ตร.คุมตัว 'แม่จ่านิว' มากองปราบ โดยมี 'จ่านิว' เดินทางมาให้กำลังใจ ขณะที่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ออกแถลงการณ์ 3 ข้อ เรียกร้องให้มีการปล่อยตัว ด้าน 'จักรทิพย์' ยันมีหลักฐาน จ่อขอศาลทหารฝากขังพรุ่งนี้ ...

จากกรณี น.ส.พัฒน์นรี หรือ หนึ่งนุช ชาญกิจ มารดา นายสิรวิชญ์ หรือ จ่านิว เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ผู้ต้องหาศาลทหารอนุมัติออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจเดินทางเข้ามอบตัวที่ บก.ปอท. และถูกควบคุมตัวไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 7 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้นำตัว น.ส.พัฒน์นรี มายังกองบังคับการปราบปราม เพื่อนำตัวมาฝากขังที่ห้องควบคุมผู้ต้องหาภายในอาคาร กก.1 บก.ป. โดย น.ส.พัฒน์นรี ไม่ได้มีสีหน้าวิตกกังวลใดๆ และเวลาต่อมา นายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว พร้อมเพื่อน 3 คน ได้เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมยืนพูดคุยกับมารดาผ่านห้องขัง ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน (บก.ปอท.) จะนำตัวผู้ต้องหาไปขออนุญาตศาลทหารฝากขัง ในเวลา 09.00 น. พรุ่งนี้ (8 พ.ค.)

ต่อมา นายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา พร้อมด้วยเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง เดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.พัฒน์นรี และ นายสิรวิชญ์ พร้อมมอบดอกไม้แสดงความเป็นห่วง ทั้งนี้ จากการสอบถาม นายสิรวิญช์ มีแม่ น้องและยาย อาศัยอยู่ที่บ้าน เมื่อแม่ถูกจับ นายสิรวิชญ์ซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่ต้องรับภาระทั้งหมดแทน อย่างไรก็ตาม นายสิรวิชญ์ ยังเป็นหนึ่งในพลเมืองที่ถูกลิดรอนสิทธิ

...

ดังนั้น พวกตนขอออกแถลงการณ์ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง เรียกร้องให้มีการปล่อยตัว "แม่จ่านิว" ทั้งนี้ เครือข่ายฯติดตามและห่วงใยการละเมิดสิทธิพลเมืองที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ขอแถลงท่าทีดังต่อไปนี้ 1. การตั้งข้อหาและออกหมายจับแม่จ่านิว เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุอันควร ข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่า แม่จ่านิว มิได้พิมพ์ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทสถาบันแต่อย่างใดเลย เฉพาะคู่สนทนาบนเฟซบุ๊กที่มิได้มีความคุ้นเคยกับแม่จ่านิวที่เป็นผู้พิมพ์ถ้อยคำ แม่จ่านิวเพียงแต่ตอบรับด้วยคำว่า “จ้า” เพื่อปิดการสนทนาเท่านั้น ดังนั้น การตั้งข้อหาคดีอาญาที่มีบทลงโทษรุนแรง โดยอ้างว่า การที่มิได้ห้ามปรามถือเป็นความผิดด้วย จึงเป็นการตีความที่ขยายมูลเหตุแห่งความผิดที่เกินเลยโดยที่ประชาชนไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน หากมีการตั้งข้อหามาตรา 112 ด้วยมูลเหตุเพียงเท่านี้ จะเปิดช่องให้มีการกลั่นแกล้งกันได้โดยง่าย

2. การใช้ดุลพินิจไม่ให้ประกันตัวอย่างไม่เหมาะสม ผู้บังคับการ ปอท. ปฏิเสธการให้ประกันตัวโดยให้เหตุผลว่า เป็นคดีร้ายแรง มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานโดยมิได้พิจารณาว่า แม่จ่านิวได้แสดงความบริสุทธิ์ใจเข้าพบพนักงานสอบสวนในทันทีที่ถูกออกหมายจับ (โดยไม่มีหมายเรียก) พร้อมทั้งมีหลักทรัพย์เป็นเงินประกันตัวถึง 5 แสนบาท ย่อมแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมจะสู้คดี การกักขังบุคคลโดยไม่มีเหตุอันควร ถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างมิอาจยอมรับได้

