กองปราบฯจับมือนครบาลบุกคอนโด “หญิงไก่” ตรวจสอบหลักฐาน วงจรปิดกับคำให้การ ยันคำให้การกับภาพไม่สอดคล้อง เตรียมส่งผลวิเคราะห์พร้อมหลักฐานให้ศาลพิจารณา
ด้าน ผบก.น.2 ยันตรวจสอบแล้วพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่นดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการสอบสวน ไม่เข้าข้างฝ่ายใด พยานหลักฐานหญิงไก่เป็นคนเอามาให้ ส่วน “หญิงไก่” แอบมาเรียกนักข่าวไปคุยหลังตำรวจกลับ อ้างมีหลักฐานเด็ดแต่ยังไม่เปิดเผย ส่วนทนายแก้ต่างไม่รู้เรื่องทองคำที่ถูกขโมยหนัก 400 บาทในสำนวน ยันลูกความแจ้งตำรวจแค่ 40 บาทเท่านั้น กต.แจงหนังสือเดินทางสีน้ำเงินของ “หญิงไก่” คณะทำงานของเลขาฯ รมต.ประจำสำนักนายกฯ “สันติ พร้อมพัฒน์” ส่งเรื่องขอให้ออกเมื่อปี 57 แต่หมดอายุไปแล้ว ขณะที่เหยื่อที่แม่ฮ่องสอนโผล่อีก 3 คน มีทั้งติดคุกเพราะถูกข้อหาลักทรัพย์ และครอบครัวต้องเอาเงิน 3 หมื่นบาทไปไถ่ตัวกลับ
กรณี น.ส.ประภาวรรณ หรือก้อย ใจกล้า อายุ 19 ปี นิสิตปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนางมณตา หรือไก่ หยกรัตนกาญ อายุ 56 ปี นายจ้าง แจ้งความดำเนินคดีพร้อมกับพ่อและแม่ข้อหาลักทรัพย์ที่ สน.ประชาชื่น อ้างว่าขโมยทรัพย์สิน ประกอบด้วย ทองคำแท่งและเงินสด รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เหตุเกิดตั้งแต่ปี 58 หลังจากกลายเป็นข่าวดัง ปรากฏว่ามี ผู้ถูกนายจ้างรายนี้แจ้งความดำเนินคดีอีกหลายคน มีทั้งถูกจำคุกไปแล้ว และคดียังอยู่ระหว่างดำเนินคดี ทำให้ชุดสืบสวนสอบสวนกองปราบปรามเริ่มตรวจสอบหาข้อมูลตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.ค. ที่อาคาร 3 คอนโดบ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. พ.ต.ต.ธนวัฒน์ หลีพงษ์ สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ป. พร้อมพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. และพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เดินทางมาตรวจสอบและจำลองเหตุการณ์วันเกิดเหตุ คดีนายชูเกียรติ ใจกล้า และนางประภาพร ทองเฟื้อง และ น.ส.ประภาวรรณ หรือก้อย ใจกล้า ถูกนางมณตา หรือไก่ หยกรัตนกาญ อายุ 56 ปี แจ้งข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง เพื่อประกอบสำนวนคดี
...
พล.ต.ต.เจริญเผยก่อนตรวจสอบว่า ได้รับการประสานจาก พ.ต.อ.ชาคริต ว่า จะเข้ามาจำลองเหตุการณ์ตามหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่อดีตนายจ้างนำมาเปิดเผย พร้อมระบุว่า น้องก้อยและครอบครัวลักทรัพย์ของมีค่าไป จะตรวจสอบและจำลองเหตุการณ์ตั้งแต่หน้าลิฟต์มายังประตูห้องเกิดเหตุ ก่อนจะกลับมายังลิฟต์อีกครั้งว่าใช้ระยะเวลาเท่าใด ตรงกับกล้องวงจรปิดหรือไม่ ส่วนคดีที่ นางไก่มาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับอดีตลูกจ้าง ตรวจสอบแล้วยืนยันว่า พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ไม่มีส่วนรู้เห็นเกื้อหนุนทางคดีกับผู้ใด ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย มีการสอบปากคำผู้เสียหายโดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดมาเป็นหลักฐาน ลูกจ้างบางรายมายืนยันและรับสารภาพ จึงถูกแจ้งข้อหาก่อนนำสำนวนส่งฟ้อง ขณะที่ลูกจ้างบางรายไม่มาพบ จึงถูกออกหมายจับและหลบหนี เช่น กรณีน้องก้อยและครอบครัวที่ถูกศาลอาญาออกหมายจับ 2 หมายและศาลเยาวชน 1 หมาย
“ส่วนคดีของนางสุกัญญา ศิริม่วง แม่ของน้องมีนที่อยู่ในเรือนจำ ผู้เสียหายระบุว่า มีพลเมืองดีโทรศัพท์มาบอกนางไก่ว่า จะคืนทรัพย์สินบางส่วน เมื่อกลับมาถึงห้องพักพบทรัพย์สินดังกล่าววางอยู่หน้าห้อง ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นำมาคืน และไม่มีภาพกล้องวงจรปิดยืนยัน ส่วนทรัพย์สินที่ถูกนำมาคืนดังกล่าว ตำรวจตรวจยึดเป็นของกลางนำส่งศาลไปแล้ว และอดีตลูกจ้างรับสารภาพระบุว่า จะพยายามนำทรัพย์สินส่วนที่เหลือมาคืน” พล.ต.ต.เจริญกล่าว
