'ชาญชัย' เดินหน้าทวงเสาสัญญาณค่ายมือถือ ดีแทค และทรูมูฟ คืนรัฐ พร้อมจี้ สตง.ดำเนินคดี ชงส่งเรื่องไป ปปง.อายัดทรัพย์

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 59 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการทวงเสาโทรคมนาคมและอุปกรณ์พ่วงจากบริษัทค่ายมือถือว่า ยังมีอีก 2 บริษัทคือ 1.บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค 2.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรูมูฟ ยังไม่ยอมคืนเสาฯ สิ่งปลูกสร้างและอุปกรณ์ตามสัญญาอนุญาตให้ดำเนินการให้บริการวิทยุคมนาคมระบบเซลลูลาร์ระหว่างการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท )

ทั้งนี้ทั้ง 2 บริษัทอ้างเหตุที่ยังไม่ยอมคืนเสาฯ ให้หน่วยงานของรัฐหลังจากหมดสัญญา เพราะเสาฯ เป็นสิ่งปลูกสร้างมิใช่อุปกรณ์ตามสัญญา ข้อ 2.1 จึงไม่จำเป็นต้องส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ในเสาฯ ให้ กสท. โดยในส่วนของ ดีแทค ยังไม่คืนเสาฯจำนวน 4,542 ต้น มูลค่า 2,215,991,979 บาท ส่วนของทรูมูฟยังไม่คืนเสาฯ จำนวน 8,031 ต้น มูลค่า 10,113,404,555 บาท ซึ่งตามสัญญาข้อ 12.1 ระบุว่า บริษัทดีแทคและทรูมูฟ ต้องส่งมอบสถานที่ อาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่นใดที่ติดตั้งเครื่องและอุปกรณ์ รวมทั้งอะไหล่ ตามข้อ 2.1 ทั้งหมดตามสภาพที่ใช้งานได้ดีให้แก่ กสท. ภายใน 60 วัน นับแต่วันสิ้นสุดสัญญา คือวันที่ 15 ก.ย. 2556

นายชาญชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันทั้ง 2 บริษัทยังไม่ยอมส่งมอบเสาฯ และอุปกรณ์ให้รัฐ ถือว่าจงใจยักยอก ฉ้อฉลทรัพย์แผ่นดินและนำไปหาประโยชน์เป็นเงินจำนวนมหาศาลจากการรับใบอนุญาณคลื่น 2100 GHz รวมทั้งคลื่นอื่นๆ โดยไม่ยอมจ่ายค่าเช่าใช้เสาฯ และอุปกรณ์ให้แก่รัฐ โดยพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืน และให้ กสท.ไปฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการ

...

ทั้งนี้ตนจึงขอเรียกร้องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบกรณีนี้ พร้อมแจ้งดำเนินคดีอาญาและให้ส่งสำนวนคดีอาญาให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์และพิสูจน์ทรัพย์ตามกระบวนการกฎหมายต่อไป กรณีนี้ถือเป็นต้นเรื่องที่บริษัทเอไอเอส ใช้อ้างว่า ทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวไม่คืนเสาฯ และอุปกรณ์ให้กับ กสท. หน่วยงานของรัฐ เอไอเอสจึงอ้างไม่ยอมคืนเสาฯ ให้ทีโอทีด้วย แต่ ณ เวลานี้ได้ข้อยุติเบื้องต้น ที่เอไอเอส ได้ให้บริษัทลูกในเครือคือ บริษัท เอดับบลิวเอ็น ที่ได้รับใบอนุญาตคลื่น 2100 GHz เช่าเสาฯ และอุปกรณ์กับทีโอที ปีละ 5,600 ล้านบาท ดังนั้นกรณีนี้ ทั้งบริษัทดีแทคและทรูมูฟต้องยุติการยักยอกทรัพย์แผ่นดินและส่งคืนให้กับรัฐ หากประสงค์จะใช้ ต้องไปเสียค่าเช่าให้กับรัฐ เช่นเดียวกับบริษัท เอไอเอส.