3. คสช. ควรตระหนักว่า การดำเนินคดีกับประชาชนผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีเหตุอันควรจะนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน เพราะประเด็น 112 เป็นประเด็นที่อ่อนไหว ทำให้ประชาชนที่เข้าใจผิดก่อกระแสเกลียดชังจ่านิวและแม่จ่านิว ส่วนประชาชนผู้รักความเป็นธรรมก็จะโกรธแค้น คสช. ที่ตั้งข้อหาประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม วิธีการเช่นนี้ไม่ส่งผลดีต่อใครทั้งสิ้น และเป็นการกระทำที่แย้งกับ คสช. ประกาศว่า จะสร้างความสงบขึ้นในสังคมไทย สุดท้ายนี้ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ขอยืนยันว่า เราเป็นห่วงสิทธิพลเมืองไม่เพียงแต่กรณีแม่จ่านิวเท่านั้น เราขอเรียกร้องให้ คสช. เคารพกฎหมายและหยุดการจับกุมคุมขังประชาชน โดยไม่เคารพต่อกระบวนการยุติธรรม เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ศาลทหารจะพิเคราะห์และอนุญาตให้แม่จ่านิวได้รับการประกันตัวในวันที่ 8 พฤษภาคม

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่ น.ส.พัฒน์นรี ถูกจับกุม โดยมีการแสดงหลักฐานว่าเป็นการแชตผ่านเฟซบุ๊กกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้นั้น พบว่าไม่ได้มีการพูดคุยใดๆ มาก่อน มีเพียงการตอบกลับว่า "จ้า" ซึ่งตนมองว่าเป็นมารยาท ที่เมื่อถูกอีกฝ่ายพิมพ์ข้อความมา และ น.ส.พัฒน์นรี ต้องการจบบทสนทนาจึงใช้คำว่า "จ้า" ปิดท้าย และไม่ได้ส่งอะไรไปอีก ตนจึงรู้สึกว่าการตั้งข้อหาร่วมหมิ่นสถาบันฯ ม.112 นั้น เป็นการตั้งเกินกว่าเหตุ ไม่สมเหตุสมผลและรังแต่จะเกิดความขัดแย้ง

ต่อเมื่อเวลา 13.10 น. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายเสนาธิการผู้บังคับบัญชาคณะทำงานพิเศษฝ่ายกฎหมาย คสช. พร้อมด้วย พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 ปอท. และ พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท แถลงข่าวโดย พ.ต.อ.โอฬาร กล่าวว่า การดำเนินการเกี่ยวกับคดีดังกล่าวซึ่งประกอบด้วยกฎหมายหลายข้อ อาทิ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทาง ปอท. จึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินคดีโดยประมวลตามกฎหมายอาญา ประเด็นขึ้น เกิดความสับสนว่า มีการกล่าวหาใส่ร้ายว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปโดยไม่มีหลักฐาน หรือกลั่นแกล้ง ตนขอชี้แจงว่าการดำเนินการดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอน และมีพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนชัดเจน สำหรับพฤติการณ์แห่งคดีนั้น ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดได้ เนื่องจากเป็นขั้นตอนในการสอบสวนสืบสวน จึงต้องเป็นความลับ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า มีการนำเสนอข้อมูลต่อศาลให้พิจารณา และศาลได้มีคำสั่งให้ออกหมายจับดำเนินคดีทั้งสองราย ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้อาศัยอำนาจอื่นใดในการดำเนินคดี

...


