ร.อ.เอเจ ลีวิส หัวหน้าแผนกคดีอาชญากรรม กองบังคับการตำรวจเขตดีแคล์ป นำทีมแถลงผลคดี

ตร.สหรัฐฯ แถลงคดีฆ่าหนุ่มไทยเจ้าของร้านอาหาร เป็นการฆ่าชิงทรัพย์ โดยอดีตพนักงานสาวที่ลาออกไป วางแผนให้แฟนหนุ่มมาจี้ แต่เกิดการขัดขืน ส่วนศพไม่เกิน 2 วันรับกลับได้ แม่มอบให้เพื่อนดำเนินการทั้งหมด รวมทั้งการเรียกร้องจากประกันฯ...

นายสมิทธิ์ ทรัพย์วิบูลย์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานเมื่อวันที่ 16 ก.ย. เกี่ยวกับความคืบหน้า คดีคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์ นายสมโภชน์ หรือบอย อารมสุข อายุ 34 ปี เจ้าของร้านอาหารไทย "ไหมไทย" เมืองทัคเกอร์ รัฐจอร์เจีย เมื่อคืนวันที่ 13 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น โดยตำรวจกองบังคับการตำรวจเขตดีแคล์ป สามารถจับกุมคนร้ายได้ 2 คน คือ น.ส.ไอมานี เบิร์นส์ อายุ 20 ปี พนักงานร้านอาหารของนายสมโภชน์ และนายจาร์วิส สแตนฟอร์ด อายุ 23 ปี เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับประเทศไทยวันที่ 16 ก.ย. เวลา 03.00 น. ส่วนตัวผู้ต้องหา 2 คน ถูกส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำ ยังรอขั้นตอนดำเนินคดีเพื่อส่งศาล (รวบ 2 คนร้ายร่วมฆ่าชิงทรัพย์หนุ่มไทยเจ้าของร้านอาหารที่สหรัฐฯ)

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การนัดแถลงผลคดีของตำรวจที่กองบังคับการตำรวจเขตดีแคล์ป มีนายขวัญชนก ตันติเวชกุล ประธานกรรมการบริหารสมาคมไทยแห่งรัฐจอร์เจีย นำคณะกรรมการไปร่วมฟัง 3 คน และมีตัวแทนฝ่ายญาติผู้ตาย 4 คน เป็นเพื่อนชาวลาวของนายสมโภชน์ที่ได้รับมอบหมายจากนางตุ่ย อารมสุข มารดาผู้ตาย มารับฟังผลคดีด้วย ได้แก่ นายสว่าง ศรีประเสริฐ, นายสิงห์ คิดสถาพร,นายจอม ศรีจันทราช และนายสิงห์ คิดสถาพร โดยตำรวจได้สอบถามว่านางตุ่ยมารดาของนายสมโภชน์มาด้วยหรือเปล่า นายสว่างแจ้งว่าเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากมารดาผู้ตายมาฟังผลคดีแทน

จากนั้น ร.อ.เอเจ ลีวิส หัวหน้าตำรวจแผนกคดีอาชญากรรม ได้แถลงรายละเอียดของคดีให้ทราบว่า ตำรวจได้สอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์และจากกล้องวงจรปิด ทราบว่าเหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ย. เวลาประมาณ 21.00 น. เห็นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เดินเข้าไปคุยกับนายสมโภชน์ผู้ตาย จากนั้นมีการยื้อแย่งกัน และนายจาร์วิสได้ใช้ปืนยิงนายสมโภชน์ 2 นัด กระสุนนัดแรกเข้าที่ต้นแขน และนัดที่ 2 เข้าที่หน้าอก (ตำรวจไม่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับบาดแผล เพราะเกี่ยวกับรูปคดี) หลังจากยิง ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ขับรถของนายสมโภชน์หลบหนีไป ระหว่างเกิดเหตุพนักงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดใกล้เคียงได้ยินเสียงปืนจึงวิ่งออกไปดู และช่วงนั้นมีแสงไฟสลัว เห็นร่างของนายสมโภชน์นอนอยู่ และนายสมโภชน์นอนร้องครวญคราง ต่อมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของช็อปปิ้งมอลล์ได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจให้ส่งรถพยาบาลนำนายสมโภชน์ไปส่งโรงพยาบาล และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ด้านการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหานั้น ร.อ.เอเจ ลีวิส เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจใช้ทีมสืบสวน 16 คน รวบรวมพยานหลักฐานจากพยานบุคคลและจากภาพวงจรปิดจนทราบว่าใครเป็นคนร้าย พร้อมทั้งสามารถจับกุม น.ส.ไอมานีได้ จากนั้นติดตามจับกุมนายจาร์วิสแฟนหนุ่มในเวลาต่อมา ทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่าตั้งใจมาชิงทรัพย์ ส่วน น.ส.ไอมานีนั้นเคยเป็นพนักงานที่ร้านอาหารไหมไทย และลาออกไป 6 เดือนแล้ว คงทราบว่านายสมโภชน์เจ้านายเก่ามีทรัพย์สิน จึงวางแผนให้แฟนหนุ่มมาจี้ชิงทรัพย์ โดยตำรวจได้ตั้งข้อหาไว้ 2 ข้อหาคือ ฆาตกรรมและชิงทรัพย์ จึงส่งผู้ต้องหาไปควบคุมไว้ที่เรือนจำ เพื่อรอการนำส่งฟ้องศาลตามนัดต่อไป

