ประชาชนทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด เดินทางมาตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเฝ้ารอร่วมขบวนเคลื่อนพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เมื่อวันที่ 14 ต.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณนอกโรงพยาบาลศิริราช ทางเท้าหน้าถนนวังหลังต่อเนื่องถึงสี่แยกเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนอรุณอมรินทร์ ประชาชนแต่งกายชุดดำ บางคนนำพระบรมฉายาลักษณ์แนบติดตัวเดินทางมาจับจองพื้นที่เพื่อรอเฝ้าส่งพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด
นายประกอบ ศรีภิรมย์ อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมภรรยา นางทัศนีย์ ศรีภิรมย์ อายุ 55 ปี ได้เดินทางมาเฝ้ารอส่งเสด็จตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายประกอบ ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตาคลอว่า หลังทราบข่าวการสวรรคตของพระองค์ท่าน ก็ร้องไห้กันทั้งครอบครัว และตั้งใจมาส่งเสด็จให้ได้ โดยขึ้นรถทัวร์จากประจวบคีรีขันธ์ ตอน 21.00 น. ของวันที่ 13 ต.ค. มาถึงโรงพยาบาลศิริราช 01.00 น. ตนไม่อยากให้มีวันนี้ ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยมาทั้งชีวิตเพื่อพสกนิกรชาวไทย
ขณะที่นางประทีป วงศ์สุวรรณ อายุ 65 ปี ชาว กทม.ซึ่งนั่งจับจองพื้นที่บริเวณด้านหน้าอาคารพระศรีนครินทร ใกล้ประตูทางออก 8 ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายว่า เมื่อทราบข่าวจากทีวี ใจก็ไม่อยู่กับตัวแล้ว ใจมาอยู่ที่ศิริราชแล้ว บอกกับตัวเองว่าต้องมากราบพระองค์ท่านให้ได้ จึงออกจากบ้านทันที โดยทั้งสามีและลูกบอกให้มาพรุ่งนี้เช้า แต่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง จึงออกจากบ้านทั้งในชุดเสื้อเหลืองตั้งแต่ 19.00 น. คืนวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา
...
นางประทีป กล่าวว่า คนขับแท็กซี่ที่พามาส่ง ก็ยังใจดีนำเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำที่ใส่คลุมมอบให้เพื่อจะได้สวมใส่ มาถึงก็ได้ไปกราบสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมราชชนกและกราบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ศาลาศิริราช 100 ปี ก่อนมาจับจองพื้นที่เฝ้าส่งเสด็จ ทุกครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จฯ จะมาเฝ้ารับเสด็จฯ และได้ไปลงนามถวายพระพรต่อเนื่อง โดยจะเขียนคำว่ารักพ่อเสมอ ความรู้สึกตอนนี้ตอบไม่ได้เหนือชีวิตจริงๆ พูดตรงๆ ว่าสามารถตายแทนพระองค์ท่านได้เสมอ.