เดือนตุลาคมปีนี้ เป็นช่วงเวลาแห่งการเศร้าโศกเสียใจของคนไทยทั้งประเทศแต่ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป อยากให้ทุกคนมีความรักความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตั้งใจทำงานทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

ปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้ หลายคนคงเตรียมวางแผนเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด หรือไปพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันแล้ว ขณะที่เขียนต้นฉบับอยู่นี้ได้ยินว่า กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า ปลายปีนี้ประเทศไทยจะมีอากาศหนาวเย็นมากกว่าปีที่แล้ว หลายคนบอกว่าอยากให้หนาวจริงตามที่ข่าวว่า แต่บางคนก็ยังไม่แน่ใจว่าอุณหภูมิจะลดต่ำลงถึงขนาดนั้นจริงหรือไม่

ไม่ว่าจะหนาวมากหรือหนาวน้อย ถึงอย่างไรเชียงใหม่ก็ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆในช่วงปลายปี นอกจากอากาศที่เย็นสบายแล้ว ภูมิประเทศก็มีความสวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง หลายรูปแบบให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชม ทั้งสถานที่สำคัญทางศาสนา วัดวาอารามต่างๆ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเขตอุทยานแห่งชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและการเกษตรตามสถานีเกษตรหลวง และศูนย์พัฒนา โครงการหลวง สวนสัตว์ เช่น สวนสัตว์เชียงใหม่ ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำเชียงใหม่ซูอควาเรียม แหล่งช็อปปิ้ง ถนนคนเดิน ล้วนเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่พลาดที่จะไปเที่ยวชม

...

อย่างที่เคยบอกไปในครั้งก่อนว่า เมืองไทยเรามีพิพิธภัณฑ์จำนวนมาก ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีพิพิธภัณฑ์มากกว่า 1,400 แห่ง หากจัดแบ่งประเภทของพิพิธภัณฑ์ตามการบริหารจัดการ จะมีทั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ของเอกชน มูลนิธิและองค์กรไม่แสวงกำไร หน่วยงานราชการ สถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วัด และชุมชน

คงน่าเสียดายเป็นอย่างมาก ถ้าพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าไปชม อาจจะเพราะคิดว่าไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ ไม่สนุกสนานบันเทิง เริงใจอย่างสถานที่ท่องเที่ยวประเภทอื่น ผมจึงอยากเชิญชวนให้ผู้ที่ไม่ค่อยได้เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ลองไปชมดูบ้าง แล้วท่านจะพบว่า การจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หลายๆแห่งได้มีการพัฒนารูปแบบให้น่าสนใจ น่าเข้าไปศึกษาหาความรู้

จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง มีบางแห่งที่เคยเล่าถึงในคอลัมน์นี้ไปบ้างแล้ว เช่น พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง) พิพิธภัณฑ์วัดเกตการาม

เมื่อต้นเดือนผมได้มอบหมายให้ คุณยอดมนู ภมรมนตรี และทีมงานรายการครอบจักรวาล เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง เพื่อถ่ายทำรายการครอบจักรวาลที่ พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ โดยมี คุณกิตินาฎ ม่วงน้อยเจริญ ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ เป็นผู้นำชม

พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพิพิธภัณฑ์ในความดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2542

...

พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ จัดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นพระตำหนักที่ประทับของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

เจ้าดารารัศมี เป็นธิดาของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 พระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าดารารัศมี ถวายตัวเข้ารับราชการฝ่ายในในฐานะเจ้าจอม เมื่อปี พ.ศ. 2429 ต่อมาได้รับสถาปนาพระอิสริยยศเป็น “พระราชชายาเจ้าดารารัศมี”

...

หลังจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 พระราชชายาฯ ยังคงประทับ ณ พระตำหนักสวนฝรั่งกังไส พระราชวังดุสิต และได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับไปประทับที่เมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ.2457

พระราชชายาทรงโปรดให้สร้างพระตำหนักดาราภิรมย์ขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2470 รูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมตะวันตก เป็นอาคารสองชั้น ครึ่งตึก ครึ่งไม้ สันนิษฐานว่า ในอดีตอาจเป็นใต้ถุนโล่ง แต่มีการต่อเติมเพื่อใช้ประโยชน์ในภายหลัง ขณะที่พระราชชายา ประทับ ณ ตำหนักดาราภิรมย์ ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้านศิลปวัฒนธรรม ทรงฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมและศิลปหัตถกรรมล้านนาให้เป็นที่เชิดหน้าชูตา ทรงสนพระทัยด้านการเกษตร จึงทรงสร้างสวนทดลองการเกษตรชื่อ “สวนเจ้าสบาย”

...

