้งนี้ ยอดจำนวนคนที่เข้าไปถวายสักการะพระบรมศพเมื่อวันที่ 29 ต.ค. จำนวน 29,480 คน การจัดคิวทางกองทัพจะต้องคำนึงจำนวนประชาชนที่มารอ ให้มีความสอดคล้องกัน หากแจกบัตรคิวมากเกินจำนวนที่รับได้ ประชาชนที่ไม่ได้เข้าไปจะเกิดความผิดหวัง

ให้ช่วยจับตาพวกฉวยโอกาส

พล.ต.ท.อำนวยกล่าวต่ออีกว่า ประชาชนที่มาในพื้นที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 99.99 มาเพื่อถวายสักการะพระบรมศพ ควรแต่งกายและประพฤติอย่างเหมาะสม มีเพียงส่วนน้อยที่เข้ามาในพื้นที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น แต่งกายเลียนแบบซุปเปอร์ฮีโร่ แบทแมน ซุปเปอร์แมน เมาสุรา รวมถึงมาถ่ายรูปโดยใช้พระบรมมหาราชวังเป็นแบ็กกราวด์แล้วโพสต์รูปผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนนี้ให้คำนึงถึงความเหมาะสมด้วย โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียมีเครือข่ายที่กว้าง นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าผู้ขี่รถ จยย.บางรายฉวยโอกาสแฝงตัวในกลุ่มจิตอาสาที่ให้บริการรับส่งฟรี เรียกเก็บค่าโดยสารจากประชาชนในอัตราที่แพงเกินจริง เช่น จากเชิงสะพานฝั่ง กทม.ไปเชิงสะพานฝั่งธนบุรี เรียกเก็บค่าโดยสารคนละ 100 บาทหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนพบเห็น สามารถแจ้งได้ที่กองอำนวยการร่วมฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกันนี้หากผู้ใดพบเห็นวัตถุต้องสงสัยให้แจ้งตำรวจตรวจสอบทันที

...

เล็งประสานหาที่พักเพิ่ม

ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า เนื่องจากประชาชนบางรายเดินทางมาจากต่างจังหวัดและต้องรอหลายชั่วโมง สำหรับที่พักที่ กทม.เตรียมไว้ 3 แห่งเกือบเต็มอัตราที่รองรับได้แล้วคือ บ้านอิ่มใจ 100 คน อาคารกีฬาเวศน์ 1 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง 600 คน และที่สนามม้านางเลิ้ง 300 คน หลังจากนี้จะประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หาที่พักรองรับเพิ่ม นอกจากนี้ บริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (เอสซีจี) จะเข้ามาติดตั้งห้องน้ำระบบน็อกดาวน์เพิ่มเติมอีกแห่งที่บริเวณกองสลากเก่า ริมถนนราชดำเนินกลาง แบ่งเป็นห้องน้ำหญิง 10 ห้อง ชาย 5 ห้อง ห้องน้ำสำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ 2 ห้อง โถปัสสาวะสำหรับผู้ชาย 20 โถ อ่างล้างมือหน้าห้องน้ำชาย หญิงฝั่งละ 5 จุด คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จประมาณวันที่ 1 พ.ย. นอกจากนี้ ยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่จัดหาเก้าอี้พับ 200 ตัว สำหรับหมุนเวียนให้ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว สตรีมีครรภ์ ใช้นั่งพักระหว่างรอคิวเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ พร้อมจัดรถกอล์ฟรับส่งผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ ผู้พิการ ผู้มีโรคประจำตัวที่เดินไม่ไหว ถึงที่ทางเข้าพระบรมมหาราชวัง

มจร.รับประสานพาพระเข้า

ขณะที่พระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมศิษย์เก่า มจร.ร่วมกับฝ่ายกิจการต่างประเทศ มจร.และกองทัพเรือ จัดเต็นท์บริเวณท่าราชวรดิฐ เพื่อรองรับ และอำนวยความสะดวกให้กับพระสงฆ์ที่จะเข้าไปถวายบังคมพระบรมศพในพระบรมมหาราชวังนั้น ขณะนี้ทาง มจร.ได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ในการนำพระสงฆ์เข้าไปในพระบรมมหาราชวังเป็นการเฉพาะแล้ว โดยให้พระสงฆ์ลงทะเบียนที่เต็นท์บริการของ มจร. เมื่อลงทะเบียนแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ทหารนำเข้าไปในพระบรมมหาราชวังครั้งละ 10 รูป เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย เมื่อถึงข้างในแล้วจะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้เข้าไปได้ ส่วนพระสงฆ์ที่จะอยู่ร่วมฟังสวดอภิธรรม ก็ให้แจ้งความประสงค์ที่เต็นท์ของ มจร.เช่นกัน สอบถามโทร.
08-7585-3794

เล็งใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์จัดคิว

ต่อมาในช่วงบ่าย พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 รอง ผอ.กอร.รส.กล่าวเพิ่มเติมภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า วันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา มีประชาชนเข้าถวายสักการะ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ 29,000 คน ขณะที่ เวลา 15.00 น. วันที่ 30 ต.ค. พบว่ามีประชาชนเข้าคิวประมาณ 30,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนสามารถเข้าถวายสักการะได้ถึง 21.00 น.แล้ว ส่วนคนที่เหลือได้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้ประชาชนเกินจำนวนดังกล่าว รอมาใหม่ในวันถัดไป สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้เดินทางมานั้น ต้องขอให้มาในวันต่อๆไป แทน นอกจากนี้จะมีการหารือเรื่องของแนวทางการจัดระเบียบ เพื่อเข้าไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทอีกครั้ง ซึ่งอาจจะใช้วิธีการจองคิวล่วงหน้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ทราบจำนวนที่แน่นอนและประชาชนจะได้เตรียมการล่วงหน้า รวมทั้งเน้นย้ำเรื่องการแจกจ่ายอาหาร การดูแลเด็กหาย เรื่องของความสะอาด ขยะ เรื่องการดูแลความปลอดภัยตามจุดต่างๆ

คลีนนิ่งสนามหลวง–จัดโซนอาหาร

ด้าน พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะรอง ผอ.กอร.รส. กล่าวเช่นกันว่าตามที่มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เปิดโรงทานแจกอาหารจำนวนมากทุกวัน และช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน เมื่อฝนตกทำให้มีสิ่งสกปรกบริเวณพื้นที่ประกอบอาหารจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดเชื้อโรคต่างๆได้ ทาง กอร. รส.ทั้งทหาร ตำรวจ กทม. จึงเห็นว่าตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00 น.เป็นต้นไป กำลังพลทั้งหมดจะช่วยกันทำความสะอาด ทั้งในเต็นท์ทำอาหาร และนอกเต็นท์ จัดพื้นที่ให้เข้ารูปเข้ารอย สะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ในการอำนวยความสะดวก และการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน

เปิดให้เข้าสนามหลวงตี 4

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์กล่าวอีกว่า เรื่องการรักษาความปลอดภัยบริเวณพื้นที่โดยรอบสนามหลวงเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ รวมถึงเทศกิจ ได้ร่วมกันดูแลรักษาความปลอดภัย มีกล้องวงจรปิด 1,400 ตัว มีจุดรับแจ้งเหตุ และจุดคัดกรองจำนวน 8 จุด โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้าสนามหลวงตั้งแต่เวลา 04.00 น. หลังจาก 21.00 น. จะเชิญคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ให้ กทม.ได้ทำความสะอาด ส่วนเรื่องการแต่งกายของประชาชน ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด อย่าได้เป็นกังวลเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่มีความยืดหยุ่นและดูที่เจตนา สถานะของแต่ละคน ยึดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และให้ถูกต้องตามหลักวัฒนธรรม หากมีข้อสงสัยให้สอบถามไปที่ กอร.รส.หรือสายด่วน 1899 และขอให้แต่งกายตามเพศสภาพในการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ

พิธีกรดังนำกระโปรง–รองเท้ามาให้ยืม

อย่างไรก็ดี ตลอดวันเป็นที่น่าสังเกตว่ายังมีเหล่าคนดัง และวัยรุ่นออกมาทำกิจกรรมจิตอาสากันอย่างต่อเนื่อง โดยที่เต็นท์กองทัพบก หน้าวัดมหาธาตุฯ กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ พิธีกรชื่อดัง พร้อมด้วย น.ส.รัศมิ์ลภัส กัลยาศิลปิน ผู้สื่อข่าวรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง นำกระโปรงดำ ผ้าถุงดำ กางเกงขายาวสีดำ และรองเท้าหุ้มส้น มาให้ประชาชนที่แต่งกายไม่เรียบร้อยได้ยืม ก่อนเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง โดยกาละแมร์-พัชรศรี กล่าวว่า ทราบข่าวจากไอจีของ น.ส.รัศมิ์ลภัส ว่านำเครื่องแต่งกายเหล่านี้มาให้บริการประชาชนยืมใส่ เพื่อเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ ซึ่งตนเห็นด้วยกับการกระทำอย่างนี้ จึงไปซื้อกระโปรงดำมาร่วมสนับสนุนด้วย เพราะเชื่อว่าชาวบ้านไม่ทราบเรื่องระเบียบ การแต่งกายที่ถูกต้องตามหลักของสำนักพระราชวัง โดยผู้ที่เข้ามายืมจะต้องนำบัตรประชาชนมามอบให้ก่อนนำกระโปรง หรือร้องเท้าหุ้มส้นไปสวมใส่ เมื่อเข้ากราบพระบรมศพเสร็จแล้ว นำมาคืนและรับบัตรประชาชนกลับไป นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆ หลายคนเมื่อทราบข่าวได้นำสิ่งของมาร่วมสนับสนุนมากขึ้น

“เกรซ–หม่ำ” แจกยาดม–อาหาร

ขณะเดียวกัน เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า นักแสดงชื่อดัง นำยาดมสมุนไพรที่ได้ทำขึ้นเอง มาแจกจ่ายให้กับประชาชนโดยรอบสนามหลวง โดยนักแสดงชื่อดัง กล่าวว่า ทำยาดมสมุนไพรมาแจก เพราะคิดว่าน่าจะเป็นที่ต้องการมาก โดยได้สูตรมาจากแพทย์จีน แล้วไปซื้ออุปกรณ์แล้วมานั่งทำเอง เป็นครั้งแรกในชีวิต ขณะที่หม่ำ จกม๊ก พร้อมด้วยภรรยา นำไก่ทอด กระดูกหมูทอด หมูยอทอด ข้าวเหนียว และปลาร้าสับ มาแจกประชาชนที่เต็นท์มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ ตรงข้ามศาลฎีกา โดยหม่ำ จกม๊ก กล่าวว่า ตนเชื่อว่าตอนนี้คนไทยยังคงเศร้าและทำใจไม่ได้ที่พระองค์จากไป ตนเองก็เช่นกัน แต่ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไป และขอให้เข้าใจว่าพระองค์ท่านไม่ได้ไปไหน พระองค์ยังคงอยู่ในใจคนไทยตลอดอยู่แล้ว ขอให้เรายึดคำสอนพ่อและปฏิบัติตาม

ลูก “ถวัลย์ ดัชนี” แจกภาพในหลวง ร.9

ส่วนที่บริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี นายดอยธิเบศร์ ดัชนี ลูกชายคนเดียวของนายถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) นำพระบรม ฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช มาแจกคนที่มาร่วมถวายสักการะพระบรมศพ ก่อนเปิดเผยว่า นำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาแจก 2 หมื่นใบ โดยคัดเลือกภาพที่มีคุณภาพดีทั้งหมด 9 แบบ เป็น ภาพที่เห็นกันคุ้นเคย ส่วนใหญ่ฉลองพระองค์เป็นทางการ นำมาแต่งใส่กรอบแล้วอัดด้วยกระดาษอย่างดี และสัปดาห์หน้าจะนำมาแจกอีก 2 หมื่นใบ ที่จุดนี้เหมือนเดิม แต่ภาพจะแตกต่างจากครั้งนี้ คือเป็นภาพจากธีมช่างภาพส่วนพระองค์ เป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นกันบ่อยนัก เพื่อให้ประชาชนได้เก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป ตระกูลของตัวเองรับใช้พระบรม วงศานุวงศ์ทุกพระองค์ด้วยความจงรักภักดีเสมอมา และนับจากนี้ไปจะเดินหน้าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี เช่นเดียวกับ 70 ปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไม่เคยหยุดทรงงาน

