เหยื่อเรือล่มยอดตายพุ่ง ค้นหาวันที่ 2 พบอีก 11 ศพ บางศพถูกน้ำพัดไปไกลหลาย กม. บางศพติดอยู่ในซากเรือ หลังระดมหน่วยกู้ภัย และนักประดาน้ำกว่า 200 นายปูพรมค้นหา พ่อเห็นศพลูกชายวัย 8 ขวบ ถึงร่ำไห้โฮ ในขณะที่ญาติร่ำไห้ระงม บางคนเป็นลมล้มพับ รวมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 26 คน สูญหายอีก 3 คน กรมเจ้าท่าแจ้งความดำเนินคดีคนขับเรือ 3 ข้อหาหนัก ขับเรือด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต, ใบประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือ หมดอายุ, บรรทุกผู้โดยสารเกินกำหนด ตรวจสอบพบเรือประกันภัยหมดอายุ เล็งออกประกาศขบวนแห่เรือต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง พร้อมระดมเครื่องมือเข้ากู้ซากเรือแล้ว นายกฯแสดงความเสียใจ ย้ำต้องเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้

จากเหตุการณ์เรือโดยสารของบริษัทมงคลชัย (ทับทิม) จำกัด เกิดอุบัติเหตุชนเสาเข็มพนังกั้นน้ำ หน้าวัดสนามไชย หมู่ 10 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จนเรือแตกล่มลงในแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้โดยสารเป็นชาวไทยมุสลิมกว่า 150 ชีวิต ที่โดยสารกลับจากร่วมพิธีรำลึกถึงครูผู้ล่วงลับของศาสนาอิสลามหรือ “งานโฮ้ล” ที่มัสยิดตะเกี่ยโยคิน ต. คลองตะเคียน อ.พระนครศรีอยุธยา กระโดดน้ำหนีตายตะเกียกตะกายว่ายกลับเข้าฝั่ง เบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บอีก 46 คน สูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีก 14 คน โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ระดมนักประดาน้ำจากหลายหน่วยงานเข้าค้นหาผู้สูญหายซึ่งคาดว่าติดอยู่ในซากเรือ ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก กระทั่งถึงเวลาเที่ยงคืน จึงได้ยุติการค้นหาเป็นการชั่วคราวแล้วนั้น

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ย.การค้นหาผู้สูญหายเริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยมีว่าที่ ร.ต.อภินันท์ เผือกผ่อง ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสุชน ภัยธิราช นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เดินทางไปคอยอำนวยความสะดวกในการค้นหา มีการระดมอาสาสมัครและนักประดาน้ำจากหน่วยงานต่างๆกว่า 200 คน ปูพรมค้นหาตั้งแต่สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ต. บ้านรุน อ.พระนครศรีอยุธยา ห่างจากจุดเรือล่มออกไปในรัศมี 2-3 กม. โดยนักประดาน้ำงมหาผู้สูญหายที่คาดว่าถูกน้ำพัดไปติดตามตอไม้ต่างๆ และจุดน้ำวนบริเวณหน้าวัดพนัญเชิง นอกจากนี้ยังจัดเรือหางกว่า 10 ลำ ค้นหาตลอดแนวริมตลิ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยการค้นหาเป็นไปอย่างทุลัก ทุเล เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีความลึก และไหลเชี่ยวกราก มีญาติของผู้สูญหายมาปักหลักที่ท่าน้ำวัดสนามไชยจุดเกิดเหตุรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อ

...

