หนุ่มถูกงูเหลือมตัวเขื่องกัดอวัยวะเพศ ออกห้องผ่าตัดปลอดภัยแล้วรอดูอาการ 3-7 วัน รับผวาไม่ขอนั่งคอห่านอีก เผยนาทีวิกฤติเมียเกือบจะหาเชือกมารัดเหนือแผล ด้านกู้ภัยแนะควรหมั่นเทโซดาไฟลงท่อ-คอห่าน ป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน...

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ที่ชั้น 4 โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 แพทย์หญิงชุติมา ปิ่นเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 ได้นำผู้สื่อข่าวไปยังห้องพักฟื้น ของนายโก้ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ผู้ป่วยที่ถูกงูเหลือมกัดอวัยวะเพศ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งทางนายแพทย์มานิต บูรณเกียรติศักดิ์ แพทย์ศัลยศาสตร์ ผู้ที่ทำการผ่าตัดแผล เผยว่าต้องบล็อกหลัง วางยา ตั้งแต่ช่วง 9 โมงเช้า จากนั้นต้องฉีดยาป้องกันบาดทะยัก และตรวจดูแผลที่ถูกกัด พบว่าที่ผิวหนังปลายอวัยวะเพศ ฉีกขาดยาว 3 ซม. และที่ผิวขององคชาตนั้น มีรอยบาดเป็นแผลแต่ลึกไม่มากและไม่ถึงท่อปัสสาวะ ทำให้ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อในท่อทางเดินปัสสาวะ จึงต้องนอนรอดูอาการ 3-7 วัน หากไม่มีอาการแทรกซ้อน ก็สามารถกลับบ้านได้ แต่ต้องคอยทำความสะอาดแผลตลอดเวลา (งูเหลือมพุ่งจากส้วมนั่งยอง กัดเจ้าโลกหนุ่มใหญ่ เลือดสาด!)

ด้าน นายโก้ หลังออกมาจากห้องผ่าตัด ยังมีใบหน้ายิ้มแย้ม โดยเล่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันว่าช่วงเช้าประมาณ 06.30 น. ได้ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำปกติ ซึ่งทุกวันจะใช้เวลาถ่ายหนักถึง 30 นาที โดยที่วันนี้ได้มองคอห่านว่าปกติดี ไม่มีอะไรโผล่มา พอนั่งไปได้ 5 นาที จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมากัดที่ปลายอวัยวะเพศ จึงรีบใช้มือเอื้อมจับที่คองูทันที และก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเป็นงูเหลือมขนาดใหญ่ พอตั้งสติได้รีบร้องตะโกนหาภรรยา จากนั้นภรรยาก็ร้องด้วยความตกใจ แล้วรีบไปตามเพื่อนบ้านมาช่วย ซึ่งได้นำเชือกและมีดมาเพื่อจะรัดคองูเหลือม อีกทั้งรู้ว่าฟันของงูเหลือมนั้นคมจึงไม่สามารถกระชากได้ เนื่องจากกลัวอวัยวะเพศจะขาด เลยต้องค่อยๆ งัดฟันงูเหลือมออก ซึ่งงูเหลือมเอง เมื่ออ่อนแรงก็ยอมปล่อย จากนั้นก็รีบใช้เชือกมัดคองูทันที ก่อนเพื่อนบ้านจะเร่งนำตัวส่ง รพ. เนื่องจากเสียเลือดมาก และหมดสติไป ซึ่งตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมีงูเลื้อยโผล่ขึ้นมาจากคอห่าน ทำให้ต่อไปนี้ไม่กล้านั่งอีกแล้ว จะเปลี่ยนมานั่งกระโถนแทนด้วยความกลัว

...

ด้าน น.ส.โบ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ภรรยา บอกว่าวินาทีแรก ที่เห็นภาพว่างูเหลือมกัดปลายอวัยวะเพศสามีก็ตกใจ และจะวิ่งหาเชือกมาขันชะเนาะที่ปลายอวัยวะเพศ เพราะคิดว่างูนั้นมีพิษ แต่พอสามีบอกว่างูไม่มีพิษ ก็รีบไปตามคนมาช่วย ซึ่งหลังเกิดเหตุก็รีบเปลี่ยนคอห่านเป็นชักโครกแทน แต่ก็เกิดความกลัว เพราะไม่รู้ว่าจะมีงูโผล่ขึ้นมาอีกหรือไม่

ขณะที่ นายดนุพล ทะโป หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา บอกว่า ตั้งแต่จับงูมา ก็เคยเห็นแต่งูนั้นเลื้อยไปมาในห้องน้ำ หรืออยู่ในคอห่าน ส่วนใหญ่เป็นลูกงูเห่า งูเหลือม แต่ไม่เคยเห็นงูขนาดใหญ่แล้วทำร้ายคน ก็เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน โดยฝากเตือนว่า ควรหมั่นเทผงโซดาไฟลงไปในท่อน้ำเพื่อป้องกันงู สัตว์เลื้อยคลาน เข้ามาตามท่อน้ำทิ้ง.