พ่วงแจ้งเท็จ-ค้ามนุษย์ มีหลักฐานพยานชัดเจน น.1ลุยรื้อ9คดีประชาชื่น

“หญิงไก่” ช็อก ถูกดำเนินคดีตาม ม.112 เพิ่ม หลังย่ามใจควงทนายเข้ามอบตัวกองปราบฯข้อหาแจ้งความเท็จ และพยายามค้ามนุษย์ก่อนกำหนด สอบเครียดกว่า 2 ชม.ให้การภาคเสธ พาตัวค้นห้องพักและนำส่งศาล อาญาฝากขังทันที ญาติยื่นหลักทรัพย์เงินสด 1.1 ล้านบาทขอประกัน แต่ศาลไม่อนุมัติส่งตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง ด้านนครบาลรื้อคดีที่หญิงไก่แจ้งความที่ สน.ประชาชื่น ทั้งหมด 9 คดีตรวจสอบใหม่ทั้งหมด ผู้ต้องหามีทั้งคนไทย คนต่างด้าว และนายทหารยศ “พันเอก” พร้อมสอบข้อมูลลึกความสัมพันธ์กับหมอหยองด้วย

กรณี น.ส.ประภาวรรณ หรือก้อย ใจกล้า อายุ 19 ปี นิสิตปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนางมณตา หรือไก่ หยกรัตนกาญ อายุ 56 ปีนายจ้าง แจ้งความดำเนินคดีพร้อมกับพ่อและแม่ข้อหาลักทรัพย์ที่ สน.ประชาชื่น อ้างว่าขโมยทรัพย์สินประกอบด้วยทองคำแท่งและเงินสดรวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เหตุเกิดตั้งแต่ปี 58 หลังจากกลายเป็นข่าวดัง ปรากฏว่า มีผู้ถูกนายจ้างรายนี้แจ้งความดำเนินคดีอีกหลายคน มีทั้งถูกจำคุกไปแล้วและคดียังอยู่ระหว่างดำเนินคดี ทำให้ชุดสืบสวนสอบสวนกองปราบปรามตรวจสอบข้อมูล รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกนางมณตามารับทราบข้อกล่าวหาแจ้งความเท็จในวันที่ 11 ก.ค.ตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกองบังคับการปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ก.ค. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.เผยว่า พนักงานสอบสวนกองปราบปรามสอบปากคำพยานแวดล้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งอยู่ระหว่างการรอนางมณตามาพบตามหมายเรียก อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่า หญิงไก่จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาวันนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่หญิงไก่เดินทางมาพบ กระบวนการหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำในประเด็นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาก่อนปล่อยตัวไป ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่า จะเข้ามาพบเวลาใด ยืนยันว่า หากหญิงไก่มาพบนำพยานหลักฐานมาแสดง และร้องขอให้สอบประเด็นอะไร สามารถทำได้ เจ้าหน้าที่ยินดีรับดำเนินการตามร้องขอพร้อมจะให้ความเป็นธรรม

...

“ส่วนการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา เป็นความผิดข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา มี น.ส.ประภาวรรณ หรือก้อย ใจกล้า และ พ่อแม่เป็นผู้เสียหาย และตำรวจมีพยานหลักฐานพอจะนำสู่การแจ้งข้อกล่าวหาความผิดพยายามค้ามนุษย์ด้วย ซึ่งระบุไว้ตามหมายเรียกแล้ว ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.4บก.ปคม.และ กก.4บก.ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงหาพยานหลักฐาน หลังพบว่า มีผู้ร้องเรียนในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน รวมทั้งคดีอื่นไม่ว่าจะเป็นกรณีนางสุกัลยา ศิริม่วง แม่ของน้องมีน ส่วนกรณีการตรวจสอบหนังสือเดินทางอยู่ระหว่างรอเอกสาร” พ.ต.อ.ชาคริตกล่าว

