หญิงไก่ พร้อมทนายความ ปรากฏตัวกองปราบปราม หลังถูกผู้เสียหายอย่างน้อย 2 ราย กล่าวหาว่ากลั่นแกล้งใส่ความจนถูกจับข้อหาลักทรัพย์ ถึงขั้นติดคุก ยืนยันบริสุทธิ์ และไม่เคยรู้จัก ‘หมอหยอง’ ขณะที่ ‘หนูนา’ เหยื่อรายล่าสุดเข้าร้องทุกข์อีก...

จากกรณี นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมด้วย น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือ น้องก้อย วัย 19 ปี นิสิตปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังถูกหญิงนายจ้างชื่อ ไก่ อายุประมาณ 50-60 ปี แจ้งความดำเนินคดีกับบิดาและมารดาของน้องก้อย และน้องก้อยร่วมด้วยในข้อหาลักทรัพย์ โดยอ้างว่ามีทรัพย์สินสูญหายไปรวม 11 รายการ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2558

ทั้งนี้ ภายหลังที่มีการนำเสนอข่าวออกไป หญิงนายจ้างคนดังกล่าวได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดใจ โชว์หลักฐานเด็ดเป็น “ภาพวงจรปิด” ในวันเกิดเหตุ พร้อมยันความบริสุทธิ์

ขณะเดียวกัน ทาง ทนายสงกานต์ ได้นำผู้เสียหายอีกรายคือ น.ส.วณิชยา บุ้นสุนเฮง หรือ น้องมีน บุตรสาวของนางสุกัญญา ศิริม่วง ผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่ถูกอดีตหญิงนายจ้างคนดังกล่าวแจ้งดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันมาแจ้งความดำเนินคดี ทั้งนี้ เบื้องต้นทางกองปราบปรามได้เร่งสอบปากคำ สืบสวนหาข้อเท็จจริง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ('หญิงไก่' งานเข้า! คดีลักทรัพย์ 10 ล. ตร.ชี้ ผู้ร้องทุกข์น่าถูกแกล้ง)

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ก.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม นางไก่ (นามสมมติ) อดีตนายจ้างของพ่อแม่น้องก้อย น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า ที่ตกเป็นข่าวดำเนินคดีลูกจ้างในฐานความผิดลักทรัพย์ ได้เดินทางมาพร้อม นายธนบดี เสประธานนท์ ทนายความ เพื่อเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐปกรณ์ ปัญญาดี สารวัตรสอบสวน กก.1 บก.ป. หลังถูกอดีตลูกจ้างร้องทุกข์กล่าวโทษว่าถูกกลั่นแกล้งจนถูกดำเนินคดี

...

นางไก่ กล่าวว่า ในวันนี้ตนเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อยืนยัน และแสดงความบริสุทธิ์ หลังจากมีกระแสข่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าตนนั้นกลั่นแกล้งอดีตลูกจ้าง จนเป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดี พร้อมทั้งมีการระบุว่าพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเตรียมออกหมายจับตนในข้อหาแจ้งความเท็จ ซึ่งตนยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรผิด และมาเพื่อแสดงตนว่าไม่ได้หลบหนีไปไหน พร้อมต่อสู้กับคดีความที่เกิดขึ้น ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าน่าจะถูกอดีตลูกจ้างกลั่นแกล้งเช่นกัน แต่ขอไม่ระบุถึงสาเหตุดังกล่าวว่าเหตุใดถึงถูกกลั่นแกล้ง

พร้อมขอความเห็นใจ และให้ผู้สื่อข่าวลองนึกย้อนดูว่า อดีตลูกจ้างที่มีปัญหาทางคดีกับตนมาทำงานโดยใช้เวลาสั้นๆ เพียง 10 วันเท่านั้น ในขณะที่ลูกจ้างที่อยู่กันมา 2-3 ปีขึ้นไปกลับไม่มีปัญหาใดๆ นอกจากภาพวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าคู่กรณีมีการกระทำความผิดจริงแล้วนั้น ตนก็ยังมีหลักฐานอื่นๆ แต่ไม่ขอเปิดเผยเกรงว่าจะเสียรูปคดี ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุได้รวบรวมมูลค่าความเสียหายของทรัพย์สินที่หายไปแล้ว แต่ในส่วนนี้ขอไม่เปิดเผย ยืนยันว่าไม่รู้สึกเครียด ไม่รู้สึกกังวลใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกับพูดติดตลกต่อหน้าสื่อว่า “จะให้ร้องเพลงให้ฟังไหม”

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีที่คู่กรณีอ้างว่า ในระหว่างที่ทำงานต้องหมอบคลานเข้าไปนั้น อดีตนายจ้างชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง ตรวจสอบได้กับลูกจ้างตนได้ทุกคน เมื่อถามว่าปัจจุบันใช้ชื่ออะไร นางไก่ เปิดเผยว่า ไม่ได้ชื่อ มณตา วันทนีย์ หรือ สุชาดา ซึ่งไม่ขอเปิดเผย ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเกี่ยวพันกับคดีทุจริตเครื่องราชย์ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เรื่องนี้ นางไก่ ได้ชี้แจงว่า โดยส่วนตัวไม่เคยรู้จักหรือพบเจอหน้า นายสุริยันต์ สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง แต่อย่างใด เคยแต่พบเจอตามสื่อเท่านั้น รวมทั้งให้ไปตรวจสอบได้เลย ตนไม่เคยถูกดำเนินคดีใดๆ มาก่อน พร้อมยืนยันว่าจะไม่ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีใดๆ กับผู้สื่อข่าวที่มาทำข่าวเกี่ยวข้องกับตน เนื่องจากผู้สื่อข่าวมีหน้าที่ค้นหาความจริงเพื่อตีแผ่ให้สังคมรับรู้ แต่ในส่วนบุคคลอื่นตนยังไม่ขอเปิดเผย ขอปรึกษาทนายความก่อน ว่ามีบุคคลเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ และสามารถแจ้งความกลับในประเด็นใดได้บ้าง รวมทั้งทนายสงกรานต์ด้วย โดยขอเวลาอีก 3 วัน จะออกมาแถลงข่าวเพื่อคลายข้อสงสัยของสังคม ทั้งในเรื่องส่วนตัว และเรื่องคดีความ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง เป็นไปด้วยความถูกต้อง และมีหลักฐานพร้อมชี้แจง

ทางด้าน นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในฐานะทนายความ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้กำลังเดินทางพร้อมด้วยผู้เสียหาย เพื่อเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ที่ได้นัดหมายไว้ในเวลา 14.00 น.

ทั้งนี้ ผู้เสียหายรายนี้เป็นหญิงสาวที่รู้จักในชื่อ ‘หนูนา’ ที่ระบุว่าถูก ‘หญิงไก่’ ซื้อตัวมาจากมารดาที่ จ.แม่ฮ่องสอน อ้างว่าจะเอามาเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนหนังสือ แต่ภายหลังถูกให้มารับใช้ทำงานในบ้าน จนกระทั่งหญิงสาวขอลาออกไปเพื่อแต่งงานมีครอบครัว แต่กลับถูกแจ้งความ และถูกดำเนินคดีส่งฟ้องในข้อหาลักทรัพย์ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี แต่เห็นว่าไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือน ได้รับโทษจนครบกำหนด และถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว.