ผู้ตรวจการแผ่นดิน เตรียมสรุปปม ม.61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติ ขัด รธน.หรือไม่ 1 มิ.ย.นี้ เหตุรอคำชี้แจงจาก กกต.

เมื่อวันที่ 24 พ.ค.59 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวภายหลังการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินว่า ที่ประชุมมีการพิจารณากรณีที่ นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชนและคณะ ยื่นร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 61 ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทั้งนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเรื่องดังกล่าวเป็นการเร่งด่วน ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องพบว่ามีบางเรื่องต้องขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ร้องจึงมีหนังสือไปถึง นายจอน อึ๊งภากรณ์ สํานักเลขาธิการวุฒิสภา และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งผู้ตรวจได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ร้องและสํานักเลขาธิการวุฒิสภา โดยจากข้อมูลที่ได้เห็นว่ามีข้อพิจารณาสำหรับผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ก็ยังต้องรอข้อมูลจาก กกต.ในฐานะเป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.ประชามติเสียก่อน เพราะ กกต.ยังไม่ได้ส่งข้อมูลมา จึงต้องฟังความเห็นของ กกต.เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาด้วย ว่าการชี้แจงของ กกต.จะแตกต่าง หรือสนับสนุนกับความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน ดังนั้นในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงจะมีคำวินิจฉัยที่ชัดเจนในกรณีดังกล่าวว่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปหรือไม่ โดยจะไม่มีการเลื่อนบทสรุปไม่ว่าจะได้รับคำชี้แจงจาก กกต.หรือไม่ก็ตาม

"ที่ประชุมผู้ตรวจฯ ในวันนี้ได้มีการนำกฎหมายประชามติทั้งปี 50  ปี 52 มาเปรียบเทียบกัน ซึ่งกฎหมายเดิมจะไม่มีเนื้อหาเช่นมาตรา 61 วรรคสอง และวรรคสี่ของพ.ร.บ.ประชามติปี 59 รวมทั้งดูคำว่า ก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดม ข่มขู่ ตามพจนานุกรมนั้นมีความหมายว่าอย่างไร เนื่องจากกฎหมายเดิมก็ไม่เคยมีถ้อยคำเหล่านี้ โดยข้อมูลที่มีอยู่สามารถทำให้ผู้ตรวจฯ มีความเห็นที่ตกผลึกไปในแนวทางเดียวกันแล้วว่าจะมีคำวินิจฉัยไปในทางใด แต่เมื่อได้ขอข้อมูลไปยัง กกต.แล้วก็เห็นว่าจำเป็นต้องรอเพื่อให้การวินิจฉัยเป็นไปอย่างรอบคอบ" นายรักษเกชา กล่าว.

...