เรือนักท่องเที่ยวล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา กว่า150 ชีวิต สรุป ดับแล้ว 14 ราย เจ็บพุ่ง 45 ราย สูญหาย 10 ราย จนท.ยังเร่งค้นหา ผู้ไม่ทราบชะตากรรมอีกอื้อ!

วันที่ 18 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากกู้ภัยพระนครศรีอยุธยา รับแจ้งว่า บริเวณหน้าวัดสนามไชย หมู่ 10 ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์รุดไปตรวจสอบมีเรือบรรทุกประชาชนและนักท่องเที่ยวทางน้ำ เกิดล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา โดยขณะเกิดเหตุมีผู้โดยสารบนเรือประมาณ 100 คน ล่าสุดแจ้งกู้ภัยในเขต จังหวัด และอำเภอใกล้เคียง นำเรือและนำกำลังไปในจุดเกิดเหตุแล้ว เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ พบอาการสาหัส 2 ราย และยังมีประชาชนและนักท่องเที่ยวสูญหายไปในน้ำจำนวนมาก

...

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเป็นเรือแห่ทำพิธีตามศาสนาอิสลาม โดยจะแห่ไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ทราบว่ากำลังจะแห่ขบวนกลับมัสยิดตะเกี่ย แต่น้ำในแม่น้ำเชี่ยวและไหลแรงมาก เรือก็เลยค่อยๆ จมลง ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานความสูญเสีย ทราบเพียงกำลังเร่งช่วยคนโดยสารที่ติดอยู่ในเรือ 

ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุ พบเป็นเรือนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่ 2 ชั้นความยาว 30 เมตรกว้าง 8 เมตร จมในลักษณะเอียงอยู่ภายในแม่น้ำ พบผู้บาดเจ็บจำนวนหลายราย เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ ลำเลียงผู้บาดเจ็บ ส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

สอบถาม นายอรรณพ กุฎีพันธ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 196 ซอยประชาอุทิศ ดอนเมือง กทม. เล่าว่า วันนี้เป็นงานโฮ้ล งานประเพณีทำบุญครูของอิสลาม ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ขณะเกิดเหตุตนอยู่บนเรือพร้อมชาวมุสลิมกว่า 150 คน และมีเรืออีกจำนวนกว่า 10 ลำ ล่องตามแม่น้ำเจ้าพระยา ขึ้นจากท่าน้ำมัสยิดภูเขาทองเพื่อทำพิธี มุ่งหน้ามัสยิดตะเกี่ยโยคิน ตำบลคลองตะเคียน พอทำพิธีเสร็จ บรรดาเรือต่างๆ ก็นำชาวมุสลิมที่ทำบุญลองเรือส่งตามจุดต่างๆ โดยเรือลำดังกล่าว ได้ส่งชาวมุสลิมที่ท่าน้ำ มัสยิดภูเขาทอง เพื่อมุ่งหน้า ท่าน้ำโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ขณะเกิดเหตุ ได้มีเรือบรรทุกทรายเล่นอยู่ด้านหน้า เรือดังกล่าว จึงได้หลบเรือบรรทุกทรายและได้ชนกับเสาเข็ม ที่ตอกอยู่ ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัด จนทำให้เรือพลิกตะแคง และจมน้ำครึ่งลำเรือ จนทำให้ ผู้ที่อยู่บนเรือต่างก็ตกลงน้ำ และตะเกียกตะกาย จนมีเจ้าหน้าที่ มูลนิธิพุทไธสวรรย์และชาวบ้านได้ช่วยเหลือ นำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

...

เมื่อเวลา 17.26 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุแล้วเป็นผู้หญิงจำนวน 3 ราย คาดยังมีร่างผู้เสียชีวิตที่อาจติดอยูภายในเรืออีก ขณะที่มีผู้เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลอีก 5 ราย เป็นชาย 1 หญิง 4 คน รวมทั้งหมดพบผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย ขณะที่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตร.ได้ระดมกำลังกู้ภัย และสั่งติดไปเพื่อค้นหาผู้สูญหายจำนวนมากจนกว่าฟ้าจะมืด 

ทางด้าน นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า เรือโดยสารของนักท่องเที่ยวที่จมลงน่าจะเกิดจากกระแสน้ำที่เชี่ยวแรงและคนขับเรือบังคับเรือไม่ได้จึงกระแทกเข้ากับตลิ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ล่าสุดได้นำคนเจ็บส่งไปยังโรงพยาบาลและนำเรือเครนเข้าดึงเรือลำที่เกิดเหตุขึ้น ซึ่งเชื่อว่ายังมีผู้โดยสารติดอยู่อีกจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นอุปกรณ์ช่วยชีวิตบนเรือลำดังกล่าวอาจจะไม่เพียงพอกับจำนวนของผู้โดยสาร ส่วนคนขับเรือลำดังกล่าวได้หายไปหลังจากเกิดเหตุขึ้น

เมื่อเวลา 18.15 น. เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้การช่วยเหลือและนำศพขึ้นมาจากน้ำค่อนข้างลำบาก โดยว่าที่ร้อยตรีสมทรง  สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ได้นำอวนตาข่าย รวมถึงผ้าใบไปล้อมรอบบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อไม่ให้ศพลอยออกจากจุดเกิดเหตุ ขณะที่กรมเจ้าท่าได้สั่งการให้เรือทุกชนิดหยุดการเดินเรือเพื่อไม่ให้ผ่านบริเวณที่เกิดเหตุ

...

