ตำรวจประชุมร่วมทหาร-เจ้าหน้าที่พระราชวังกำหนดแผนเคลื่อนพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ใช้กำลังผสม 10,000 นาย ดูแลความเรียบร้อย ปิดจราจร 14.30 น. ในเส้นทางเสด็จ ย้ำห้ามโดรนขึ้นบินเด็ดขาด
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ต.ค.2559 ที่ห้องสัมมนา A อาคารศรีสวรินทิรา รพ.ศิริราช พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร.เป็นประธานในที่ประชุมเตรียมความพร้อมก่อนเคลื่อนพระบรมศพ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร สำนักพระราชวัง และกรุงเทพมหานคร โดยใช้เวลาหารือร่วมกัน นาน 1 ชั่วโมง ก่อนเปิดเผยว่า ในที่ประชุมมีการสั่งการข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มาถึงผู้ปฏิบัติว่า จะต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัย และทำอย่างสมพระเกียรติ เนื่องจากวันนี้จะมีประชาชนหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ ทางตำรวจ ทหาร เทศกิจ และผู้ปฏิบัติงานทุกคนต้องเน้นการประชาสัมพันธ์ด้วยวาจา หรือการใช้เครื่องขยายเสียงด้วยความสุภาพอ่อนน้อม จะไม่ใช้การสกัดกั้นประชาชนด้วยสัญลักษณ์ที่เป็นการกีดขวาง อาทิ การวางแผงเหล็ก หรือวางกรวย ซึ่งตนได้สั่งการให้ทุกฝ่ายทราบและถือเป็นแนวการปฏิบัติงานร่วมกันไปแล้ว
พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวอีกว่า การอำนวยการด้านจราจรและการสั่งการปิดการจราจร ตนมอบหมายให้ บก.จร.เป็นผู้ดูแลการเคลื่อนขบวนพระบรมศพออกจาก รพ.ศิริราช ในช่วงบ่ายวันนี้มอบหมายให้ บช.น.ตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมาสั่งการเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะและเน้นให้ส่งสัญญาณกันทางวิทยุสื่อสาร โดยการเคลื่อนขบวนตั้งแต่ รพ.ศิริราช ถึงพระบรมมหาราชวัง มีการใช้กำลงสนธิร่วมกันทุกหน่วยกว่า 10,000 นาย คาดจะใช้เวลาจนแล้วเสร็จราว 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะเรื่องการปิดการจราจรได้กำชับไปแล้วว่าทำให้สั้นและกระทบการเดินทางของประชาชนให้น้อยที่สุด อีกเรื่องที่อยากฝากสื่อมวลชนไปประชาสัมพันธ์ก็คือ การใช้โดรนขึ้นถ่ายภาพในมุมสูงขอห้ามเด็ดขาด โดยตลอดเส้นทางจะมีเจ้าหน้าที่คอยจับตาดูและมีเครื่องมือแอนตี้โดรนมาเตรียมไว้จัดการแล้วด้วยเช่นกัน
...
ด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รรท.รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานจราจร เปิดเผยว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดเตรียมเส้นทาง การรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวก ด้านการจราจร ในพิธีเคลื่อนพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ จะมีการเคลื่อนพระบรมศพออกจากโรงพยาบาลศิริราช ในเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ไปประดิษฐานพระบรมศพ ณ พระที่นั่ง ดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยใช้เส้นทางถนนอรุณอมรินทร์ ข้ามสะพาน พระปิ่นเกล้า เลี้ยวขวาเข้าหน้าถนนราชดำเนินใน ถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนมหาราช เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง โดยตลอดเส้นทางที่เคลื่อนขบวนผ่านนั้นจะมีการปิดการจราจรชั่วคราวในเส้นทางดังกล่าวและเพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชนที่ประสงค์มาน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
“สำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ในระหว่างที่ขบวนเคลื่อนผ่าน ขอให้แต่งกายไว้ทุกข์และร่วมไว้อาลัยอย่างสงบ เชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด โดยขณะนี้ รพ.ศิริราช มีทั้งหมด 10 ประตู เราได้ทำการปิดเหลือใช้เพียง 7 ประตูเท่านั้น แต่ละประตูจะมีกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.2 รปภ.ของโรงพยาบาลมาร่วมคัดกรองบุคคลเข้าออกด้วย สำหรับการวางกำลังขณะเคลื่อนพระบรมศพนั้นจากตึกเฉลิมพระเกียรติมีการวางกำลังทั้งของตำรวจและทหารเรือประมาณ 70 นายในเครื่องแบบและมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกด้วย และบริเวณตรงลานพระบิดา จะกั้นพื้นที่ไม่ให้ประชาชนเข้ามาจะให้ประชาชนอยู่บริเวณโดยรอบโดยมีตำรวจ บก.น.1-บก.น.7 ดูแล ส่วนที่สามคือการควบคุมสื่อได้มีการประสานกับตำรวจสันติบาลว่าจะใช้จุดใดในการตั้งจุดการนำเสนอข่าว” รรท.รอง ผบช.น. กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รอง ผบก.จร. กล่าวว่า จะมีการปิดถนนก่อน 15.00 น.ประมาณ 30 นาที เพื่อทำการรักษาความปลอดขณะเคลื่อนย้ายพระบรมศพ เส้นทางที่จะเคลื่อนคือถนนอรุณอมรินทร์ ผ่านสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า จากนั้นเข้าไปทางถนนราชดำเนินใน สำหรับในเส้นทางที่ผ่านจะปิดการจราจรหนึ่งทางแยก อาทิ แยกบางพลัดโดยจะให้รถผ่านไปทางจรัญสนิทวงศ์ คู่ขนานลอยฟ้าจะปิดเส้นสิรินธร และเปิดให้ใช้เส้นพระรามแปด หากประชาชนที่จะมาแนะนำให้ใช้ทางเส้นวงแหวนศรีรัช เส้นทางวงเวียนใหญ่แยกบ้านแขก ช่วงนี้ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้ามีความหนาแน่น และอยากให้ประชาชนใช้รถประจำทางในการเดินทางเพื่อลดปัญหาด้านการจราจร อาจจะต้องใช้การเดินทางเท้าเข้ามายังโรงพยาบาลศิริราชได้ ทั้งนี้ประชาชนสามารถร่วมรับพระบรมศพได้ตลอดตามทางที่มีการเคลื่อนขบวน.