ญาตินำศพ ‘ธวัชชัย อนุกูล’ อดีตเจ้าพนักงานที่ดินผูกคอตายในห้องควบคุมของดีเอสไอ ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใน จ.ปทุมธานี เผยสวดคืนเดียวเผาเลย ทางด้านรองอธิบดีดีเอสไอ ยืนยันไม่มีการซ้อม ตับแตกอาจเกิดตอนปั๊มหัวใจผิดจังหวะขณะช่วยชีวิต...
วันที่ 31 ส.ค. 59 ภายหลังญาติของนายธวัชชัย อนุกูล อายุ 66 ปี ชาว จ.ภูเก็ต อดีตเจ้าพนักงานที่ดินพังงา สาขาท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1165/2559 ลงวันที่ 14 มิ.ย.2559 ที่กระทำอัตวินิบาตกรรม ผูกคอเสียชีวิตภายในห้องควบคุมของกรมสอบสวนคดีพิเศษ มาติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศล หลังจากถูกส่งมาตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิตที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ
ทั้งนี้ นายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายของนายธวัชชัย เปิดเผยว่า ยังคงติดใจประเด็นการเสียชีวิตของนายธวัชชัย โดยเฉพาะการให้การไม่ตรงกันกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่เห็นว่า นายธวัชชัย ใช้เสื้อของตัวเองผูกคอกับบานพับประตู แต่หัวหน้าควบคุมผู้ต้องหา บอกว่าเป็นการใช้ถุงเท้ามาก่อเหตุ อย่างไรก็ตามทางญาติ จะไม่เรียกร้องใดๆ (ญาติรับศพ ‘ขรก.ที่ดิน’ ผลชันสูตรชี้ 'เลือดออกช่องท้อง-ตับแตก')
...
ขณะเดียวกัน ในใบแจ้งตาย ของแพทย์ผู้ชันสูตรศพ สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ระบุถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนายธวัชชัย ว่า “เกิดจากเลือดออกในช่องท้อง ตับแตกจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก ร่วมกับขาดอากาศหายใจจากการผูกคอ”
ต่อมาเวลา 16.00 น.วันที่ 31 ส.ค. ที่ห้องแถลงข่าวชั้น 1 สำนักนักงาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ แถลงข่าวภายหลังผลการชันสูตรพลิกศพนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดินจังหวัดพังงา ใช้ถุงเท้าผูกคอเสียชีวิต ระหว่างถูกควบคุมตัวภายในห้องบนชั้น 6 สำนักงายดีเอสไอ เมื่อกลางดึกวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ได้รับผลชันสูตรพลิกศพนายธวัชชัยจากนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากตามขั้นตอน พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง จะนำผลชันสูตรศพ พร้อมสำนวนคดีมาแจ้งให้กับดีเอสไอ แต่ตามที่สื่อมวลชนได้มาสอบถามว่า ผลชันสูตรระบุว่า พบมีอาการตับแตกและเลือดออกในช่องท้องด้วยนั้น เนื่องจากถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก ร่วมกับการขาดอากาศหายใจจากการถูกผูกคอ เบื้องต้นสาเหตุดังกล่าวอาจเกิดจากการช่วยชีวิต การปฐมพยาบาลของพยาบาลจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ โดยมีพยาบาลมา 3 คน พร้อมเตียงคนไข้ และทำการปั๊มหัวใจภายในห้องขัง ชั้น 6 ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นพยาบาล รีบนำตัวไปที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทำการปั๊มหัวใจต่ออีก 45 นาที และได้ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า อีกประมาณ 1 ชั่วโมง กระทั่งเสียชีวิต
"ขอชี้แจงว่าตั้งแต่ดีเอสไอจับกุมนายธวัชชัยมาที่สำนักงานดีเอสไอ ก็มีญาติมาคอยนั่งฟังขณะเจ้าหน้าที่ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาตลอด ซึ่งผู้ตายยังได้เซ็นเอกสารรองรับ และพอใจในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ และหลังพบว่าผู้ต้องหาผูกคอก็ได้แจ้งญาติให้ตามไปดูขณะอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎด้วย ยืนยันว่าผู้ตายใช้ถุงเท้าของตัวเอง 2 ข้าง มาผูกกันและใช้แขวนกับบานพับประตู ซึ่งหลังรับตัวนายธวัชชัยมา เจ้าหน้าที่ได้นำชุดเสื้อ และกางเกงขายาวสีขาว ที่ใช้สำหรับผู้ต้องขังมาให้เปลี่ยนแทนชุดเก่า แต่ระหว่างนั้นในห้องขังมีอากาศหนาว ผู้ตายจึงร้องขอถุงเท้ามาใส่ เพราะนอนไม่หลับ เจ้าหน้าที่จึงใถุงเท้าซึ่งเป็นของผู้ตายเองไปสวมใส่ ส่วนประเด็นที่ถูกมองว่าเป็นการฆ่าตัดตอนนั้น ขณะนี้ อธิบดีดีเอสไอสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และนอกจากนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าของคดี หากเห็นข้อพิรุธ คงมีการสอบสวนได้ ดีเอสไอยินดีให้ความร่วมมือ ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ รปภ. 3 นายที่คอยเฝ้าจะถูกลงโทษหรือไม่ ขณะนี้กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่" พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ขอชี้แจง 2 ประเด็น 1.การเสียชีวิตระหว่างควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ ทางสน.ทุ่งสองห้อง สามารถชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายได้และทำร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2.ดีเอสไอ ดำเนินการหาข้อเท็จจริงเองควบคู่กับการทำงานของตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไออยู่กับญาติผู้เสียชีวิตตลอดเวลาพร้อมให้ความเป็นธรรมและเมื่อผลชันสูตรออกมาแบบนี้ ดีเอสไอ ก็ต้องตอบญาติและสังคมให้ได้ ด้วยการหาข้อเท็จจริงมาพิสูจน์