นายวิรัช ชัยศิริกุลอายุ 68 ปี คนขับเรือ บอกว่า ได้นำชาวมุสลิมจากตลาดขวัญ จ.นนทบุรี มาลงเรือที่ท่าน้ำมัสยิดภูเขาทองเต็มลำ มุ่งหน้ามัสยิดตะเกี่ยโยคิน ตำบลคลองตะเคียน อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมพิธีงานประเพณี ทำบุญครู ของอิสลาม โดยมีเรืออีก10 ลำบรรทุกชาวอิสลามแล่นตามมาเต็มคลอง เสร็จพิธีแล้วขากลับมีนักแสวงบุญขึ้นมาบนเรือจนแน่นเรือกว่า 100 คน ขณะเกิดเหตุ ได้มีเรือบรรทุกทรายเเล่นอยู่ด้านหน้า แล่นสวนกันจึงได้หลบเรือบรรทุกทราย เรือเสียหลักแล่นเข้าชนกับเสาเข็มที่ตอกอยู่ ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัด จนทำให้เรือแตกน้ำเข้าตะแคงและจมครึ่งลำเรือ จนทำให้ผู้ที่อยู่บนเรือต่างก็ตกลงในน้ำ และตะเกียกตะกาย จนมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์และชาวบ้านได้ช่วยเหลือ นำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ล่าสุดยืนยันมีผู้เสียชีวิต จำนวน 14 ราย เป็นหญิง 7 ราย เป็นชาย 7 ราย 

ทราบชื่อ น.ส.ชยาภา มหาครุฑ อายุ 28 ปี, นางละมัย กระจ่างแสง อายุ 61 ปี, นายเสน่ห์ แจ่มคง อายุ 76 ปี, นางเตือนใจ ขันธมะ อายุ 50 ปี, นางหทัยทิพย์ ครุฑอาชาติ อายุ 33 ปี, นางวาสนา แจ่มคง อายุ 48 ปี, ด.ช.ธิเบศ มาทอง, ด.ช.อนุสรณ์ กระจ่างแสง อายุ 4 ปี, ด.ญ.ภาวดี หวังจำปี อายุ 13 ปี นายประเสริฐ ขันธรักษ์ อายุ 45 ปี, น.ส.ปนัดดา บุญรักษ์ อายุ 15 ปี, นายสมพงษ์ รัมมะเอ็ด อายุ 25 ปี, นางวรรณี เมาะซัง อายุ 40 ปี และ นางรติฉัตร เปลี่ยนพืช อายุ 20 ปี 

...

เมื่อเวลา 20.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานยอดผู้สูญหาย จากเดิม 6 คน ญาติมาแจ้งเพิ่มอีก 4 ราย รวมเป็น 10 ราย ทั้งนี้ นักประดาน้ำกำลังค้นหาผู้สูญหาย


ต่อมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้เดินทางมาเยี่ยม เด็กชาย วัย 4 เดือน ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่ใน รพ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมสั่งเร่งกู้เรือ เพื่อตรวจสอบเรื่องผู้สูญหายและเสียชีวิต เบื้องต้น เชื่อว่า คนขับไม่มีความชำนาญร่องน้ำ จึงได้ยึดใบอนุญาต และปรับ 1 หมื่นบาท ส่วนทางคดี ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย

จากนั้น เวลา 21.45 น. นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามสถานการณ์ และการค้นหาผู้สูญหาย บริเวณวัดสนามไชย 

ขณะที่ พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบก.รน. ได้สั่งการใช้ชุดมนุษย์กบ เข้าช่วยค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนการค้นหา 

ล่าสุด เมื่อเวลา 22.00 น. มีรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 14 ราย บาดเจ็บ 45 ราย 

เวลา 22.30 น. ที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา มีกลุ่มญาติของ น.ส.หทัยทิพย์ ครุฑอาชาติ อายุ 33 ปี เหยื่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เรือล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดสนามไชย เดินทางมารับศพ เพื่อนำไปทำพิธีตามทางศาสนาอิสลาม ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ โดยล่าสุดมีญาติมารับศพเหยื่อเรือล่มที่รพ.พระนครศรีอยุธยา แล้ว 2 ราย ส่วนที่เหลืออีก 4 ราย ยังอยู่ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐาน โดยคาดว่า ญาติของผู้เสียชีวิตทั้งหมด จะทยอยเดินทางมารับศพออกไปทำพิธีภายในคืนนี้

เวลาต่อมา นายกฤษดา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายประยูร รัตนเสนีย์ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมอาการผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยนายกฤษดา เผยว่า ได้ประสานให้ทาง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา มอบเงินเยียวยาในเบื้องต้นให้กับญาติในรายที่เสียชีวิตแล้ว

ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตทุกรายจะได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้น จาก พม. จังหวัด รายละ 2,000 บาท และจากเหล่ากาชาดจังหวัด รายละ 3,000บาท โดยปลัดจังหวัดฯ ร่วมกับนายอำเภอพระนครศรีอยุธยา และคณะกรรมการเหล่ากาชาด จะนำเงินไปมอบให้ในเวลา 07.30 น. วันที่ 19 ก.ย. ก่อนพิธีการฝังศพในเวลา 09.00 น.

ความคืบหน้าจะได้รายงานให้ทราบต่อไป