เด็กวอนผู้ใหญ่แยกขยะก่อนทิ้ง

ส่วนที่บริเวณประตูเทวาภิรมย์ กลุ่มเด็กจิตอาสาจากโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ตระเวนเก็บขยะรอบสนามหลวง และรอบพระบรมมหาราชวัง ด.ญ.หทัยพัชร์ รัตนวราภรณ์ อายุ 11 ขวบ อยู่ชั้น ป.6 กล่าวว่า ตั้งใจมาเป็นจิตอาสามาเก็บขยะให้สะอาดเพื่อในหลวง ภูมิใจที่อย่างน้อยที่ทำให้พื้นที่ที่เราเก็บขยะออกไปสะอาดได้บ้าง ด้าน ด.ญ.นิชาภา โลเกศกระวี อายุ 12 ปี ชั้น ป.6 กล่าวว่า จากการตระเวนเก็บพบขยะเยอะมากๆ อยากฝากไปถึงพี่ๆที่เป็นผู้ใหญ่ช่วยแยกขยะก่อนทิ้งด้วย และที่บริเวณหน้า สน.พระราชวัง มีกลุ่มรถ จยย. กว่า 200 คัน ห้อยติดป้าย ทำดีเพื่อพ่อบริการรับ-ส่งฟรี และด้านหลังหมวกนิรภัย ติดสติกเกอร์ เลขที่คัน และชื่อคนขับ มีข้อความระบุงดรับเงิน มีประชาชนที่จะเดินทางเข้าสนามหลวงต่อแถวรอใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยนายนัฐพงศ์ เนตรดี อายุ 36 ปี เผยว่า เป็นหนึ่งในสมาชิกอาสาปลดแอกชาวสองล้อ โซนธนบุรี ตอนแรกมีสมาชิกกลุ่มมาร่วมเป็นจิตอาสาประมาณ 200 คัน มาตั้งจุดรับส่งฟรีบริเวณหน้า สน.พระราชวัง ก่อนที่จะเริ่มมีจิตอาสามาเพิ่มกว่า 500 คัน ทุกคนจะลงทะเบียนนำสติกเกอร์ไปติดที่หลังหมวกกันน็อก หากพบว่ามีจิตอาสาที่ลงทะเบียนรับเงินค่าโดยสารประชาชน สามารถแจ้งตำรวจได้ทันทีและทางกลุ่มจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

พระองค์โสมฯ รับสั่ง จนท.ดูแล ปชช.

อีกด้านหนึ่ง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า โสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะองค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)ยามยาก เสด็จยังรถเคลื่อนที่ “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจคนไทยไม่ทิ้งกัน” บริเวณหน้ากรมศิลปากร เพื่อทรงทอดไก่ประทานพร้อมข้าวเหนียวน่ึงให้กับพสกนิกรที่มาสักการะพระบรมศพ โดยมีอาจารย์จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ทหารกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ น.ส.ธัญชนก มูลนิลตา หรือเฟรนช์ฟรายส์ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2015 มาร่วมแจกจ่ายอาหารที่ประทานให้กับประชาชน ในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ มีรับสั่งว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนให้ดี โดยเฉพาะเด็กที่ตามมา รวมถึงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่มายืนอารักขา ร่วมกันแจกน้ำดื่มให้ประชาชนด้วย

ร่วมรำลึกโชว์เพลงพระราชนิพนธ์

ส่วนที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยศิลปากร นายธวัช ดาวสวย อายุ 70 ปี อาชีพนักดนตรี หัวหน้าวงสนามหลวงแจ๊สร็อก นำเครื่องดนตรีสากลทั้งเครื่องเป่าและเครื่องสายมาบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อให้ประชาชนที่เดินผ่านไปมาได้รับฟังระลึกถึงความมีอัจฉริยภาพด้านดนตรี มีป้ายเขียนข้อความ “ขอน้อมนำบทเพลงราชนิพนธ์ปนเส้นเสียงดนตรีสไตล์บลูแจ๊ส รวมใจบรรเลงถวายแด่พ่อหลวงด้วยน้อมรำลึกชั่วนิจนิรันดร์” ท่ามกลางประชาชนที่สนใจมุงดูและขอถ่ายรูปกันอย่างเนืองแน่น ทั้งนี้ นายธวัช กล่าวว่า วันนี้ทางวงนัดกันเพื่อนำเครื่องดนตรีคลาสสิกมาบรรเลงให้ประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้รับฟังเพื่อร่วมกันระลึกถึงบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ทรงแต่งไว้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รู้ซึ้งถึงความไพเราะของบทเพลงพระราชนิพนธ์

พม.ทำป้ายข้อมือกันเด็กพลัดหลง

ส่วนที่จุดบริการ “พม. เพื่อพ่อหลวง” กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามวัดมหาธาตุฯ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครที่ให้บริการประชาชน โดยได้มอบเสื้อเอี๊ยม พม.เพื่อพ่อหลวงให้กับอาสาสมัครฯ เข็นรถวีลแชร์ นอกจากนี้ยังได้จัดทำป้ายคล้องข้อมือ (ริสแบรนด์) สำหรับคล้องข้อมือเด็กและผู้สูงอายุเพื่อป้องกันพลัดหลง โดยที่ป้ายรัดข้อมือจะมีกระดาษสำหรับใช้เขียนชื่อ นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครองหรือญาติเพื่อใช้ติดต่อหากเกิดพลัดหลง โดยจัดทำเตรียมไว้วันละ 100 อัน ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์คนมามากจัดทำไว้ 200 อัน ทั้งนี้ พม.จะให้การดูแลเด็กพลัดหลงก่อนส่งคืนผู้ปกครอง รวมทั้ง บริการรถเข็นวีลแชร์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ตัดผมชาย-หญิงฟรี ในแต่ละวันมีประชาชนรับบัตรคิวตัดผมกว่า 300 คน

ยายเดินไม่ได้ร่ำไห้ได้เข้ากราบพระบรมศพ

ขณะเดียวกันจากการที่สนามหลวงเนืองแน่นไปด้วยประชาชน ก็พบว่าในจุดรอคอยที่ท้องสนามหลวงฝั่งตรงข้ามวัดมหาธาตุฯ ที่มีประชาชนตั้งแถว 4 แถวรอคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด มีหญิงชรากับเด็กชายตัวเล็กๆนั่งอยู่บนรถเข็นเข้าคิวรวมอยู่ด้วย โดยเด็กนอนพิงตัวหลับอยู่บนรถคันเดียวกันเป็นที่น่าเวทนากับคนที่ได้พบเห็น เนื่องจากอายุมากและเดินไม่ไหว โดยรอคิว อยู่จนถึงเวลา 09.30 น. เมื่อเข้าไปสอบถามพบว่า มีญาติมาด้วยอีก 1 คน โดยบอกว่าชื่อนางจำลอง แก้วกระจ่าง อายุ 80 ปี เดินทางมาจาก จ.สระบุรี มาถึงสนามหลวงเวลา 05.00 น. ยายเดินไม่ไหวแล้ว แต่อยากมากราบพระบรมศพจึงพามาแม้จะรู้ว่าคนมากและรอคิวนาน แต่ก็ยินดีจะทนจนกว่าจะได้เข้าไปกราบตามที่ตั้งใจ ซึ่งในเวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่จัดคิวได้เปิดให้นำคนพิการและผู้สูงอายุที่เดินไม่ไหวได้เข้าไปก่อน ทำให้นางจำลองถึงกับยิ้มจนน้ำตาไหลที่ได้เข้ากราบพระบรมศพสมตามที่ตั้งใจ

พบเด็ก-คนชราพลัดหลงเพียบ

ส่วนที่เต็นท์กองบัญชาการรักษาดินแดง กระทรวงมหาดไทย พบว่ามีเด็กและคนชราพลัดหลงมาแจ้งให้ตามหาญาติตลอดทั้งวัน โดยในเวลา 16.00 น. พบว่ามีคนพลัดหลง 36 ราย แบ่งเป็นเด็ก 17 ราย และคนชรา 19 ราย สรุปตั้งแต่วันที่ 18-30 ต.ค.59 รวมมีผู้พลัดหลง 147 ราย แยกเป็นเด็ก 57 ราย คนชรา 90 ราย ทั้งหมดนี้สามารถติดตามญาติมารับกลับบ้านได้ทุกราย

ฝนกระหน่ำหนักก็ไม่ถอย

จากนั้นในช่วงเย็นถึงค่ำเกิดฝนตกกระหน่ำลงมาตลอดพื้นที่ท้องสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง แต่พบว่าประชาชนที่ยืนต่อแถวรอขึ้นถวายสักการะพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง ไม่ยอมแตกแถวยืนปักหลักจองที่รอเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท อย่างไม่ท้อ โดยนำร่มมากางนำเสื้อกันฝนมาสวมใส่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ต้องนำร่มนับสิบหลังมาช่วยกางปกป้องกันสายฝนให้กับพสกนิกรขององค์ภูมิพล ให้ได้ขึ้นถวายสักการะพระบรมศพครบทุกคน ขณะที่บริเวณท้องสนามหลวง ประชาชนที่รอแถวบางส่วนพากันวิ่งหลบฝนตามเต็นท์ต่างๆที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้โดยรอบสนามหลวง แต่ก็มีหลายรายนำร่มและเสื้อกันฝนนำออกมาใช้และยังคงยืนเข้าคิวรอเวลาที่จะได้กราบพระบรมศพต่อไป เนื่องจากเกรงว่าจะมีคนเข้ามาแทรกคิวได้ ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารที่คอยจัดคิวประชาชนกล่าวว่า ในเวลา 15.30 น. ได้ตัดคิวครบจำนวน 30,000 คน ที่จะเข้าถวายสักการะพระบรมศพได้ภายในเวลา 21.00 น. โดยดูจากจำนวนคนที่ทหารใช้เครื่องนับจำนวนเป็นเกณฑ์ เมื่อได้จำนวนคนครบแล้ว ได้นำบอลลูนที่เขียนข้อความว่า “จุดรับบัตรคิว” ลงมาทันที ซึ่งบอลลูนนี้จะเป็นสัญลักษณ์จุดเริ่มต้นของการต่อคิว หากไม่เห็นบอลลูนดังกล่าวอยู่บนท้องฟ้าแสดงว่าจำนวนผู้ที่จะเข้ากราบถวายสักการะเต็มแล้ว ให้มาวันใหม่

บันทึกทุกกิจกรรมในหอจดหมายเหตุ

วันเดียวกัน ที่ศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการ ศตส. เป็นประธานการประชุม ศตส.โดยมีตัวแทนหน่วยงานต่างๆเข้าร่วม โดยนายสุวพันธุ์ กล่าวช่วงต้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีข้อสั่งการว่า ให้ ศตส.ดูแล ช่วยเหลือประชาชนในการจัดทุกกิจกรรมเพื่อแสดงความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด และให้ ศตส.รวบรวมการทำกิจกรรมของทุกหน่วยงานทั้งที่เป็นภาพถ่าย วีดิทัศน์ วีดิโอคลิป โดยกิจกรรมในประเทศมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย รวบรวม ส่วนในต่างประเทศให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวม ไม่ว่าจะเป็นการส่งพระราชสาส์น การจัดกิจกรรม รวมถึงการเดินทางมาของราชวงศ์ต่างประเทศและผู้นำ กิจกรรมของคนไทย ณ สถานเอกอัครราชทูต แล้วส่งให้ ศตส. และให้ ศตส.หารือกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อนำไปบรรจุไว้ในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

เริ่ม 1 พ.ย.แจ้งร่วมเจ้าภาพบำเพ็ญ

นายสุวพันธุ์ยังแจ้งต่อที่ประชุมด้วยว่า หลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร 50 วัน ถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และถวายเป็นพระราชกุศล สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.59-28 ก.พ.60 ดาวน์โหลดขอร่วมเป็นเจ้าภาพได้ที่ www.brh.thaigov.net ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.59 รวมทั้งขอหนังสือได้ที่ฝ่ายทะเบียนสำนักพระราชวัง สนามเสือป่า หรือส่งเอกสารมาได้ที่ฝ่ายทะเบียนอาคาร 601 สำนักพระราชวัง สนามเสือป่า ถนนศรีอยุธยา แขวงดุสิต เขตดุสิต กทม. หรือโทรสารหมายเลข 0-2280-8708 หรือส่งทางไปรษณีย์ที่เลขาธิการพระราชวัง สำนักพระราชวัง สนามเสือป่า กทม. 10300 และส่งผ่านทางอีเมล brh@palaces.mail.go.th แล้วสำนักพระราชวังจะมีหนังสือแจ้งให้ทราบ

“นายกฯ” ขอบคุณ จนท.ดูแล ปชช.

ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ในการอำนวยความสะดวกประชาชนจากทั่วประเทศ ในการกราบ ถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ต้องมีการปรับแผนและใช้เวลามากขึ้น นายกฯ ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกฝ่ายที่ทำหน้าที่อย่างหนัก เพื่อดูแลประชาชนและถวายเป็นพระราชกุศล รู้สึกตื้นตันใจที่ได้เห็นถึงความจงรักภักดี ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของคนไทยทั่วทุกสารทิศ ที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกร

ขอเรียนรู้ เห็นใจซึ่งกันและกัน

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯอยากเห็นความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในทุกเรื่อง ทั้งการเข้าคิว การใช้รถสาธารณะ การแต่งกาย และกิริยามารยาท เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ พร้อมทั้งขอให้ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดี ไม่ให้เจ็บป่วย จากอากาศที่ร้อนอบอ้าวและฝนที่ตกลงมา พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ฝากให้ข้อคิดแก่คนไทยทุกคนว่า ให้ทุกคนใช้เวลานี้เรียนรู้และเข้าใจซึ่งกันและกัน มีความเห็นอกเห็นใจกัน เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญนำไปสู่การจัดระเบียบสังคมและการปฏิรูปประเทศให้สัมฤทธิผลตามเป้าหมายในโอกาสข้างหน้า

“บิ๊กเจี๊ยบ” ถกภาคธุรกิจบันเทิง 31 ต.ค.

