“สมาร์ทโฟน” กลายเป็นปัจจัยที่ห้าขาดไม่ได้ไปแล้ว วันไหนลืมโทรศัพท์มือถือ ก็แทบจะเป็นง่อยกันไปเลย เพราะทุกอย่างในชีวิตล้วนขับเคลื่อนด้วยสมาร์ทโฟน ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ครบถ้วนอะเมซซิ่ง

ทุกวันนี้ อิทธิพลของสมาร์ทโฟนกำลังจะก้าวไปอีกขั้น นอกจากถ่ายรูปได้สวยกริบกว่ากล้องหลายยี่ห้อ และดูทีวีชัดเป๊ะไม่มีสะดุด จนไม่แตะทีวีจริงอีกเลย ก้าวใหม่ของสมาร์ทโฟนที่จะพลิกโฉมหน้าโลกคือ การปฏิวัติพฤติกรรมการใช้จ่ายและชำระเงินของคนยุคดิจิทัลให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีวันเหมือนเดิม

เรียกว่าต่อจากนี้ไปไม่เกิน 5 ปี เราจะไม่ต้องพกเงินสด บัตร เอทีเอ็ม หรือเครดิตการ์ดกันอีกแล้ว แค่พกมือถือสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว จะซื้อหาช็อปปิ้งอะไรที่ไหน ก็สามารถชำระเงินผ่านมือถือ สมาร์ทโฟนได้สบายๆ ไม่ต้องเดินทางไปร้านค้า หรือจุดรับชำระเงินโดยตรง ทำให้ชีวิตสะดวกสบายและปลอดภัยขึ้นเยอะ

งานนี้หลายๆอาชีพคงต้องตกงานแน่ๆ เพราะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในยุคหน้า โดยเฉพาะพนักงานแบงก์, แคชเชียร์เก็บเงิน และอาชีพบริการเรียกเก็บเงิน รู้แล้วก็หาอาชีพใหม่รองรับล่วงหน้าเลย

เราเกิดมาอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกไปสู่ยุคดิจิทัลเต็มขั้น ถ้าวิ่งไล่ตามเทคโนโลยีไม่ทัน ก็อาจถูกทิ้งรั้งท้าย ค่าย Apple รู้ซึ้งเรื่องนี้ดี เลยเป็นเจ้าแรกๆที่คิดค้นบริการ Apple Pay เพื่อเป็นระบบจ่ายเงินอัจฉริยะ แอปเปิ้ลเริ่มโปรเจกต์ลับสุดยอดนี้ตั้งแต่ปี 2013 โดยไล่เจรจากับธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่ง เครือข่ายบัตรเครดิต ทั้งวีซ่า, มาสเตอร์ และอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ตลอดจนร้านค้ารายใหญ่ๆของโลก เพื่อปฏิวัติพฤติกรรมการใช้จ่ายและชำระเงินของคนยุคใหม่

หลายคนกังวลเรื่องความปลอดภัยทางการเงิน แต่ผู้บริหารของมาสเตอร์การ์ด “จอห์น แลมเบิร์ต” ซึ่งร่วมบุกเบิกโปรเจกต์นี้กับแอปเปิ้ล ยืนยันว่า Apple Pay มีความปลอดภัยสูงกว่าการรูดปรื๊ดๆผ่านบัตรเครดิตจริง เนื่องจากบัตรเครดิตในปัจจุบัน ใช้ชิพ “EMV” เพื่อสร้างคริปโตแกรม กุญแจความปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยติดเข้าไปกับเลขบัตรเครดิต เมื่อมีการทำธุรกรรมทางการเงิน คริปโตแกรมจะถูกส่งกลับมายังธนาคาร แต่สำหรับ Apple Pay นอกจากจะมีคริปโตแกรม ยังมีรหัสลับ Token เสริมความปลอดภัยอีกขั้น โดยเครือข่ายบัตรเครดิตจะสร้าง Token สำหรับ Apple Pay เป็นเลข 16 หลักเหมือนเลขบัตรเครดิต แต่ต่างกันตรงที่การสร้างเลขเป็นแบบไม่คงที่ เมื่อเราเพิ่มบัตรเครดิตเข้าไปในสมาร์ทโฟน ธนาคารจะส่งเลข Token และคริปโตแกรม มายังไอโฟน แล้วไอโฟนก็จะบันทึกเก็บข้อมูลลับเหล่านี้ไว้ในชิพพิเศษ ซึ่งไม่มีใครเข้าถึงได้

...

เมื่อผู้นำอย่างแอปเปิ้ลประสบความสำเร็จในการสร้างเทรนด์ “mobile wallets” ก็เลยมีคนตามเป็นขบวน ทุกวันนี้มีทั้ง Android Pay, Google Pay และ Chase Pay ให้บริการสนุกสนานกันไป

ในตลาดช็อปปิ้งออนไลน์บูมมานานแล้ว มี PayPal เป็นเจ้าตลาดให้บริการรับเงินและโอนเงินสำหรับซื้อขายสินค้าทางออนไลน์ โดยผูกติดกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซระดับโลกมากมาย จุดเด่นของเจ้านี้ อยู่ที่ระบบความปลอดภัยสูงเชื่อถือได้ ทุกวันนี้ธุรกิจของ PayPal เติบโตขึ้นถึง 111% ขณะที่รายเล็กกว่าอย่าง Stripe และ Klarna ของสวีเดน ก็มาแรง ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนช่องทางการจ่ายเงินทางมือถือ Peer-to-Peer ซึ่งฮิตฮอตในอเมริกา คาดว่าธุรกิจจะเติบโตขึ้นจาก 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2014 เป็น 175,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2019 เพราะ คนอเมริกันกำลังจะเลิกใช้เอทีเอ็ม และเลิกเขียนเช็คสั่งจ่ายเงินกันแล้ว

ปี 2016 จะเป็นปีที่ทุกค่ายธุรกิจรุกหนักเรื่องนี้แน่นอน แม้แต่ห้างฯใหญ่อย่าง “วอลมาร์ท” ก็ลงมาลุยตลาดแล้ว โดยเปิดให้บริการ Walmart Pay ถึงจะคลานต้วมเตี้ยมตามหลังเจ้าธุรกิจอีคอมเมิร์ซ “อเมซอน” ซึ่งให้บริการ Amazon Payments ตั้งแต่ปี 2007 แต่ก็ยังดีกว่าไม่ขยับตัวเลย.

มิสแซฟไฟร์