วงประชุม สนช. มีมติเห็นชอบ 155 ผ่านร่าง พ.ร.บ.โอนงบฯ ปี 59 กว่า 2 หมื่นล้านบาท 3 วาระรวด

เมื่อวันที่ 26 พ.ค.59 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. … ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณในแต่ละปี จะกำหนดไว้ว่า ให้หน่วยราชการใด กระทรวงใดได้งบประมาณเท่าไร แต่เมื่อพบว่า หน่วยงานเจ้าของงบประมาณนั้น ไม่สามารถปฏิบัติได้ หรือปฏิบัติภารกิจนั้นทำแล้วเสร็จ หรือมีเหตุจำเป็นต้องโอนงบประมาณจากหน่วยหนึ่งไปยังหน่วยงานหนึ่ง แต่การโอนงบข้ามหน่วยงาน ไม่สามารถกระทำด้วยคำสั่งของใครก็ได้ เพราะมีการระบุว่า การโอนงบข้ามหน่วยงานจะต้องออกเป็น พ.ร.บ.เท่านั้น

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลเห็นว่าจะต้องโอนงบข้ามกรม เพราะหน่วยงานนั้นไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้แล้วเสร็จ โดยรัฐบาลได้ขอให้หน่วยงานต่างๆ ได้จัดการกับงบประมาณของหน่วยงานตนเอง โดยดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างภายในวันที่ 31 มี.ค. 59 และหากมีการลงนาม ต้องกระทำให้เสร็จภายใน 31 พ.ค. 59 หากไม่สามารถทำได้ก็ต้องโอนงบประมาณ โดยโอนงบในส่วนนี้มาเป็นงบกลาง เพื่อสำรองจ่ายที่จำเป็นอีกหลายรายการ เพราะเหลือเวลา 4 เดือน ก็จะสิ้นปีงบประมาณแล้ว ก็ให้โอนมาจัดการตั้งเป็นงบประมาณใหม่ ของหน่วยงานอื่นที่เขาเดือดร้อนจำเป็น ที่ต้องขับเคลื่อนงานบางอย่าง โดยงบประมาณจะโอนมาจาก 25 หน่วยงาน จำนวน 22,106,555,000 บาท โดยจัดเป็นงบกลาง จำนวน 21,885,555,000 บาท และสำนักเลขาธิการวุฒิสภา แผนงานสนับสนุนการจัดการของรัฐสภา ศาล และหน่วยงานรัฐจำนวน 21,000,000 บาท

...

"ยืนยันว่าการโอนงบครั้งนี้ไม่กระทบกับโครงการที่ดีและแผนงานที่ดำเนินการเป็นปกติ เพราะหากโครงการใดที่ทำไปแล้ว ก็สามารถทำต่อได้ ดังนั้นจึงขอความกรุณาจาก สนช.ให้พิจารณาด้วย อย่างไรก็ตามในตัวร่างพ.ร.บ.ทางครม.ขอแก้ไขเพิ่มเติมตัวร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็น ร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายพ.ศ.2559" นายวิษณุ กล่าว

จากนั้นเปิดให้สมาชิกอภิปรายในขั้นรับหลักการ ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วยและสนับสนุนในการโอนงบประมาณ แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการผันงบประมาณเช่นนี้ มีความเป็นห่วงว่า หน่วยงานต่างๆ จะเร่งใช้จ่ายงบอย่างไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่ พร้อมมีข้อเสนอว่า สำนักงบประมาณควรจะนำงบประมาณปกติตั้งแต่ปี 2557-2559 มาประกอบการพิจารณาจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 หากพบว่า หน่วยงานใดใช้จ่ายเงินอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี เพราะเชื่อว่าในปีต่อไป ก็จะมีการโอนงบในลักษณะนี้อีก ดังนั้นควรจัดสรรงบให้เหมาะสมกับหน่วยงานนั้นๆ ตั้งแต่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี

นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องมีการปรับโอนงบประมาณในครั้งนี้ เพราะว่ามีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแล้วปรากฏว่ามีเงินเหลือจ่าย 7,416 ล้านบาท เป็นรายจ่ายประจำที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้วเป็นจำนวนเงิน 2,431 ล้านบาท และเป็นรายการที่ไม่สามารถลงนามตามสัญญาได้ภายในกำหนดวันที่ 31 พ.ค.2559 จำนวน 12,273 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่เมื่อประกาศจัดซื้อจัดจ้างไปแล้วแต่ไม่มีผู้เข้ามา เสนอราคาและไม่มีผู้มีคุณสมบัติพอจะเข้ามาเสนอราคา จึงจำเป็นต้องปรับรายการงบประมาณ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการขอปรับลดเงินอุดหนุนการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดของกรมกิจการเด็กและเยาวชนจำนวน 331 ล้านบาท เพราะมีผู้มาลงทะเบียนล่าช้าและมีเป้าหมายต่ำกว่าที่ได้ตั้งเอาไว้ ในเรื่องการปรับลดเงินเหลือจ่ายตามแผนบริหารจัดการน้ำของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรจำนวน 47 ล้านบาท เพราะการดำเนินการของหน่วยงานดังกล่าวได้ทำหน้าที่ภารกิจลุล่วงแล้วและมีเงินเหลือจึงต้องมีการปรับลดตามกฎหมาย

"คณะรัฐมนตรีได้มีมติตั้งแต่ วันที่ 1 ก.ย.2558 และ 29 ธ.ค.2558 เพื่อกำหนดเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการประจำปี 2559 ต้องมีการกำหนดเป้าหมายในการเบิกจ่ายของทุกหน่วยงานว่าต้องเบิกจ่ายให้ได้ ไม่น้อยกว่า 96% เมื่อได้ดำเนินการตามแผนผลปรากฏว่าสามารถบรรลุเป้าหมายได้พอสมควรเมื่อเทียบ กับปีที่ผ่านมา" นายสมศักดิ์ กล่าว

ต่อมาที่ประชุมได้มีมติรับหลักการวาระแรกด้วยคะแนนเสียง 158 ต่อ 0 งดออกเสียง 2 โดย นายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิป สนช.ได้เสนอให้มีการพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภาเพื่อพิจารณา 3 วาระ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบ จากนั้นได้พิจารณาวาระ 2 และลงมติให้ความเห็นชอบในวาระ 3 ด้วยคะแนน 155 ต่อ 0 เสียง ได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ นายวิษณุ ได้กล่าวขอบคุณว่า การขอโอนงบประมาณครั้งนี้ จะนำสิ่งที่สนช.ได้ให้ความเห็น พิจารณาไป เสนอต่อรัฐบาล เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะนำงบประมาณเหล่านี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ตามความมุ่งหมายทุกประการ