พล.ท.สรรเสริญกล่าวอีกว่า จากตัวเลขที่ กทม. รายงาน ได้เตรียมอาหาร ขนม และน้ำดื่มบริการประชาชนประมาณ 2 แสน 1 หมื่นชุดต่อวัน ขณะที่ประชาชนที่เข้าเฝ้าฯถวายสักการะพระบรมศพได้ประมาณ 3 หมื่นคนต่อวัน ตัวเลขที่แตกต่างกันเชื่อว่าประชาชนส่วนหนึ่งมาฟังพระสวดอภิธรรม สำหรับภาคธุรกิจบันเทิงนับแต่วันที่ 13 ต.ค. รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน ให้ประกอบการได้ตามปกติ แต่เฉพาะอยู่ในสถานที่ปิดภายในอาคาร อยู่บนดาดฟ้า และโรงแรมที่ติดกับชายหาด จัดกิจกรรมในพื้นที่ได้ และเมื่อครบ 30 วัน นับจากวันที่ 13 ต.ค. ธุรกิจต่างๆจะกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ แต่ขณะนี้เกิดกระแสสังคมของภาคธุรกิจบันเทิง นายกฯจึงได้สั่งให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ประกอบการ นายกสมาคมธุรกิจสถานบันเทิง ประชุมหารือในวันที่ 31 ต.ค. เพื่อให้ได้ข้อยุติข้อปฏิบัติที่ชัดเจนของกลุ่มธุรกิจ ที่จะเริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.

2.8 ล.คนใช้รถเมล์–เรือมาสนามหลวง

ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ประชาชนใช้บริการรถชัตเติลบัสของ ขสมก.ถึง 128,627 คน ใช้บริการทางเรือ 62,000 คน รวม 190,627 คน ยอดรวมตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. มีผู้ใช้บริการทั้งสองระบบเดินทางมาสนามหลวงรวมทั้งสิ้น 2,800,000 คน ซึ่งยังไม่รวมการขนส่งภาคเอกชนที่นำรถมาช่วยบริการและประชาชนที่เดินเท้าเข้ามา ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำเกี่ยวกับการเดินทางเพื่อความปลอดภัย และไม่นำรถส่วนตัวเข้าไปในพื้นที่สนามหลวง ให้นำรถไปจอดยังพื้นที่ 10 จุดที่จัดไว้

15 วัน คนลงนามฯกว่า 4.4 ล้านคน 

ขณะเดียวกัน กระทรวงมหาดไทย สรุปยอดการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความอาลัยและการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ประชาชนลงนามแสดงความอาลัย ในต่างจังหวัด ณ วันที่ 29 ต.ค. จำนวนทั้งสิ้น 100,068 คน มียอดผู้การลงนามแสดงความอาลัยตั้งแต่วันที่ 14-29 ต.ค.2559 จำนวนทั้งสิ้น 4,455,280 คน กิจกรรมสวดอภิธรรม มีผู้เข้าร่วมจำนวน 213,194 คน มียอดผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวดอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 14-29 ต.ค. จำนวนทั้งสิ้น 6,890,092 คน กิจกรรมทำบุญ ตักบาตร มีผู้เข้าร่วมจำนวน 12,792 คน มียอดผู้เข้าร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตรตั้งแต่วันที่ 14-29 ต.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 2,384,257 คน และกิจกรรมอื่นๆ จำนวน 9,745 คน มียอดผู้เข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ตั้งแต่วันที่ 14-29 ต.ค. จำนวนทั้งสิ้น 1,541,194 คน

เปลี่ยนเส้นทางเข้าสักการะพระบรมศพ

วันเดียวกัน สำนักพระราชวังแจ้งว่า ตามที่มีพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลครบ 15 วัน ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. เป็นต้นไป เวลา 08.00-21.00 น.ทุกวัน (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) นั้น สำนักพระราชวังจะมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการเข้าถวายสักการะพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป จากเดิมที่กำหนดให้ขบวนประชาชนทุกหมู่เหล่าซึ่งเดินมาจากมณฑลพิธีสนามหลวงเข้ามาทางประตูวิเศษไชยศรี ผ่านประตูพิมานไชยศรี จากนั้นเลี้ยวขวาไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นเส้นทางดังนี้ ให้ขบวนประชาชนทุกหมู่เหล่าซึ่งเดินมาจากมณฑลพิธีท้องสนามหลวงเข้าพระบรมมหาราชวังมาทางประตูมณีนพรัตน์ และประตูเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดารามฝั่งทิศเหนือ จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเดินตามทางพระระเบียงคต วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงประตูศรีรัตนศาสดาราม เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอมรวิถี หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน แล้วเลี้ยวขวาตั้งแถวบนถนนอมรวิถี หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สถานที่ประดิษฐานพระบรมศพ เนื่องจากนับแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป สำนักพระราชวังจะเปิดขายบัตรเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามแก่นัก ท่องเที่ยวต่างชาติเข้าชมและสักการะระหว่างเวลา 08.00-15.30 น. อีกครั้ง หลังจากหยุดการจำหน่ายบัตรเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มาตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา และจะให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี

ชาวเขา–ชาวคริสต์ถวายอาลัย

ขณะที่ทั่วประเทศตลอดวันที่ 30 ต.ค. ต่างจัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยที่ลานอเนกประสงค์บ้านปางสา หมู่ 17 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ชาวเขาเผ่าลีซู เผ่าอาข่า เผ่าลัวะ เผ่าเมี่ยน จาก 6 หมู่บ้าน ต.ป่าตึง จำนวน 1,500 คน ร่วมทำพิธีแสดงความอาลัย “ร้อยดวงใจกตัญญูในหลวงน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” มีนายสมศักดิ์ คณาคำ นอภ.แม่จัน เป็นประธานนำเข้าร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี พิธีรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์เสด็จฯเยี่ยมชุมชนลุ่มน้ำจัน 3 ครั้ง ช่วงปี 2522-2524 พระราชทานเงินส่วนพระองค์สร้างโรงเรียนปางสา พระราชทานที่ดินให้ชาวบ้านทำกิน สร้างฝายกั้นน้ำ พัฒนาความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขาทุกชนเผ่า เช่นเดียวกับที่โบสถ์คริสตจักรบ้านโป่ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นายโพธิ์ ชื่นชูไพร ประธานธรรมกิจคริสตจักรบ้านโป่ง นำพี่น้องชนเผ่าคริสต์ศาสนิกชน 8 เครือข่าย 500กว่าคน ร่วมประกอบพิธีทางศาสนาแสดงออกถึงความจงรักภักดี ร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ส่งคำอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อนำทางพระองค์ พ่อหลวงสู่สวรรคาลัย จากนั้นร่วมเปล่งเสียงร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีดังกึกก้องทั่วทั้งโบสถ์