ทรงทดลองปลูกต้นกุหลาบพันธุ์ใหม่ๆ จากอังกฤษ มี กุหลาบพันธุ์ลูกผสมสีชมพูดอก ใหญ่ มีกลิ่นหอม ลำต้นไม่มีหนาม เป็นพันธุ์ที่ทรงโปรดที่สุด ทรงตั้งชื่อถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า “จุฬาลงกรณ์”

พระราชชายาประชวรและสิ้น พระชนม์ด้วยโรคปัปผาสะพิการ (โรคปอด) เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2476 พระชันษา 60 ปี ทรงทำพินัยกรรมประทานที่ดินบริเวณพระตำหนักดาราภิรมย์เป็นมรดกแก่ทายาท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ซื้อที่ดินต่อจากทายาทเมื่อปี พ.ศ.2492 หลังจากนั้นได้มอบให้กรมตำรวจใช้เป็นที่ตั้งกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน อยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาได้มีโครงการบูรณะพระตำหนักเพื่อจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยเริ่มบูรณะในปี พ.ศ.2541

เมื่อบูรณะพระตำหนักเสร็จสมบูรณ์สวยงามใกล้เคียงกับสภาพเดิมแล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้อันเกี่ยวเนื่องกับ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี และพระกรณียกิจต่างๆของพระองค์ท่าน นำมาจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ โดยยึดหลักในการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้อันเกี่ยวเนื่องกับพระราชชายาให้มีสภาพใกล้เคียงกับอดีต มากที่สุด ผู้เข้าชมบางคนถึงกับเอ่ยปากว่ารู้สึกเหมือนพระองค์ท่านยังประทับอยู่ ณ พระตำหนักแห่งนี้จริงๆ

ชั้นล่างของพระตำหนักเป็นจุดจำหน่ายบัตรเข้าชมและหนังสือที่ระลึก และจัดแสดงเครื่องมือเกษตร เครื่องทอผ้า ชั้นบนแบ่งการจัดแสดงเป็น 7 ส่วน ประกอบด้วย โถงทางเดิน จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระประวัติพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ห้องรับแขกและห้องบรรทม สองห้องนี้จัดแสดงของถวายอันเกี่ยวเนื่องกับพระราชชายาเจ้าดารารัศมี และเครื่องเรือนร่วมสมัย ห้องพักผ่อนพระ อิริยาบถ จัดแสดงจานชาม ของใช้ส่วนพระองค์ และเครื่องดนตรี ห้องจัดแสดงพระราชวงศ์ จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชวงศ์ในสายสกุลเจ้าหลวงเชียงใหม่ ห้องจัดแสดงฉลอง พระองค์ จัดแสดงผ้าทอที่พระราชชายาทรงออกแบบลวดลาย และส่งเสริมให้ชาวบ้านทอ ห้องสรง จัดแสดงห้องสรงตามสภาพเดิม ซึ่งเป็นห้องสรงแบบตะวันตก

ด้านหลังของพระตำหนัก มีระเบียงสำหรับออกไปชมสวน บริเวณด้านหลังนี้ได้เลือกสรรไม้ดอกกลิ่นหอมหลากหลายชนิดมาปลูกไว้ ส่วนบริเวณโดยรอบของพระตำหนักก็มีต้นไม้ใหญ่ ไม้ดอกไม้ใบที่ได้รับการดูแลอย่างดี สำหรับคนที่ชื่นชอบต้นไม้ดอกไม้ หลังจากเข้าชมภายในพระตำหนักแล้วคงได้ใช้เวลาเพลิดเพลินกับการเดินชมสวนอีกด้วย

อีกเรื่องราวที่น่าจะถูกใจคนรักดอกไม้ และบ่งบอกถึงความใส่ใจ ของเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ คือตามห้องจัดแสดงต่างๆ จะมีดอกไม้หลากสีสันถูกนำมาจัดวางในโตกและพาน ตั้งประดับตกแต่งไว้ เห็นแล้วรู้สึกสดชื่นสวยงาม มีชีวิตชีวา สอบถามได้ความว่าทุกเช้าเจ้าหน้าที่จะเก็บรวบ รวมดอกไม้ใบไม้ที่มีอยู่ในสวนเจ้าสบาย นำมาจัดด้วยความตั้งใจเพื่อถวายแด่ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี

พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ อยู่ภายในค่ายดารารัศมี ริมทางหลวงแม่ริม-สะเมิง ในเขตอำเภอแม่ริม เปิดให้เข้าชมเวลา 09.00-17.00 น. วันอังคารถึงวันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ คนละ 20 บาท เด็ก 10 บาท พระสงฆ์ นักเรียนในเครื่องแบบ ไม่เสียค่าเข้าชม ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-5329-9175

ไปเชียงใหม่คราวหน้า อย่าลืมจัดสรรเวลาสำหรับไปชมพิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ ท่านจะได้รับทราบเรื่องราวที่น่าสนใจ ได้ความรู้เกี่ยวกับเจ้านายฝ่ายเหนือ โดยเฉพาะพระประวัติของพระราช ชายาเจ้าดารารัศมี และได้เห็นเครื่องเรือน เครื่องใช้ ของใช้ส่วนพระองค์ เป็นสิ่งของที่มีคุณค่า ยากจะหาชมได้ในที่อื่น

.....สวัสดี.

ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์