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบภายในคอนโดดังกล่าว เพื่อจำลองเหตุการณ์โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านใน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ตลอดเวลามีหญิงวัยกลางคน 2-3 คน นำโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนทุกขั้นตอน พ.ต.อ.ชาคริตเผยว่า การจำลองเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่า ระยะเวลาตั้งแต่หน้าลิฟต์ไปยังหน้าห้องดังกล่าวและย้อนกลับมาระยะทางรวม 50 เมตร ใช้เวลา 1.30 นาที ตรงกับ ภาพกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุ แสดงให้เห็นว่าครอบครัวน้องก้อยไม่มีเวลาเหลือที่จะเข้าไปภายในห้องเพื่อนำเอาทรัพย์สินออกมา ส่วนทรัพย์สินที่อดีตนายจ้างอ้างว่า ครอบครัวน้องก้อยขโมยไปเป็นทองคำแท่งหนัก 400 บาท เงินสดอีก 3 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น หากรวมน้ำหนักจะพบว่าหนักกว่า 10 กิโลกรัม แต่เมื่อดูภาพวงจรปิดพบว่า ลักษณะการถือกระเป๋าเดินทางดูมีน้ำหนักเบา จึงไม่น่าเป็นไปได้ เพราะหากมีน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ผู้ถือน่าจะใช้วิธีลากกระเป๋ามากกว่า
“อย่างไรก็ตาม รายละเอียดต่างๆเหล่านี้ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมเพื่อนำส่งในชั้นศาล สำหรับการตรวจสอบว่านางไก่เป็นข้าราชการหรือไม่ ยืนยันว่า นางไก่ไม่ได้เป็นข้าราชการ ดังนั้น หนังสือ เดินทางที่ระบุเป็นข้าราชการ ต้องประสานไปทางกรมการกงสุลว่าออกมาได้อย่างไร และตรวจสอบการเข้ารับเครื่องราชฯก็ไม่พบ” รอง ผบก.ป.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบนางมณตามาแอบสังเกตการณ์อยู่ภายในคอนโดฯ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเห็นก็รีบหลบไป เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่เดินทางกลับ นางมณตาได้ออกมาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวบางส่วนที่ยังอยู่ สภาพสวมชุดสีขาวแบบนักปฏิบัติธรรม อ้างว่าวันนี้เป็นวันพระจึงสวมชุดนี้ โดยมีนายอาคม รัตนพจนารถ อายุ 71 ปี ทนายความอยู่ด้วย ก่อนยอมพาสื่อมวลชนไปที่ห้องพักเลขที่ 3/551 อยู่ห้องริมสุดติดกับบันไดหนีไฟข้างอาคาร ภายในห้องมีห้องรับแขก 1 ห้อง ห้องนอน 1 ห้องและห้องน้ำ 1 ห้อง มีเฟอร์นิเจอร์หรูเช่น โต๊ะไม้สัก พบกล้องวงจรปิด 2 ตัวในห้องรับแขก และในห้องนอนมีตู้เซฟตั้งอยู่ข้างเตียง
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงคดีที่เกิดขึ้น นางมณตากล่าวเพียงสั้นๆว่า อีกสักระยะจะมีเอกสารและหลักฐานเด็ด แต่ขอคุยกับทนายก่อน ตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผย ขณะที่นายอาคมเผยว่า มาเป็นทนายของลูกความวันแรก มีข้อสงสัย 3 อย่างคือ 1.ตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจเดินจากหน้าประตูมาถึงหน้าห้อง ไม่ได้วัดระยะที่ออกประตูหนีไฟ 2.ที่โดนกล่าวหาว่าค้ามนุษย์ต้องมีหลักฐานมาแสดง และ 3.เรื่องมูลค่าทองในบันทึกร้องทุกข์ระบุว่า ทองคำแท่งละ 10 บาท จำนวน 40 แท่ง ราคาแท่งละ 200,000 บาท รวม 8,000,000 บาท ทั้งที่ความจริงลูกความบอกว่า ทองคำน้ำหนัก 40 บาทเท่านั้น อยากให้เจ้าหน้าที่ชี้แจง
ส่วนความเคลื่อนไหวที่กองบังคับการปราบปรามบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดี และเรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวน พล.ต.ท.ฐิติราชเผยว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดจากความสับสนทางข้อมูล ขณะนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์ข้อเท็จจริง การร่วมมือระหว่างตำรวจนครบาลกับตำรวจสอบสวนกลางช่วยกันรวบรวมพยานหลักฐาน ข้อมูลที่มีอยู่เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อเท็จจริงให้ปรากฏ อีกทั้งเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นที่สนใจของสังคม ต้องดำเนินการอย่างละเอียดทุกขั้นตอน และเร่งรัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว คาดว่าภายในอาทิตย์หน้าเรื่องราวทั้งหมดต้องกระจ่าง ตอบคำถามจากสังคมได้ เมื่อความจริงทุกอย่างปรากฏต้องมาตรวจสอบข้อกฎหมายว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นหรือไม่ หากพบว่าผิดจริงจะดำเนินการทันที ส่วนคดีอื่นที่เกี่ยวข้องขอยืนยันว่าจะดำเนินการทั้งหมด แต่ตอนนี้ขอดำเนินการเรื่องของน้องก้อยและครอบครัวที่ถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์เป็นเรื่องหลักก่อน
...
ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.ดวงสิทธิ์ เหง้าสุสิทธิ์ รองสว.สส (สอบสวน) สน.ประชาชื่น พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีดังกล่าวเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.และ พ.ต.ต.ธนวัฒน์ หลีพงษ์ สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อเข้าให้ปากคำและชี้แจงข้อเท็จจริง ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง มีรายงานว่า การเข้าให้ปากคำ ร.ต.อ.ดวงสิทธิ์ ประเด็นการสอบปากคำอดีตลูกจ้างและนายจ้างประเด็นใดบ้าง ตลอดจนพยานหลักฐานต่างๆที่พบขณะทำคดี การเข้าให้ปากคำในครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อแนวทางการทำคดีของกองปราบปราม วันพรุ่งนี้ (5 ก.ค.) พนักงานสอบสวนกองปราบฯนัด ร.ต.ท.ปกป้อง ฟองเลา รอง สว. (สอบสวน) สน.ประชาชื่น มาให้ ปากคำในประเด็นเดียวกัน
ที่ ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า คดีลักษณะแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ส่วนตัวตนไม่รู้ว่าหญิงไก่เป็นคนประเภทไหน ถ้าพูดไปเกรงว่าจะไปละเมิดสิทธิ์ ส่วนกรณีที่มีการแอบอ้างว่า คนมีสีอยู่เบื้องหลังหญิงไก่ ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว บางคนหน้าตาดีจิตใจไม่ดีก็เยอะแยะ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการกำชับ บก.ป.หรือไม่ ในฐานะที่เป็นผู้สอบสวนคดี พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า การดำเนินคดีที่ บก.ป.ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน แต่ถ้าผู้ถูกกล่าวหารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มีสิทธิ์ต่อสู้ตามกระบวน การยุติธรรม ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ด้านกระทรวงต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์-วินัย รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงประเด็นหนังสือเดินทางข้าราชการของนางมณตาว่า กรมการกงสุลออกให้ตามคำขอของสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2557 ฐานะที่นางมณตาเป็นคณะทำงานของเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ซึ่งหนังสือเดินทางดังกล่าวได้หมดอายุไปแล้วเมื่อวันที่ 22 มี.ค.2559 ที่ผ่านมา
มีรายงานเพิ่มเติมว่า นางมณตาเป็นคณะทำงานของเลขานุการของนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกรมการกงสุลได้ส่งรายละเอียดให้ตำรวจแล้ว ส่วนเรื่องการตรวจสอบคำร้องขอหนังสือเดินทางราชการ กรมการกงสุลตรวจสอบอย่างละเอียดในทุกกรณี ขณะเดียวกัน ก็เชื่อมั่นในหน่วยงานราชการนั้นๆ ที่ยื่นเรื่องส่งมาว่า ได้ตรวจสอบมาอย่างครบถ้วน
...