นำกล้วยไม้ขาวแสดงความอาลัย

ที่ลานด้านหน้าพุทธมณฑล ถนนพุทธมณฑลสาย 4 จ.นครปฐม เจ้าของสวนกล้วยไม้จากสมาคมผู้ประกอบการสวนกล้วยไม้ไทยจาก จ.นนทบุรี สมุทรสาคร ราชบุรี และนครปฐม นำกล้วยไม้ไทยมีสีขาวล้วนจำนวนกว่า 1,400,000 ดอก มาประดับพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขนาดใหญ่และทำรูปหัวใจขนาดใหญ่ประดับ 2 ข้างของพระบรมฉายาลักษณ์ เตรียมจัดพิธีจุดเทียนแสดงความอาลัยแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พ่อหลวงในเวลา 18.00 น. วันที่ 31 ต.ค.โดยนายสมเกียรติ ดุษฎีกาญจน นายกสมาคมผู้ประกอบการสวนกล้วยไม้ไทย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางสมาคมจะนำดอกกล้วยไม้ไปประดับที่ท้องสนามหลวง แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าที่พุทธมณฑลเป็นจุดบริการประชาชน เป็นสถานีรับส่งผู้จะเดินทางไปสักการะพระบรมศพพ่อหลวง จึงขอใช้ สถานที่แห่งนี้นำดอกกล้วยไม้มาประดับพระบรมฉายาลักษณ์แทน โดยเจ้าของสวนกล้วยไม้ 4 จังหวัดจะนำพนักงานทั้งหมด รวมทั้งนักเรียนจากโรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัย ร่วมจุดเทียนแสดงความอาลัย พร้อมจัดทำแท่นให้ผู้ร่วมงานลงนามแสดงความอาลัย

รถโดยสารบริการฟรี “ทำดีเพื่อพ่อ”

ที่ลานจอดรถเอกชนริมถนนสายเอเชีย กม.18 ฝั่งขาเข้า กทม. ตรงข้ามศูนย์ราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา นายเรวัต ประสงค์ รอง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานปล่อยขบวนรถตู้ 70 คัน และรถตุ๊กตุ๊กกว่า 20 คัน ร่วมกิจกรรม “ทำดีเพื่อพ่อ” ให้บริการฟรีรับส่งประชาชนเดินทางไปกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ที่พระบรมมหาราชวัง และจะรับกลับในเวลาไม่เกิน 18.00 น. โดยมีประชาชนที่ทราบข่าวจากการประชาสัมพันธ์ก่อนหน้านี้มาใช้บริการอย่างคับคั่งกว่า 500 คน ส่วนที่คิวรถสองแถวสายระยอง-อัสสัมชัญ ข้างเมษาฟาร์มาซี ศูนย์การค้าระยอง อ.เมืองระยอง สังกัดสหกรณ์เดินรถสามัคคีจำกัด จ.ระยอง จำนวน 42 คัน ร่วมกันแจกอาหารเครื่องดื่มแก่ประชาชน และให้บริการรับส่งผู้โดยสารฟรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9

เยาวชนสร้างฝายถวายพ่อของแผ่นดิน

ที่วัดไร่ม่วง (พระราชดำรัส) ต.ดอนขุนห้วย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นักเรียน นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เยาวชนศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายมหาวิทยาลัยปลอดเหล้า มูลนิธิเยาวชนพอเพียงเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ร่วมกับชาวบ้าน ต.ดอนขุนห้วย กว่า 250 คน จัดกิจกรรม “สร้างฝายชะลอน้ำ ถวายพ่อของแผ่นดิน” ร่วมกันสร้างฝายชะลอน้ำบนเขามดแดงพื้นที่โครงการพระราชประสงค์ จำนวน 20 ฝาย และปลูกต้นไม้บริเวณลานพลับพลาที่ประทับ ส่วนที่น้ำตกซองเรือ หมู่ 4 ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ชาว อ.เกาะสมุย ในชื่อ “กลุ่มจิตอาสาท้าทำความดี” ร่วมกันสร้างฝายบริเวณที่มีธารน้ำไหลลงมาจากน้ำตกซองเรือ เพื่อชะลอน้ำสร้างความชุ่มชื้นให้ผืนป่า เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

เลี้ยงพระบวชถวายเป็นพระราชกุศล

ที่ลานสยามมินทร์ หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนชาวอำเภออรัญประเทศ ร่วมกันทำบุญถวายภัตตาหารเพลพระ 134 รูป ที่พร้อมใจบวชถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้พ่อค้า แม่ค้า ร่วมกันทำก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นบริเวณริมถนนสุวรรณศร ทางไปตลาดโรงเกลือหน้าโรงแรมสยาม-เกสต์เฮาส์ แจกให้รับประทานฟรีและนำกลับบ้านเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9

มุ่งมั่นเดิน–วิ่งไปถวายสักการะ

ในส่วนของประชาชนจากต่างจังหวัด หลายคนที่ตั้งใจมุ่งมั่นเดินเท้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อแสดงความ จงรักภักดี ไปถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรม มหาราชวัง อาทิ นายนัน เสาแก้ว อายุ 57 ปี นักจัดรายการวิทยุที่รู้จักกันในชื่อ “ลุงนอ เสียงหล่อ” เดินด้วยเท้าเปล่าจาก จ.พิจิตร ผ่านถึง จ.นครสวรรค์ นายสรรเพชร สังข์แก้ว อายุ 19 ปี นักเรียน กศน. และนักกีฬามวยไทย เริ่มออกวิ่งจากหน้าสำนักงานเทศบาลนครนครศรีธรรมราช คาดใช้เวลาประมาณ 20 วัน นายปัญญา ศรีทอง อายุ 59 ปี นายสมชาย ฉุนมี อายุ 56 ปี และนายโมฮามัต อากบาร อายุ 31 ปี ชาว อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เดินด้วยเท้าเปล่ามาถึงเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี นายประสาน ระงับ พ่อเฒ่า อายุ 78 ปี อดีตนักวิ่งมาราธอน ชาว อ.เมืองกาญจนบุรี วิ่งเข้าเขต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นายสุริยะ เกตุทับ อายุ 66 ปี ออกเดินจาก อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี คาดถึงที่หมายในช่วงค่ำของวันรุ่งขึ้น นายขจรศักดิ์ เนียมประเสริฐศรี อายุ 26 ปี เริ่มเดินเท้าออกจาก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี คาดถึงท้องสนามหลวงในช่วงเย็นวันเดียว กัน ตลอดเส้นทางที่ทุกคนผ่านได้รับความสนใจจากประชาชนออกมาให้กำลังใจจำนวนมาก