รอง ผบก.ป. กล่าวต่อไปว่า มีการตั้งข้อสังเกตผ่านสื่อมวลชนว่า ในห้องหญิงไก่มีกล้องวงจรปิด เหตุใดในวันเกิดเหตุไม่นำวงจรปิดในห้องมาเป็นหลักฐานเอาผิดลูกจ้างข้อหาแจ้งความเท็จ แต่ใช้วงจรปิดนอกคอนโด ประเด็นนี้ตำรวจไม่ได้ไปดูห้องที่เกิดเหตุ หากภายในห้องของหญิงไก่มีกล้องวงจรปิดตามที่ปรากฏตามสื่อจริง อยากให้นำมาแสดงเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคดี ส่วนการขอหมายค้นห้องหญิงไก่ตรงนี้ไม่ขอเปิดเผย ส่วนคดีของหญิงไก่ทั้ง 9 คดีที่ สน.ประชาชื่น พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 9 คดี เมื่อวานประชุมหารือแนวทางร่วมกัน เร่งสอบปากคำพยานแวดล้อมผู้เกี่ยวข้องว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เหตุใดถึงแจ้งความมากมาย รวมทั้งตรวจสอบคดีที่หญิงไก่ถอนแจ้งความไปด้วยว่า เหตุใดจึงถอนแจ้งความ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องตรวจสอบ

มีรายงานว่า จากข้อมูลพบว่าคดีของหญิงไก่ในท้องที่ สน.ประชาชื่นทั้ง 9 คดี ประกอบด้วย คดีที่ 1 เมื่อปี 2553 ร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.จันทนา หรือหนูนา คชคงไทย อายุ 25 ปี ข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง คดีที่ 2 วันที่ 22 เม.ย.2554 กล่าวโทษ น.ส.กาบแก้ว ทำมา สัญชาติลาว คดีที่ 3 วันที่ 18 ธ.ค.2557 กล่าวโทษนายเส็ง สัญชาติกัมพูชา ข้อหายักยอกทรัพย์ คดีที่ 4 วันที่ 18 ธ.ค.2557 กล่าวโทษนายแคระ สัญชาติกัมพูชา ข้อหายักยอกทรัพย์ คดีที่ 5 วันที่ 18 ธ.ค.2557 กล่าวโทษ น.ส.ฟ้า สัญชาติกัมพูชา ข้อหาลักทรัพย์ คดีที่ 6 วันที่ 20 มี.ค.2558 กล่าวโทษน้องก้อย ข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง คดีที่ 7 วันที่ 4 ธ.ค.2558 กล่าวโทษนางสุกัลยา ศิริม่วง ข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง คดีที่ 8 วันที่ 27 ธ.ค.2558 กล่าวโทษ น.ส.กีรนา ไม่ทราบนามสกุล ข้อหาฉ้อโกงเงินกว่า 2 ล้านบาท ต่อมาถอนแจ้งความเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา และคดีที่ 9 วันที่ 4 ม.ค.2559 ร้องทุกข์กล่าวโทษ พ.อ.โยธิน อัควเวศ ข้อหาทำให้เสียทรัพย์
ต่อมาเวลา 11.45 น. นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือหญิงไก่ อายุ 56 ปี พร้อมญาติ และนายวิชิต จันทร์แสง อายุ 51 ปี ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. พ.ต.ต.ธนวัฒน์ หลีพงษ์ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแสดงตัว พร้อมกับเข้ารับทราบข้อหาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน บก.ป. ขณะมาถึงนางมณตา มีสีหน้า ยิ้มแย้ม ไม่รู้สึกวิตกกังวลแต่อย่างไร ใช้เวลาสอบปากคำกว่า 2 ชั่วโมง

หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหานางมณตา 3 ข้อหา 5 คดี ประกอบด้วย 1.แจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษอาญา 3 คดี เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ 2.ข้อหาพยายามค้ามนุษย์ และ 3.ข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พร้อมคุมตัวไปถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติผู้ต้องหา โดยนายมณตาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนต่างๆแล้ว เจ้าหน้าที่คุมตัวนางมณตาขึ้นรถวิทยุกองปราบปรามไปตรวจค้นห้องพักเลขที่ 3/551 คอนโดมิเนียมบ้านประชานิเวศน์ ถนนเทศบาลนิมิตเหนือ ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร และจะนำตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรกทันที โดยนางมณตาไม่ยอมให้สัมภาษณ์ ใดๆกับผู้สื่อข่าวทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือนางมณตาเสร็จเรียบร้อย นางมณตา ได้ขอไปเข้าห้องน้ำ พร้อมกับโทรศัพท์คุยเสียงดังภายในห้องน้ำ ไม่ทราบว่าโทร.คุยกับใครให้โอนเงิน 5 ล้านเข้าบัญชีด่วน ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องน้ำ เมื่อผู้สื่อข่าวที่รออยู่ด้านหน้า พยายามจะขอสัมภาษณ์ แต่นางมณตารีบเดินแหวกพร้อมกับปัดไมค์ผู้สื่อข่าวเดินเข้าห้องพนักงานสอบสวนไป