หลังฟังคำแถลงของตำรวจแล้ว นายขวัญชนก ตันติเวชกุล ประธานกรรมการบริหารสมาคมไทยแห่งรัฐจอร์เจีย ได้กล่าวขอบคุณตำรวจที่ติดตามจับกุมคนร้ายมาได้ ทำให้ทราบความกระจ่างของคดีทั้งหมด และทางสมาคมฯ จะนำตัวแทนชาวไทยมาขอบคุณคณะตำรวจอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ขณะที่นายสว่าง ศรีประเสริฐ เพื่อนชาวลาวของนายสมโภชน์ กล่าวกับตำรวจว่า ได้รับมอบหมายจากมารดาของนายสมโภชน์ ให้เป็นตัวแทนดูแลทรัพย์สินและค่าเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยจะแต่งตั้งทนายความยื่นร้องต่อศาลขอเป็นตัวแทนดำเนินการเรื่องทรัพย์สินของนายสมโภชน์ นอกจากนี้จะแต่งตั้งทนายความไปคุยกับแลนด์ลอร์ด หรือเจ้าของพื้นที่ เพื่อให้ไปคุยกับบริษัทประกันภัย เนื่องจากบริเวณสถานที่เกิดเหตุมีความบกพร่องเรื่องการรักษาความปลอดภัย และติดตั้งไฟฟ้าไม่สว่างพอที่จะเกิดความปลอดภัยกับคนที่ไปใช้บริการ ทางบริษัทประกันจึงควรจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการตายของนายสมโภชน์ ทั้งค่าดำเนินการส่งศพกลับประเทศและอื่นๆ ตามสิทธิที่ควรจะเรียกร้องได้ ซึ่งทางตำรวจแจ้งว่า ฝ่ายตำรวจเพียงรับทราบไว้ แต่จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องเหล่านี้

...

ส่วนเรื่องการรับศพนายสมโภชน์เพื่อส่งกลับประเทศไทยนั้น ตำรวจแจ้งว่าน่าจะให้รับศพได้ภายในไม่เกิน 2 วัน กรรมการสมาคมไทยฯ จึงแจ้งให้ตำรวจทราบว่า ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้มอบหมายให้สุสานลีส์ เมืองดูลูธ ห่างจากโรงพยาบาลที่เก็บศพ 19 ไมล์ เป็นผู้รับศพไปเก็บไว้ และดำเนินการจัดส่งศพกลับประเทศไทย

ด้านนางตุ่ย อารมสุข มารดาของนายสมโภชน์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าววันเดียวกันว่า นายสว่าง ศรีประเสริฐ เพื่อนสนิทของนายสมโภชน์ได้โทรศัพท์มาหา พร้อมทั้งเสนอตัวในการช่วยเหลือด้านต่างๆ ที่สามารถเรียกร้องสิทธิให้นายสมโภชน์ผู้ตายได้ อีกทั้งเห็นว่านายสว่างมีความสนิทสนมกับบุตรชาย และบุตรชายโทรศัพท์มาเล่าให้ฟังตลอดว่าเป็นเพื่อนที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน จึงมอบหมายให้นายสว่างจัดการเรื่องทรัพย์สินต่างๆของนายสมโภชน์บุตรชาย รวมถึงร้านอาหารด้วย หากสามารถขายได้ก็ให้ขาย แล้วส่งเงินกลับมาให้

"ดิฉันคงไม่มีเวลาบินไปจัดการเรื่องทรัพย์สินลูกชายเอง เพราะเดินทางไปลำบาก อีกทั้งไม่อยากไปที่เกิดเหตุ ซึ่งจะทำให้คิดถึงลูก และเห็นว่าได้อโหสิกรรมในเรื่องนี้แล้ว จึงให้คุณสว่างช่วยดำเนินการเรื่องทรัพย์สินต่างๆ ของลูกชายแทน ส่วนเรื่องค่าส่งศพ 9,650 ดอลลาร์ ก็ดำเนินการโอนให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว" นางตุ่ยกล่าว.

อ่านข่าวเพิ่มเติม