ทั้งนี้ ในวันที่ 8 พฤษภาคม จะนำตัว น.ส.พัฒน์นรี ไปฝากขัง อย่างไรก็ตาม ที่ประชาชนมีการบอกว่า น.ส.พัฒน์นรี ไม่ได้มีการดำเนินการดังกล่าวนั้น ไม่เป็นความจริง จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.พัฒน์นรี และนายบุรินทร์ มีการดำเนินการร่วมกัน มีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ซึ่งทุกอย่างจะปรากฏในชั้นศาล หากตรวจพบเราจะดำเนินการทันที ขอความร่วมมือหากมีการนำเสนอข้อมูลควรมีหลักฐาน ไม่ควรบิดเบือน หรือนำสิ่งที่ตัวเองคิดแล้วนำเสนอออกไป ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับผู้ปฏิบัติงานได้ ยืนยันว่าตั้งแต่ตนเข้ารับตำแหน่ง ไม่เคยมีการกลั่นแกล้งใดๆ หรือข่มขู่ เพื่อให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐาน สำหรับบุคคลที่แชร์และกดไลค์ข้อความ ที่แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนการกระทำผิดดังกล่าวถือว่า มีความผิด

พ.ต.อ.โอฬาร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการลิดรอนสิทธิของสื่อ ไม่มีการเซ็นเซอร์ข่าว ไม่เคยมีการห้ามในการแสดงความคิดเห็น แต่ทั้งนี้จะต้องอยู่ภายในกฎหมาย ขอความกรุณาสื่อมวลชนหากต้องการข้อมูลที่เป็นประโยชน์สามารถติดต่อมาได้ที่ตน ส่วนทางโลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพที่มีข้อความ "จ้า" ของแม่จ่านิว เชิงหมิ่นประมาทนั้น ตนไม่สามารถบอกรายละเอียดข้อความเนื้อหาได้ แต่การพูดคุยของทั้งสองคนเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา แม่จ่านิวไม่ได้พิมพ์เพียงแค่คำว่า "จ้า" มีการสนทนามากกว่านั้น ส่วนคำว่า "จ้า" ทางกฎหมายไม่มีการตีความ จะต้องดูพฤติการณ์ของผู้กระทำ และถึงจะมีการพิจารณาดำเนินการต่อไป

ดังนั้น ที่จะมาบอกว่าพิมพ์คำว่า "จ้า" อย่างเดียวและผิดกฎหมายนั้น อันนี้ถือว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งผู้ที่นำเสนออาจทำให้โดนดำเนินคดีได้โปรดระมัดระวัง ขอยืนยันว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยศาล อย่างไรก็ตาม จะมีการควบคุมตัว น.ส.พัฒน์นรี ไว้ที่กองบังคับการปราบปรามไว้ 1 คืน ก่อนนำตัวส่งศาลทหารเช้าวันพรุ่งนี้ต่อไป

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารกำลังไปค้นบ้านจ่านิว 3 แห่ง ได้แก่ เลขที่ 12/109 ม.4 คลอง 12 หนองจอก กทม., เลขที่ 99/10 ม. 8 คลอง 1 คลองหลวง ปทุมธานี และเลขที่ 53/88 ม.4 ซ.พระยาสุเรนทร์ 2 ถ.พระยาสุเรนทร์ คลองสามวา กทม.

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า อะไรที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายหรือมีความสุ่มเสี่ยงอย่าเข้าไปกระทำ กรณีของแม่จ่านิวเป็นเรื่องการโพสต์ข้อความ ตนพูดมาตลอดว่ากฎหมาย ก็คือกฎหมาย อะไรที่มันสุ่มเสี่ยงถ้าไม่รู้ก็อย่าไปยุ่ง ก็ควรจะศึกษาว่ากฎหมายมีอะไรบ้าง ไม่ใช่ควรไปกระทำการด้วยความคึกคะนอง แต่อะไรก็แล้วแต่ เมื่อไปเกี่ยวข้องกับกฎหมาย และเริ่มกระบวนการของกฎหมายแล้ว ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าพบหลักฐานชัดเจนหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวสั้นๆ ว่า ถ้าไม่มีหลักฐานคงไม่มีการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับกรณีความมั่นคง ตนเชื่อมั่นในตัวของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.