กลุ่มคนฉลาดที่สุด รวยแบบสุดๆ และทรงอิทธิพลมากที่สุด มีสารสำคัญส่งมาถึงชาวโลกที่เหลือ ให้จงตระหนัก และเตรียมเนื้อเตรียมตัวกันไว้แต่เนิ่นๆ ว่า อีกไม่นานจากนี้ ‘หุ่นยนต์กำลังจะเข้ามาแย่งงาน’ มนุษย์อย่างพวกเราแล้ว!!

หากเอาเวลาในปัจจุบันมาเป็นตัวตั้ง เชื่อว่า การมาของหุ่นยนต์ บางคนอาจยังมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่สำหรับคนวัย 30 อัพ ‘คงคิดต่าง เห็นว่ามีความเป็นไปได้’ เพราะได้ประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง จากการได้เห็นการมาของสมาร์ทโฟน ความไฮเทคของโทรศัพท์แบบทัชสกรีน ที่เข้ามาแทนที่โทรศัพท์ในยุคก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง ในเวลาเพียงไม่กี่ปี

ดังนั้น ชาวโลกทั้งหลายจึงต้องตระหนัก และเปิดใจรับฟังสารที่กลุ่มคนระดับ ‘จีเนียส’ เหล่านี้ที่เตือนมายังพวกเรา จากเวทีการประชุมระดับโลก ‘โกลบอล คอนเฟอเรนซ์‘ ในหัวข้อ ‘หุ่นยนต์กำลังมา’ ซึ่งจัดขึ้นที่สถาบันมิลเคน ย่านเบเวอร์ลี ฮิลล์ ในนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ เป็นเวลา 4 วัน ระหว่างวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2559

...

ผู้คนที่มาร่วมประชุมในงานนี้ มีจำนวนถึง 3,500 คน และผู้มาร่วมประชุมเฉพาะที่ได้รับเชิญเท่านั้น ที่ได้มาร่วมฟังและแสดงความเห็นเกี่ยวกับ ‘อนาคตของมนุษย์’ ขณะที่ยังมีการฟันธงว่า นับจากนี้ เทคโนโลยีกำลังเข้ามาครอบครองตลาด ไปจนถึงการทำเหมืองแร่ และงานที่มีความสำคัญต่างๆ ส่วนใหญ่

** งานทุกอย่างปลอดภัยจาก ‘หุ่นยนต์’ จริงหรือ?

ไมเคิล ชุย ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันแมคคินซีย์ โกลบอล บอกว่า ประโยชน์ส่วนใหญ่ที่พวกเราได้เห็นจากหุ่นยนต์นั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงานที่มีคุณภาพสูง ผิดพลาดน้อย แต่ขณะนี้มีงานจำนวนมากที่ใช้หุ่นยนต์ทำงานเพื่อต้องการลดจำนวนคนงานกันแล้ว พร้อมตั้งคำถามว่า ‘งานทุกอย่างปลอดภัย (จากหุ่นยนต์) แท้จริงหรือ?’

เพราะวันนี้ เทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ ยังทำให้คนงานค่าแรงขั้นต่ำ รวมทั้งแรงงานที่ใช้ทักษะในการงานทำงานขั้นต่ำ ถูกกำจัดหมดไปด้วยเช่นกัน โดยกลุ่มคนจีเนียสเหล่านี้ อ้างว่า ขณะนี้ หุ่นยนต์ยังทำหน้าที่ควบคุมรถบรรทุกในเหมืองแร่บางแห่งในออสเตรเลีย, การจัดเก็บข้อมูลซอฟต์แวร์ในกระบวนการยุติธรรม แทนเจ้าหน้าที่ที่ต้องกลั่นกรอง ตรวจดูเอกสารหลายพันแผ่นตั้งแต่เริ่มต้นจนตลอดกระบวนการพิจารณาคดี อีกทั้ง หุ่นยนต์ยังเข้ามาทำงานแทนเจ้าหน้าที่ในตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท ซึ่งแต่ก่อน ทำงานโดยนักการธนาคารที่ต้องจบบริหารธุรกิจ ระดับปริญญาโท หรือไม่ก็ปริญญาเอก

**เตือนพนักงานธนาคารเจอเต็มๆ ..

ธนาคารใหญ่หลายแห่งได้ตัดลดจำนวนพนักงานหลายหมื่นคนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เช่นเดียวกับ ธุรกิจด้านการเงิน อาทิ การซื้อขายตราสารหนี้ ซึ่งจะได้กำไรน้อยลง อีกทั้งพนักงานยังต้องทำงานภายใต้แรงกดดันจากนักลงทุนทั้งหลายที่ต้องการจะได้กำไรมากๆ แต่กลับไม่ได้กำไรที่สูงขึ้นตามที่คาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงหันไปใช้เทคโนโลยีแทนพนักกงานเพื่อตัดลดค่าใช้จ่าย

กลุ่มธนาคาร ซิตี้กรุ๊ป รายงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เสนอแนะว่า จะมีความเจ็บปวดมากขึ้นกับคนทำงานในภาคอุตสาหกรรมการเงิน โดย ซิตี้กรุ๊ป ทำนายว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีการลดพนักงานธนาคารทั่วสหรัฐและยุโรป ลงถึง 30% เลยทีเดียว


