ธ.กสิกรไทย ช่วยเหลือลูกค้าหนุ่มประดับยนต์ที่อยุธยา มอบเงินที่ถูกมิจฉาชีพยักยอกผ่านบริการอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง 9.8 แสนบาท ด้านเจ้าตัวยิ้มแก้มปริ ยันเงินที่ได้คืนมาทำธุรกิจเหมือนเดิม

จากกรณี ที่นายพันธุ์สุธี มีลือกิจ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 525/62 หมู่ 8 ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าของร้านประดับยนต์ และครอบครัว ได้นั่งประท้วงบนถนนพระราม 1 หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้ธนาคารกสิกรไทยชดใช้เงินที่สูญเสียไปจากกรณีถูกมิจฉาชีพใช้วิธีการติดต่อขอเปลี่ยนซิมโทรศัพท์มือถือที่ร้าน ทรูช็อป จากนั้นโทรศัพท์เปลี่ยนรหัสแอพพลิเคชัน K-Mobile Banking ก่อนโอนเงินทั้งหมดในบัญชีธนาคารจำนวน 986,700 บาท เมื่อวันที่ 19 ส.ค.59 ที่ผ่านมา

คืบหน้าเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 20 ส.ค. 59 ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขา บิ๊กซี จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่เดินทางมาเจรจายินยอมรับผิดชอบชดใช้เงินจำนวน 986,700 บาท ให้กับ นายพันธุ์สุธี มีลือกิจ โดยมอบเป็นเช็คเงินสด ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งมี นายอัจริยะ เรืองรัตนพงศ์ อายุ 49 ปี ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายพันธุ์สุธี กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจที่ทางธนาคารได้ดูแลลูกค้า เอาใจใส่และให้ข้อมูลในการประสานติดตามจับคนร้ายรายนี้ ส่วนเงินที่ได้คืนมาก็จะดำเนินธุรกิจเหมือนเดิม ขอบคุณทางธนาคารกสิกรไทย พี่ๆ สื่อมวลชนทุกแขนง และพี่อัจฉริยะ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม เป็นอย่างมาก

พ.ต.อ.ภูวดิท ชนะคชภัทร์ รอง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผย พฤติการณ์ของคนร้ายว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2559 นายพันธ์สุธี เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน แจ้งว่าเงินในบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซี-อยุธยา หมายเลขบัญชี 243-2-49818-7 จำนวน 986,700 บาท ของตนได้หายไป โดยเบื้องต้นเชื่อว่าถูกคนร้ายที่ทำทีเป็นลูกค้า นำข้อมูลปลอมของตนไปใช้ประกอบในการถอนเงินออกจากธนาคาร ผ่านทางอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง พนักงานสอบสวนจึงทำหนังสือขอตรวจสอบเอกสารการขอเปลี่ยนซิมการ์ดไปยังบริษัท ทรู พร้อมภาพถ่ายคนร้ายที่นำเอกสารปลอมมายื่นขอข้อมูลการถอนเงิน และขอภาพถ่ายกล้องวงจรปิดบริเวณตู้เอทีเอ็มไปยังธนาคาร

...

จากการตรวจสอบ พบว่ามีการปลอมและใช้เอกสารปลอมที่ห้างสรรพสินค้าย่านบางนา มีการถอนเงินจากบัญชีดังกล่าวไปยังบัญชีคนร้ายที่ห้างสรรพสินค้าในจังหวัดราชบุรี และมีการถอนเงิน จำนวน 3 ครั้ง ที่ห้างสรรพสินค้าย่านบางนา โดยจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวพันกันหลายท้องที่ โดยจะได้เร่งรัดออกหมายจับคนร้ายตามภาพวงจรปิด เจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.