ที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จ.เชียงใหม่ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) เข้ายื่นหนังสือกับ พ.ต.ท.สะอาด สุนทร ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือว่า สหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศ ไทยเป็นองค์กรเครือข่ายของข้าราชการพลเรือนได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านใน อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ที่เคยได้รับความเดือดร้อนจากบุคคลที่อ้างตัวเองว่าคุณหญิงไก่เข้าไปหลอกลวงพาบุตรหลานไปทำงาน จะเลือกเอาเด็กหญิงหน้าตาดีที่เพิ่งเรียนจบ ม.6 ไปจากผู้ปกครอง อ้างว่าจะพาไปส่งเสียเรียนต่อและช่วยทำงานบ้าน ให้ค่าตอบแทนเดือนละ 7 พันบาท เมื่อผู้ปกครองหลงเชื่อ ส่งเด็กไปอยู่ด้วยกลับไม่ได้เรียน และยังพาเด็กตระเวนไปตามบ่อนการพนันประเทศเพื่อนบ้าน
หากเด็กคนไหนขัดคำสั่ง หรือจะกลับบ้าน จะถูกกลั่นแกล้ง แจ้งความดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์จนมีเด็กรายหนึ่งใน จ.แม่ฮ่องสอน เคยติดคุกมาแล้ว จากการลงพื้นที่สอบถามเด็ก 2 คน ที่เคยไปทำงานกับหญิงไก่ต่างอยู่ในอาการหวาดกลัวอิทธิพล เพราะถูกข่มขู่เอาไว้ว่า หากออกจากงานวันไหนจะแจ้งตำรวจ ดำเนินคดีทุกคน มีเด็ก 2 คนต้องให้ผู้ปกครองนำเงิน 3 หมื่นบาทไปวางประกันเพื่อพาตัวลูกสาวออกมาอยู่บ้าน แต่ยังไม่กล้าพูดอะไรมาก จึงมายื่นหนังสือขอให้ดีเอสไอตรวจสอบ และพิจารณาให้คดีอยู่ในความดูแลของกรมสอบสวนคดีพิเศษเพราะข่มขู่เด็ก อาจเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ และใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเครื่องมือข่มขู่เด็ก และ
ทำผิดกฎหมาย
ขณะที่ พ.ต.ท.สะอาด สุนทร ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือหลังรับหนังสือเปิดเผยว่า ขั้นตอนต่อไปศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภาคเหนือ จะเสนอเรื่องให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาต่อไปว่า เรื่องดังกล่าวจะเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่
...
มีรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้นายบุญญฤทธิ์ลงพื้นที่หมู่บ้านสุขใจ ต.แม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน เยี่ยมเหยื่อที่ถูกหญิงไก่หลอกพาไปทำงานและถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ พบนางจันทร์ศรี สกุลดล อายุ 44 ปี แม่ของหนึ่งในเหยื่อเผยว่า เมื่อ 7 ปีที่แล้ว คุณหญิงไก่แต่งตัวภูมิฐานเข้ามาในหมู่บ้าน ขอเด็กสาวหลายคนไปทำงานด้วย หนึ่งในนั้นมีลูกสาวชื่อ น.ส.กาญจนา สกุลดอย ขณะนั้นอายุ 18 ปี ตนเห็นว่าลูกเรียนจบ ม.6 แล้วจึงอนุญาตให้ไป ประกอบกับคุณหญิงไก่บอกว่าจะส่งเสียให้เรียนพยาบาล โดยให้ทำงานบ้านตอบแทนได้ค่าจ้างเดือนละ 7,000 บาท และอ้างว่าจะให้สร้อยทองอีกคนละ 1 เส้น จึงตามไปทำงานด้วยหลายคน ภายหลังลูกสาวบอกว่า ไม่ให้ไปไหนและไม่ได้ส่งให้เรียน พร้อมเก็บบัตรประชาชนทุกคนไว้ หลังจาก 1 ปีพ่อตนป่วยหนัก ลูกสาวจึงหนีกลับบ้านโดยไม่ได้อะไรเลย แถมยังถูกโทร.มาขู่เกือบทุกวันว่า จะแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ต้องอยู่อย่างหวาดผวา
นอกจากนี้ ยังมีเหยื่ออีกรายชื่อ น.ส.อรณี เชาว์ปัญญา เคยไปทำงานกับหญิงไก่เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 7 ปีก่อนไปทำงานแต่ไม่เคยได้เงินเดือน พักอยู่คอนโดแถวพระราม 9 มีเด็กสาวอยู่ด้วยกัน 4-5 คน มีผู้หญิงชาวลาว 1 คน หญิงไก่ชอบไปบ่อนกาสิโนที่ประเทศลาว และบังคับให้เด็กไปเป็นเพื่อน ถ้าไม่ยอมจะหยิกจนตัวเขียว พอวันหยุดจะบังคับให้ใส่ชุดขาวแต่ไม่ให้ไปไหน น.ส.อรณีจึงหนีกลับบ้าน ถูกโทร.มาขู่และแจ้งความดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ ด้วยความกลัวทางบ้านต้องนำเงินไปแลก เปลี่ยน 30,000 บาทถึงยอม อีกรายคือ น.ส.จันทนา คชคงไคย ถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ ตอนแรก น.ส.จันทนาให้การปฏิเสธขอเงินทางบ้านไปประกันตัว 30,000 บาท แต่กลับถูกข่มขู่ให้ยอมรับสารภาพ บอกว่าจะให้ทนายช่วยประกันตัว แต่พอยอมรับสารภาพกลับไม่ได้ช่วยอะไร จนถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกว่า 1 ปี