*งานถึง 95 ล้านตำแหน่งจะถูกหุ่นยนต์ทำแทน ใน 10-20 ปีข้างหน้า

ก่อนหน้านี้ ธนาคารยุโรป เคยคาดการณ์ไว้เมื่อช่วงปลายปี 2558 ว่า ชาวอเมริกันกว่า 80 ล้านคน และชาวอังกฤษอีก 15 ล้านคน จะถูกหุ่นยนต์ทำงานแทน ภายใน 1-2 ทศวรรษข้างหน้า โดย แอนดีย์ ฮัลเดน หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของธนาคารยุโรป ชี้ว่า เทคโนโลยีหุ่นยนต์ในวันนี้ไม่เหมือนในอดีต เพราะหุ่นยนต์ถูกพัฒนาให้มีศักยภาพความเฉลียวฉลาดเท่ากับสมองของมนุษย์ เช่นเดียวกับสามารถทำงานได้เทียบเท่ากับสองมือของคนเช่นกัน

...

ตามรายงานของธนาคารยุโรป ระบุว่า พนักงานฝ่ายบริหาร, เสมียน และฝ่ายผลิตภัณฑ์ อาจเป็นพนักงานกลุ่มแรกที่ถูกหุ่นยนต์เข้ามาแย่งงานในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม รายงานไม่ได้ฟันธงว่า การมาของหุ่นยนต์จะทำให้อัตราการว่างงานสูงขึ้นแบบฉับพลันทันที แต่ผู้คนจะต้องพัฒนาทักษะของพวกเขาให้สามารถทำงานที่เก่งกว่าหุ่นยนต์ให้ได้

*งานที่เสี่ยงจะโดนแทนที่ด้วยหุ่นยนต์

...

จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า งานที่เสี่ยงจะถูกหุ่นยนต์มาทำงานแทนมีงานหลากหลายประเภท รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อ, พนักงานต้อนรับ, ผู้ช่วยทางกฎหมาย, พนักงานขาย, คนขับรถ, พนักงานรักษาความปลอดภัย, คนทำอาหารฟาสต์ฟู้ด และบาร์เทนเดอร์ หรือคนผสมเหล้า

นอกจากนั้นแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด, นักข่าว และทนายความ อาจติดอยู่ในกลุ่มที่ถูกหุ่นยนต์มาทำงานแทนที่ในอนาคตเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แอนดีย์ ฮัลเดน ชี้ว่า ขณะนี้ไม่เหมือนช่วง ‘ปฏิวัติอุตสาหกรรม’ ในอดีต ที่แรงงานคนถูกบังคับให้ต้องปรับปรุงทักษะ และเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะตอนนี้ หุ่นยนต์จะถูกมาทำงานแทนมนุษย์ ไม่ว่าจะหุ่นยนต์ที่ฉลาดมากขึ้น สามารถทำงานแทนงานที่ต้องใช้ทักษะระดับปานกลาง และเหลือแต่งานที่ใช้ทักษณะต่ำๆ หรือทักษะสูงมากๆ ไว้ให้มนุษย์เท่านั้น

**ตั้งแต่เข้าสู่ปี ค.ศ. 2000 เสียงานให้ ‘โรบอต’ ไปแล้วกว่าล้านตำแหน่ง

จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ในปี 2557 ได้แสดงให้ว่า ในอนาคตจะเหลืองานไม่กี่ประเภทเท่านั้น ที่จะรอดพ้นจากการเข้ามาแทนด้วยหุ่นยนต์ โดยจากการวิเคราะห์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ แสดงให้เห็นว่านับตั้งแต่โลกเราหมุนเข้าสู่ยุคมิลเลนเนียม ปี ค.ศ. 2000 ได้สูญเสียงานในภาคอุตสาหกรรมไปแล้วเกือบ 750,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาคธุรกิจการค้าและค้าปลีก 338,000 ตำแหน่ง

...

**งานที่มีโอกาสรอดมากที่สุดในอนาคต

อย่างไรก็ตาม จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ระบุว่า ในขณะที่มีคนต้องเสียตำแหน่งงานนับล้านตำแหน่งให้แก่หุ่นยนต์ไปแล้ว แต่ขณะเดียวกัน งานทางภาคสาธารณสุข และสังคม ก็เพิ่มมากกว่าเดิมนับล้านตำแหน่ง นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา นอกจากนั้น งานด้านการศึกษา ข้อมูลและการสื่อสาร ก็เป็นงานที่มี ‘โล่’ ปกป้องจากการเข้ามาของหุ่นยนต์ในอนาคตได้มากที่สุดด้วย

เรียกได้ว่า ผู้คนโดยเฉพาะเยาวชนคนหนุ่มสาวที่ไม่อยากจะตกงาน เและต้องไปแย่งงานแข่งกับหุ่นยนต์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ก็ต้องศึกษาเล่าเรียนในสาขาวิชาที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูง ชนิดที่หุ่นยนต์ไม่สามารถจะมาทำงานแทนมนุษย์ได้นั่นล่ะ.