กระทั่งเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิต 1 คน ชื่อ ด.ช.นวพรรณ กระจ่างแสง อายุ 8 ขวบ ถูกน้ำพัดลอยไปติดอยู่บริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้กับร้านอาหารกู๊ดวิว ต.บ้านรุน อ.พระนครศรีอยุธยา ห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปราว 7 กม. จึงนำศพกลับไปขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำหน้าวัดสนามไชย โดยทันทีที่นายวสันต์ กระจ่างแสง อายุ 26 ปี ผู้เป็นพ่อเห็นศพลูกชายถึงกับโผเข้ากอดร่ำไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจ ในขณะที่ญาติบางคนเสียใจร่ำไห้เป็นลมล้มพับ เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันปฐมพยาบาล ต่อมาเวลาไล่เลี่ยกันเจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 คน ทราบชื่อ ด.ญ.พัสรินทร์ บุญรัก อายุ 13 ปี ถูกน้ำพัดลอยไปติดอยู่ใต้ท้องเรือโยงบรรทุกทราย บริเวณท่าน้ำหน้าวัดพนัญเชิง ห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปราว 3 กม. นางมัชรีณ์ รักพงษ์ อายุ 48 ปี ถูกน้ำพัดลอยไปติดอยู่บริเวณใกล้ร้านอาหารกู๊ดวิว ต.บ้านรุน และอีกศพชื่อนางลัดดาวัลย์ ขันธรักษ์ อายุ 64 ปี ถูกน้ำพัดลอยไปติดอยู่ที่บริเวณท่าน้ำของ รพ.พระนครศรีอยุธยา ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 3-4 กม.นำศพทั้งหมดกลับขึ้นฝั่ง ญาติทราบข่าวไปดูศพต่างพากันร่ำไห้ระงม อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตเพิ่มที่ รพ.1 คน ทราบชื่อ ด.ญ.นุฮายา ตีขันธมะ อายุ 13 ปี ทำให้ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตแล้วรวม 19 คน สูญหาย 10 คน นอนพักรักษาตัวที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา 9 คน

ต่อมาในช่วงค่ำหน่วยกู้ภัยทางน้ำพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย ทราบชื่อ ด.ญ.วนิชา แตงทอง อายุ 12 ปี ถูกกระแสน้ำพัดลอยไปติดริมตลิ่งบริเวณหน้ามัสยิดอิสลามวัฒนา ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ห่างจากจุดเกิดเหตุไปราว 1 กม. จึงช่วยกันนำศพกลับขึ้นฝั่ง ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ของญาติพี่น้องที่มารอเฝ้ารอติดตามการค้นหา

เวลาไล่เลี่ยกันนักประดาน้ำพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกคนชื่อนางจรูญ หวังจำปี อายุ 63 ปี สภาพศพติดอยู่บริเวณส่วนหัวภายในซากเรือ เจ้าหน้าที่นำศพขึ้นมาบนฝั่งอย่างทุลักทุเล เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก รวมขณะนี้พบศพแล้ว 21 คน และสูญหาย 8 คน ต่อมา ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปดูที่เกิดเหตุเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และญาติของผู้เสียชีวิต
ต่อมาเวลา 21.30 น. ทีมกู้ภัยพบศพผู้เสียชีวิตอีกราย ทราบชื่อ น.ส.วชิรา บุญญิกา อายุ 19 ปี ถูกกระแสน้ำพัดลอยไปติดอยู่ริมตลิ่ง บริเวณท่าน้ำวัด พนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 3-4 กม. รวมพบศพเหยื่อเรือล่มแล้วจำนวน 22 คน สูญหายอีก 7 คน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการค้นหา โดยขยายพื้นที่การค้นหาจากจุดเกิดเหตุออกไปอีก 20 กม. เนื่องจากลักษณะน้ำที่ไหลเชี่ยว คาดว่าน่าจะพัดเอาร่างของผู้สูญหายที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้วทั้งหมดไปไกลจากจุดเกิดเหตุ

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 15.00 น. นายสรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุเรือล่ม บริเวณท่าน้ำวัดสนามไชยอีกครั้ง เพื่อประเมินสถานการณ์ ในการกู้เรือ พร้อมทั้งเปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์ยืนยันว่าวันนี้ยังไม่มีการกู้ซากเรืออย่างแน่นอน เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรง ประกอบกับระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อวาน และเรือที่จะทำการกู้มีขนาดใหญ่ ถ้าทำการกู้เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ได้ นอกจากนี้ตรวจสอบบริเวณในท้องเรือพบว่ากระแสน้ำได้พัดพาทรายเข้ามาสะสมเป็นจำนวนมาก ทำให้ยากต่อการกู้ เพราะจะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ต้องวางแผนอย่างรัดกุม อยู่ระหว่างการหารือกับเจ้าของเรือเพราะเกรงว่าเรือจะได้รับความเสียหายขณะทำการกู้ หากไม่มีปัญหาหรือติดขัดอะไร คาดว่าในวันที่ 20 ก.ย. น่าจะลงมือกู้ซากเรือได้

...