นักปั่นชลบุรีรวมพลัง 129 คัน

ที่หน้าหอพระพุทธสิหิงค์ อ.เมืองชลบุรี ชมรมกลุ่มนักปั่นจักรยานในชลบุรี 129 คันพร้อมใจกันสวมชุดดำมารวมตัวกันเดินทางมุ่งหน้าเข้า กทม.ใช้ถนนสายบางนา-ตราด เพื่อร่วมถวายสักการะพระบรมศพ มีรถกู้ภัยมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ ชลบุรี อำนวยความสะดวกนำและปิดท้ายขบวน ทั้งนี้ชมรมกลุ่มนักปั่นจักรยานในชลบุรีมีหลายกลุ่ม มารวมตัวกันวันนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและต้องการแสดงความจงรักภักดีด้วยความตั้งใจของสมาชิกทุกคน ที่ผ่านมาเคยร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติมาตลอด ตั้งแต่ปั่นเพื่อแม่และปั่นเพื่อพ่อ เมื่อถึงจุดหมายแล้วจะร่วมกันแสดงความอาลัยและยืนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีโดยพร้อมเพรียงกัน

ชาวเพชรบุรีภูมิใจถวายช้างสำคัญ

ด้านประชาชนที่เคยเข้าเฝ้าฯถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ต่างออกมาเล่าถึงความประทับใจครั้งอดีต โดยนายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ นายก อบต.บ้านหม้อ อ.เมืองเพชรบุรี ลูกชายนายศุภโยค พานิชวิทย์ อดีต ผวจ.เพชรบุรี รำลึกเหตุการณ์นายศุภโยค พร้อมชาวเพชรบุรี ทูลเกล้าฯถวายช้างสำคัญ 3 ช้าง นับเป็นความภาคภูมิใจและอยู่ในความทรงจำของชาวเพชรบุรี ว่าเมื่อปี 2520 พบลูกช้างสำคัญมีมงคลคชลักษณ์ถูกต้องตามตำราพระคชลักษณศาสตร์ ถึง 3 เชือก ชื่อพลายภาศรี พังขวัญตา และพลายดาวรุ่ง ตามตำราพระคชลักษณ์ศาสตร์นิยมว่า อุบัติมาเพื่อบุญญาธิการขององค์สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราช นับเป็นมหาอดิเรกบุญญาธิการอันไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ชาติไทย กระทรวงมหาดไทย และประชาชนชาวเพชรบุรี กราบบังคมทูลพระกรุณาขอทูลเกล้าฯถวายลูกช้างสำคัญทั้ง 3 ช้าง ต่อมาวันที่ 25 พ.ค.2521 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดให้ประกอบพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างที่สนามหน้าเขาวัง และเสด็จพระราชดำเนินมาทรงรับด้วยพระองค์เอง ทรงพระราชทานนามช้างสำคัญ 3 ช้าง โดยโปรดให้ “พลายภาศรี” นามว่า พระเศวตภาสุรคเชนทร์ฯ “พังขวัญตา” นามว่า พระเทพวัชรกิริณีฯ และ “พลายดาวรุ่ง” นามว่า พระบรมนขทัศฯ ตนยังจำได้ว่าเมื่อคราวพระองค์เสด็จมาทอดพระเนตรช้างก่อนขึ้นระวางสมโภช และก่อนถูกฝึก เมื่อเจอพระองค์ท่าน ช้างมีอาการสงบและก้มตัวลงลักษณะเป็นการหมอบกราบอย่างน่าอัศจรรย์

ปลื้มรับโล่เกษตรกรดีเด่นจากพระหัตถ์

นายสุชิน จิตตสุโภ หรือกำนันตุ๋ย อายุ 73 ปี อดีตกำนันตำบลสาวร้องไห้ เคยได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2540 กล่าวว่า ครอบครัวตนเป็นชาวนาได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงจากแนวพระราชดำริของพระองค์นำมาปฏิบัติในการดำรงชีวิต ทำนา ปลูกพืชผัก และเลี้ยงสัตว์ โดยใช้มูลสัตว์เป็นปุ๋ยลดการใช้สารเคมี ข้าวได้ผลผลิตดี และยังเลี้ยงปลาตามร่องสวน ทำให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2540 จากพระหัตถ์พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว พร้อมจะถ่ายทอดวิชาความรู้จากประสบการณ์ให้กับทุกคนและจะทำความดีตลอดชีวิตด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ซาบซึ้งโครงการพระราชดำริช่วยราษฎร

นางมลิวรรณ พลราช นายก อบต.วังหลวง อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย กล่าวถึงโครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยคำมิดอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ว่า เมื่อปี 2554 ตนเป็นตัวแทนราษฎรยื่นฎีกาถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานโครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยคำมิดผ่านสำนักพระราชวัง เนื่องจากราษฎรบ้านคำศิลาและบ้านท่าบง ต.วังหลวง ขาดแคลนน้ำทำการเกษตร และอุปโภคบริโภค พระองค์โปรดเกล้าฯให้เจ้าหน้าที่สำนักชลประทานที่ 5 ลงสำรวจพื้นที่เก็บข้อมูลต่างๆ แล้วทรงโปรดเกล้าฯรับโครงการก่อสร้างฝายห้วยคำมิดไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งโครงการดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ในปี 2558 สามารถส่งน้ำสนับสนุนการทำการเกษตรได้ 1,000 ไร่ ทำให้ราษฎรมีน้ำกินน้ำใช้และทำการเกษตรอย่างเพียงพอ และยังส่งผลดีกับราษฎรใน อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ และ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ที่ลำห้วยคำมิดไหลผ่าน ราษฎร ต.วังหลวง ต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ทรงช่วยราษฎรที่ประสบความเดือดร้อน

หนุ่มนอร์เวย์ยึดแนวพระราชดำริ

ที่ จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 103 บ้านโนนสำราญ ต.สังเม็ก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่นายสเวน เบิร์ก อายุ 43 ปี ชาวนอร์เวย์ อาศัยอยู่กับนางบัวลดา ศรีศรี เบิร์ก อายุ 38 ปี ภรรยาชาวไทย บนที่ดินเนื้อที่ 8 ไร่ ทำการเกษตรอินทรีย์ ปลูกพืชผัก อาทิ มะนาว กล้วยน้ำว้า ต้นหอม ผักกาด และเลี้ยงไก่ วัว และกบ โดยนายสเวน กล่าวว่า ศึกษาเรียนรู้คำสอนของในหลวงเรื่องการเกษตรอินทรีย์และเศรษฐกิจพอเพียงจนเข้าใจ แล้วบุกเบิกที่ดินของภรรยาปลูกพืชผสมผสาน ไม่ต้องเสียเงินซื้อกิน ยังเหลือแจกเพื่อนบ้านและนำไปจำหน่าย ทำให้ครอบครัวมีชีวิตอย่างเป็นสุขมีเงินเหลือเก็บนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ แม้ตนจะเป็นคนต่างชาติ แต่รักเคารพพระองค์มาก พอรู้ข่าวพระองค์ท่านจากพวกเราไปรู้สึกเสียใจมาก ไม่ใช่เฉพาะคนไทยที่เสียใจ คนทั่วโลกก็มีความรู้สึกเสียใจไม่แพ้กัน ตนจะดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงตลอดไป และจะทำความดีช่วยเหลือเพื่อนบ้านและผู้เดือดร้อนยากไร้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน

ทัวริสต์เมืองเบียร์ติดริบบิ้นดำ

ที่สวนอาหารบ้านเสาะรีสอร์ต ต.ถนนหัก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวพบกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน ติดริบบิ้นดำที่อกเสื้อมานั่งรับประทานอาหารกลุ่มใหญ่ สอบถามนายเชิงชัช รัตนเลิศชัยกุล ไกด์ เผยว่า นำกรุ๊ปทัวร์ชาวเยอรมัน 13 คน มาท่องเที่ยวกับบริษัท อีสต์เวสต์สยาม ฮอลิเดย์ วันนี้ทัวร์ภาคอีสาน เพิ่งกลับจากเที่ยวปราสาทพนมรุ้งและมารับประทานอาหารเที่ยงที่ร้าน ทุกคนทราบว่าขณะนี้คนไทยได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง อยู่ในภาวะ โศกเศร้า นายชาร์ฟ ฮิทเซล อายุ 65 ปี หนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยว เผยว่า ก่อนหน้านี้ช่วงที่ท่องเที่ยวอยู่ในกรุงเทพฯ ไกด์พาเดินเที่ยววัดโพธิ์ และรอบๆ วัดพระแก้ว ถึงแม้ไม่ได้เข้าไปในวัดตามโปรแกรม แต่ทำให้พวกตนได้เห็นน้ำใจของคนไทย มีอาหาร เครื่องดื่มมาแจกมากมาย ตนยังได้รับแจกด้วย พร้อมจะปฏิบัติตนสวมใส่เสื้อผ้าสีดำที่นำมาด้วย พร้อมติดริบบิ้นดำที่ทางโรงแรมแจกเพื่อร่วมไว้อาลัยกับคนไทยทั้งประเทศ

บรรเลง “บทเพลงแห่งดวงใจสยาม”

ส่วนที่ลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ในช่วงค่ำวันเดียวกัน เหล่านักดนตรี รวมตัวกันจัดงาน “Songs of Soul บทเพลงแห่งดวงใจสยาม” แสดงออกถึงความรักและน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการนำบทเพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงเทิดพระเกียรติ จำนวน 27 เพลง มาบรรเลง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนายวิทิตนันท์ โรจนพานิช ศิษย์เก่าคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้จัดกล่าวถึงงานครั้งนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ และครุศาสตร์ นักดนตรีของจุฬาฯ ประกอบด้วย นักดนตรี 90 คน นักร้องประสานเสียง 50 คน วงดนตรี ประเภทต่างๆ อีก 4 วง ในงานมีนายสุเทพ วงค์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ, คิง เดอะวอยซ์ รวมถึงศิษย์เก่า ม.ศิลปากร มหิดล ร่วมขับร้องเพลงสดุดีมหาราชา

ได้เข้าสักการะช่วงบำเพ็ญพระราชกุศล

ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นวันที่ 2 ช่วงเช้าระหว่างที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาองค์เล็กในทูลกระหม่อม หญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ และทรงถวายภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ยังคงมีพสกนิกรยืนต่อแถวรอขึ้นถวายสักการะพระบรมศพ อยู่หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทและในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงโปรดให้ราษฎรที่ต่อแถวรออยู่ สามารถขึ้นถวายสักการะพระบรมศพได้ในขณะที่ยังทรงประทับอยู่บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สร้างความปลื้มปีติให้กับพสกนิกรเป็นล้นพ้น รวมถึงในช่วงค่ำที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จทรงบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยเช่นกัน

ลุงนั่งวีลแชร์-ปั่นสองล้อสมหวังแล้ว

ส่วนที่ท้องสนามหลวง ช่วงค่ำ นายคำพา แก้วจัน อายุ 50 ปี ผู้พิการเป็นโรคโปลิโอ ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจว่าจะปั่นวีลแชร์จาก จ.พิษณุโลก พร้อมด้วยนายทองใบ ตางจางราช อายุ 60 ปี ชาวสุโขทัย ที่ปั่นจักรยานเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เดินทางถึงยังพระบรมมหาราชวัง และได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งนี้ นายคำพา กล่าวว่า ตนเดินทางจาก จ.พิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. ตั้งใจจะปั่นวีลแชร์มาถวายสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 เพราะพระองค์ทรงทำเพื่อคนพิการ สร้างศูนย์อบรมอาชีพให้กับผู้พิการได้มีอาชีพ ในระหว่างเดินทางเจอนายทองใบ ปั่นจักรยานจาก จ.สุโขทัย ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. และเรา 2 คน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือต้องการทำเพื่อในหลวง ร.9 จึงเดินทางมาพร้อมกัน

จับพวกตุนอาหารแจกทำประวัติ

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่ากรณีมีการเผยแพร่ภาพการจับกุมผู้กักตุนอาหาร บริเวณรอบสนามหลวงนั้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ศูนย์มิสกวัน กอ.รมน. ภาค 1 ระบุว่าเจ้าหน้าที่เชิญตัวบุคคลที่มีพฤติกรรมกักตุนอาหารของจิตอาสาที่นำมาบริจาค ตั้งแต่วันที่ 15-30 ต.ค. กว่า 20 ราย โดยพบว่ามีการกักตุนของอุปโภคบริโภคหลายหมื่นชิ้น โดยเจ้าหน้าที่ทำประวัติและบันทึกภาพไว้ พร้อมว่ากล่าวตักเตือน และนำเรื่องส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจ หากกระทำซ้ำครั้งที่ 3 จะมีการนำภาพถ่ายและชื่อมาติดไว้บริเวณทางเข้าโดยรอบ และไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่อีกต่อไป แต่ไม่สามารถดำเนินคดีได้เนื่องจากเป็นของบริจาค ไม่มีบทลงโทษทางกฎหมายใดๆ