ขณะที่ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมฯ กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุม นายธวัชชัย มา ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำร้ายร่างกาย อีกทั้งหลังจากนำตัว นายธวัชชัย มาควบคุมทำการสอบสวนและคุมขังเหตุการณ์ก็ปกติ แต่หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการพิสูจน์หาข้อเท็จจริงอีกครั้ง ขณะนี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าห้องขังเพื่อดูว่า มีใครเดินผ่านเข้าออกบ้างในคืนเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งได้ประสานกับแพทย์ รพ.มงกุฎวัฒนะ เกี่ยวกับวิธีการปั๊มหัวใจอาจเกิดข้อผิดพลาดไปกดทับได้ส่งผลให้เลือดออกในช่องท้อง เนื่องจากตับอยู่ใกล้บริเวณหัวใจ บางครั้งหากปั๊มหัวใจผิดวิธีอาจทำให้ซี่โครงหักได้เช่นกัน แต่ก็ต้องเข้าใจเจตนาความหวังดีของคนช่วยเหลือด้วย นอกจากนี้ แพทย์ก็ไม่พบบาดแผลตามร่างกายผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางดีเอสไอได้นำภาพถุงเท้าที่นายธวัชชัย ใช้ผูกคอเสียชีวิตมาเผยแพร่ให้สื่อมวลชนด้วย
...
ส่วนศพผู้ตาย ผู้สื่อข่าวทราบจากการเปิดเผยของญาติ ที่มารับศพ ว่า หลังจากนี้จะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบางหลวง อำเภอเมืองปทุมธานี เป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะทำการฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้ทันที โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีแขกมาร่วมงานไม่มากนัก และพบว่าส่วนใหญ่มีเพียงญาติพี่น้องเพียงไม่กี่คน นอกจากนี้สถานที่ตั้งศพนั้น ก็ไม่มีรูปของผู้เสียชีวิตตั้งไว้ที่หน้าโลง รวมทั้งดอกไม้สด ดอกไม้แห้ง ก็ไม่มีประดับแต่อย่างใด ต่อมาในช่วงเย็นวันเดียวกันได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เดินทางมาร่วมงานพร้อมนำพวงหรีดจำนวน 2 พวง โดยพวงแรกระบุชื่อ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” และพวงที่สองระบุชื่อ “ส่วนควบคุมและรักษาของกลางสำนักปฏิบัติการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ”
ขณะที่ นายชัยณรงค์ อนุกูล อายุ 63 ปี น้องชายของนายธวัชชัย กล่าวว่า เรื่องการเสียชีวิตของพี่ชายตนนั้น ครั้งแรกตนก็ไม่ติดใจอะไร เพราะเห็นว่าทางดีเอสไอ ออกมาให้ข่าวว่าพี่ชายตนผูกคอตาย แต่เมื่อวันนี้ตนและญาติๆไปรับศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ และมีใบแจ้งตาย ของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ระบุถึงสาเหตุการตายว่า “เลือดออกในช่องท้อง ตับแตกจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก ร่วมกับขาดอากาศหายใจจากการผูกคอ” ทำให้ตานและญาติๆรับไม่ได้ จึงมีความติดใจในการตายของพี่ชายตนในครั้งนี้ จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวญาติพี่น้องตนและของคนตายด้วย
น้องชายของนายธวัชชัย กล่าวอีกว่า ถึงแม้ว่าในขบวนการมีหลักฐานว่าพี่ชายตนมีความผิดคดีอาญา ก็ต้องให้รับโทษตามกฎหมายบ้านเมือง แต่นี่พี่ตนมาตายแบบนี้ตนคงยอมไม่ได้ แต่ก็ต้องขอให้เสร็จงานศพให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าจะเดินไปทิศทางไหน ส่วนงานศพที่มีการสวดพระอภิธรรมศพคืนเดียวแล้วเผาในวันรุ่งขึ้น(1 ก.ย.) นั้น เป็นเพราะตนมีเพียงพี่น้องทั้งหมด 4 คน รวมทั้งผู้ตาย และตนไม่ใช่คนมีฐานะ และได้ติดต่อกับทางวัดไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ผลการผ่าพิสูจน์ก็ออกมาแล้ว จึงตัดสินใจกับพี่น้องว่าสวดคืนเดียวแล้วเผาเลย จะได้ไม่เป็นภาระให้กับผู้อื่นอีกด้วย
...
สำหรับ นายธวัชชัย อนุกูล ผู้ตาย ก่อนหน้านี้เคยถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มาแล้วหลายคดี ถือว่านายธวัชชัยเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดินที่ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบมากที่สุด ทั้งในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.สุราษฎร์ธานี เช่น คดีที่ดินเขาหน้ายักษ์ ซึ่งทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดท้ายเหมือง-เขาลำปี จำนวน 500 ไร่ ราคาประเมินของกรมที่ดินไร่ละ 21 ล้านบาท มูลค่าทั้งสิ้น 10,500 ล้านบาท เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นคหบดีในพื้นที่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต (ผูกคอคาคุกดีเอสไอ อดีตจนท.ที่ดิน ออกโฉนดผิด! เสียหายหมื่นล.)