ส่วนของการดำเนินคดีนางมณตาในฐานความผิดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 สืบเนื่องจากกรณีนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ นำผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตลูกจ้างมาแจ้งความดำเนินคดีนางมณตาข้อหาแจ้งความเท็จ ต่อมาจากการสอบปากคำผู้เสียหายพบความเชื่อมโยงการกระทำความผิดเรื่องของการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง อวดอ้างตัวว่าเป็นคุณหญิง โดยนายกมลศักดิ์ ศรีประเสริฐ ทนายความ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษนำพยานหลักฐานมามอบให้เพื่อดำเนินคดี ประกอบกับชุดสืบสวนสอบสวนพบประจักษ์พยานสำคัญที่ได้เข้ามาให้การถึงพฤติกรรมของนางมณตาว่า แอบอ้างเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ จึงดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว

...

ต่อมาเวลา 14.20 น. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.พร้อมเจ้าหน้าที่ บก.ป.คุมตัวนางมณตา เดินทางมาถึงคอนโดบ้านเคหะประชานิเวศน์ 1 ปรากฏว่า มีผู้สื่อข่าวนับร้อยขอถ่ายรูปทำข่าวอยู่ ทำให้นาง มณตาถึงกับไม่ยอมลงจากรถ ต้องเจรจาอยู่นานจึงยอม พาเดินไปที่ห้องเลขที่ 3/551 ชั้น 1 อาคาร 3 พร้อมตะโกนว่า ไม่ให้นักข่าวเข้าไปในคอนโด แต่หญิงไก่ให้ผู้สื่อข่าว ช่างภาพโทรทัศน์ช่อง 7 เข้าไปเพียงช่องเดียวเท่านั้น ใช้เวลาตรวจค้นเกือบ 1 ชม.

พ.ต.อ.ชาคริตเผยว่า วันนี้มาในส่วนของคดีของนายชูเกียรติ ใจกล้า นางประภาพร ทองเฟื้อง และน้องก้อย ที่ถูกหญิงไก่อดีตนายจ้างแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ ตรวจค้นห้องพักแบ่งเป็นห้องรับแขกใหญ่ 1 ห้อง ห้องนอน 1 ห้อง และห้องน้ำ 1 ห้อง พบกล้องวงจรปิด 2 ตัวในห้องรับแขก เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในห้องไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่นำหนังสือเดินทาง 19 เล่ม สมุดบัญชีเงินฝาก 9 เล่ม และเอกสารบางส่วนกลับไปตรวจสอบ หลังจากนี้จะควบคุมตัวหญิงไก่ไปฝากขังที่ศาลาอาญารัชดา เบื้องต้นคัดค้านการประกันตัวเพราะมีความผิดมาตรา 112 ตามที่พยานทั้ง 4 ปากให้การว่า หญิงไก่กล่าวอ้างถึงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งหญิงไก่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา หลังหญิงไก่เดินออกมาจากห้องพักใบหน้ายิ้มอ่อนๆ แต่มีความกังวล พร้อมพูดลอยๆว่า ยืนยันในความบริสุทธิ์ เจอกันที่ศาลอาญารัชดา พร้อมกับยกมือขวาขึ้นก่อนจะถูกควบคุมไปศาล

ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.เผยว่า กรณีหญิงไก่ยื่นถอนแจ้งความลูกจ้างชาวกัมพูชา 3 คน ข้อหาลักทรัพย์และยักยอกทรัพย์เมื่อปี 2557 และคดีที่แจ้งความจับทหารยศพันเอกข้อหาทำให้เสียทรัพย์เมื่อเดือน ม.ค.2559 มองว่า หญิงไก่ที่อยู่ในฐานะผู้เสียหายย่อมสามารถใช้สิทธิ์ส่วนตัวถอนคำร้องทุกข์ได้ ถ้าเป็นเรื่องความผิดต่อส่วนตัวกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจน การถอนแจ้งความเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริงต้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตำรวจต้องตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้ง 9 คดี ว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องเท็จต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือหากแต่ละคดีมีทั้งความจริงและความเท็จผสมผสานกัน ตำรวจต้องมาแยกแยะเพื่อหาว่า เข้าองค์ประกอบความผิดอย่างไรบ้าง

“ตอนนี้ทั้งนครบาลและกองปราบร่วมมือกันทำงานทุกฝ่าย ผมในฐานะ ผบช.น รับผิดชอบตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ ต้องลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตนเองว่า มีข้อบกพร่องอย่างไร หรือมีเหตุทำให้การทำคดีนี้ล่าช้าหรือไม่ ตามที่มีผู้เสียหายที่เป็นอดีตลูกจ้างของหญิงไก่อ้างว่า มีนายตำรวจ สน.ประชาชื่น เข้ามาเกี่ยวข้องแทรกแซงคดี นอกจากนี้ต้องสอบสวนขยายผลไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างหญิงไก่กับนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯ เพราะก่อนหน้านี้ ปรากฏตามข่าวสื่อมวลชนว่า ทั้ง 2 คนมีความสัมพันธ์กัน” รรท.ผบช.น. กล่าว

...

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 15.15 น. ร.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีเจริญนำ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. พร้อมกำลังคุมตัวนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือหญิงไก่ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง แจ้งความเท็จ และพยายามค้ามนุษย์ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก พนักงานสอบสวน ระบุในคำร้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2559 นายกมลศักดิ์ ศรีประเสริฐ อาชีพทนายความ นำหญิงลูกจ้างของผู้ต้องหาเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบดำเนินคดีกับผู้ต้องหาฐาน แจ้งข้อความอันเป็นเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้ต้องรับโทษ นอกจากนี้ยังได้ความจริงจากผู้เสียหายอีกว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ดูหมิ่นสถาบัน มักแอบอ้างว่า มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้านายในสถาบันเบื้องสูง พนักงานสอบสวนจึงควบคุมตัวแจ้งข้อหาดำเนินคดีข้อหาดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

พนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำพยานอีก 5 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ รอผลการตรวจของกลางต่างๆจากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และอื่นๆ ด้วยความจำเป็นจึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้ 12 วันตั้งแต่วันที่ 7-18 ก.ค.นี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ มีอัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราวเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ต่อมาญาติของหญิงไก่ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสดจำนวน 1.1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์มีลักษณะนำความเสื่อมเสียมาสู่สถาบันอันเป็นที่เทิดทูนของประชาชน ผู้จงรักภักดี ประกอบกับพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน อีกทั้งผู้ต้องหายังถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีข้อหาเดียวกันในศาลทหารอีก ชั้นนี้จึงไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ให้ยกคำร้อง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวหญิงไก่ไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางทันที

...

ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน พ.ต.ท.ศุภชัย ไชยศิริ พนักงานสอบสวนพิเศษชำนาญ-การพิเศษศูนย์ดีเอสไอภาคเหนือ เชียงใหม่ พร้อมคณะ เข้าพบนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่สะเรียง ในฐานะประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเรื่องหญิงไก่พร้อมสอบข้อเท็จจริงผู้เสียหาย น.ส.กาญจนา กองลาภสุนทร กับนางจันทร์ศรี สกุลดล มารดา และเดินทางไปยังพื้นที่ อ.แม่ลาน้อย เพื่อสอบข้อเท็จจริงกับ น.ส.ดาลิน วัฒนานนทกุล (นามสกุลเดิมหล้าคำ) เหยื่อหญิงไก่อีกคน ทั้งสองให้การตรงกันว่า ถูกนางไก่ชวนไปทำงานแต่ไม่เคยได้เงินตามที่อ้าง พอหนีกลับบ้านถูกตามข่มขู่ว่าจะแจ้งข้อหาลักทรัพย์