ด้านนายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่าเผยว่า ได้แจ้งความดำเนินคดี 3 ข้อหากับพนักงานขับเรือ คือ 1.ขับเรือด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต 2.ใบประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือหมดอายุ และ 3.บรรทุกผู้โดยสารเกินกำหนด ส่วนการกู้เรือนั้น ทางผู้ประกอบการไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้น กรมเจ้าท่าได้ประสานติดต่อจัดหาเครนยกจากพระราม 3 ซึ่งจะเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุก่อนเที่ยงวันที่ 20 ก.ย.นี้ และจะเร่งดำเนินการกู้ซากเรือให้แล้วเสร็จไม่เกิน 21 ก.ย. ส่วนค่าใช้จ่ายจะเรียกเก็บจากผู้ประกอบการแทน สาเหตุเกิดจากผู้ควบคุมเรือพยายามนำเรือแซงเรือบรรทุกทราย แต่ไม่สามารถแซงได้ กระทั่งเสียหลักและเรือจมลงบริเวณท่าน้ำวัดสนามไชย

นายณัฐกล่าวอีกว่า กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีที่แล้วเป็นกลุ่มมุสลิมที่มีกิจกรรมเป็นประจำ แต่ครั้งนั้นไม่มีผู้เสียชีวิต เพราะพื้นที่เกิดเหตุเป็นน้ำตื้น หลังจากนี้กรมเจ้าท่าจะประกาศการแห่ขบวนเรือลักษณะนี้ต้องประสานมายังกรมเจ้าท่าเพื่อจัดเจ้าหน้าที่ นำทาง สำหรับเรือลำเกิดเหตุชื่อเรือสมบัติมงคลชัย เจ้าของเรือคือนายสุนทร พันธุ์เสือทอง ส่วนผู้ควบคุมเรือคือ นายวิรัช ชัยศิริกุล หมายเลขทะเบียนเรือ 106600841 ความกว้างของเรือ 5.05 เมตร ความยาวของเรือ 27.70 เมตร ความลึก 1.40 เมตร น้ำหนักขนาด 52.70 ตันกรอส ใบอนุญาตใช้เรือหมดอายุวันที่ 7 มิ.ย.2560
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท.เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดให้ช่วยอำนวยความสะดวก กับญาติผู้เสียชีวิตในการเคลื่อนย้ายศพ โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า หลังชุดประดาน้ำลงไปสำรวจใต้น้ำตั้งแต่ช่วงเช้า โดยเน้นไปที่ใต้ห้องเครื่องและห้องน้ำด้านหลังเรือ ซึ่งมีผู้แจ้งว่าน่าจะมีผู้ติดอยู่ภายใน ยังไม่พบ ร่างผู้เสียชีวิต จึงมีการประเมินเหตุการณ์ร่วมกัน ก่อนที่จะตัดสินใจให้กรมเจ้าท่าวางแผนกู้ซากเรือให้ลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ และส่งนักประดาน้ำลงไปสำรวจขอบตลิ่งอีกครั้ง เหตุเรือล่มในครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเรืออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมช่วยเหลือผู้โดยสารขณะเกิดเหตุ โดยเฉพาะเสื้อชูชีพและห่วงยาง น่าจะมีน้อยไม่เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสาร จากนี้จะต้องกวดขันเรือทุกลำที่จะให้บริการท่องเที่ยว หากพบว่าลำใดไม่เหมาะหรือมีอุปกรณ์ไม่ครบ จะต้องหยุดให้บริการ หากยังฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวด

...

ส่วนที่มัสยิดอาลียีน นูรอยน์ หมู่ 7 ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน ว่าที่ ร.ต.อภินันท์ เผือกผ่อง ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางไปมอบเงินช่วยเหลือ ให้กับญาติผู้เสียชีวิต 15 ราย รายละ 5,000 บาท โดยศพทั้งหมดจะทำพิธีฝังในช่วงบ่ายวันเดียวกันที่กุโบสามัคคีคลองคูจาม ใกล้มัสยิดหลักศาสนาอิสลาม ว่าที่ ร.ต.อภินันท์กล่าวว่า ทางจังหวัดได้ช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นและให้เจ้าหน้าที่ช่วยเร่งค้นหาผู้ที่สูญหาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงสั่งการให้นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา

พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจ กล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับนายท้ายเรือ ในข้อหาบรรทุกผู้โดยสารมากกว่าจำนวนที่แจ้งไว้ในใบอนุญาต โดยในใบ อนุญาตขอไว้เพียง 50 คน ทราบว่ากรณีดังกล่าวมีการบรรทุกถึงร้อยกว่าคน ถือว่าเป็นความผิดโดยชัดแจ้ง จากนี้พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานว่าเจ้าของเรือจะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบอย่างไรหรือไม่ ตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2556 มาตรา 155 ห้ามมิให้เรือกลไฟหรือเรือยนต์ลำใดบรรทุกผู้โดยสารมากกว่าจำนวนที่แจ้งในใบอนุญาต ถ้าฝ่าฝืนจะมีความผิดตามมาตรา 161 โดยกำหนดอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับตั้งแต่ 1 พันถึง 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ประมวลกฎหมายอาญาเรื่องของการประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และการประมาท ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งจะมีโทษอีกส่วนหนึ่ง ส่วนความผิดทางแพ่งมีกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีประกันหรือไม่ก็ตาม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีเรือล่มว่า เรื่องสำคัญเราต้องแก้ไขที่ระบบต่างๆ ตนเข้าใจว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ ทั้งการบรรทุกเกินที่กำหนด ความรับผิดชอบจะต้องมีมากกว่านี้ การให้บริการสาธารณะทั่วโลกถือเป็นเรื่องสำคัญในเรื่องการให้ความปลอดภัย นายกฯย้ำเสมอว่าไม่ใช่ ดูเฉพาะการเยียวยา แต่ควรจะดูเรื่องการวางระบบให้เป็นไปตามกฎหมาย ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ตั้งแต่นายท้าย ท่าเรือ เสื้อชูชีพ สิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องมีตามกฎหมาย ว่าต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง เข้าใจว่านายกฯกลับมาจากปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ จะเรียกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปตามกฎหมาย

...

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุเรือล่มว่า เป็นอุบัติเหตุที่สะเทือนขวัญประชาชน ได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเพื่อร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น รวมทั้งเร่งเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้บาดเจ็บ และครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยด่วน เบื้องต้นมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่พึ่งแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 2,000 บาท และมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบปัญหา สังคมฉุกเฉินแก่ผู้บาดเจ็บคนละ 2,000 บาท มอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น พร้อมทั้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาในระยะยาวต่อไป

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการ กำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยถึงกรณีเกิดอุบัติเหตุเรือล่มว่าได้ตรวจสอบพบว่าเรือลำดังกล่าวทำประกันภัยภาคบังคับไว้กับบริษัทไทยพัฒนาประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมีระยะเวลาประกันภัยระหว่างวันที่ 10 มี.ค. 58 ถึงวันที่ 10 มี.ค.59 ซึ่งหมดอายุการคุ้มครองแล้ว แต่ยังไม่ได้ต่ออายุกรมธรรม์ ขณะนี้สำนักงาน คปภ. กำลังตรวจสอบต่อไปว่ามีการทำประกันภัยไว้กับบริษัทอื่นอีกหรือไม่ หากเรือลำดังกล่าวได้ทำประกันภัยและกรมธรรม์ยังมีผลบังคับใช้ ผู้โดยสารจะได้รับการคุ้มครองในกรณีเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ (สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง) 100,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน ส่วนการประกันภัยรายบุคคล ตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้โดยสารบางรายทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่ง คปภ. ได้ประสานบริษัทให้เร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นการด่วนแล้ว