ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาบ่ายแก่ๆของวันเสาร์ที่ 30 เมษายน มองจากหน้าต่างกองบรรณาธิการไทยรัฐออกไป จะเห็นท้องฟ้ามืดครึ้ม มีแต่เมฆหนาทึบลอยอยู่ต่ำๆ ส่อเค้าว่าอาจจะมีฝนตกใหญ่แถวๆโรงพิมพ์ในไม่ช้านี้
แต่ที่แน่ๆในช่วงใกล้เที่ยงมีฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงใส่ กทม. และปริมณฑลไปเรียบร้อยแล้ว...โดยเฉพาะแถวๆรังสิต ปทุมธานี แจ้งวัฒนะ เมืองทองธานี รามอินทรา ฯลฯ
มีภาพแชร์ไปทั่วเน็ตให้เห็นถึงต้นไม้ที่หักโค่นระเนนระนาด และน้ำที่ขังเจิ่งนองท้องถนน 1 ใน 4 ของล้อรถ ซึ่งติดขัดเป็นขบวนยาว และต้องเปิดไฟจ้า เพราะมันมืดจนมองไม่เห็นทาง ทั้งๆที่เป็นเวลาเที่ยงวัน
นับว่าเป็นฝนแรกของกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล สำหรับ พ.ศ.2559 นี้ หลังจากที่รอคอยมาด้วยใจจดใจจ่อเป็นเวลาหลายเดือน
สำหรับต่างจังหวัดนั้น มีรายงานว่าเกิดฝนตกหนักและพายุลมแรงตั้งแต่บ่ายวันศุกร์มาจนถึงค่ำคืนวันศุกร์ต่อเช้าวันเสาร์ ทั้งภาคอีสานและภาคเหนือ มีทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง นครสวรรค์ ไปจนถึงศรีสะเกษ อุบลราชธานี บึงกาฬ อำนาจเจริญ มหาสารคาม ฯลฯ
ทำให้บ้านเรือนเสียหาย ต้นไม้หักโค่น เสาไฟฟ้าล้มระเนนระนาด มีบาดเจ็บและล้มตายบ้างเล็กน้อย
นับเป็นฝนแรกที่ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ และแม้จะรู้ตัวล่วงหน้าหลายวัน เพราะกรมอุตุนิยมวิทยา ท่านก็บอกไว้แล้วว่า 29-30 เมษายน ตกใหญ่แน่ พายุแรงแน่ที่โน่นที่นี่ถึงขั้นระบุชื่อจังหวัดด้วยซ้ำ...แต่จะไปป้องกันอะไรได้ล่ะ
นอกจากจะคอยระวังไม่ไปยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือเสาไฟฟ้า หรือป้ายโฆษณาอย่างที่ท่านเตือนไว้เท่านั้น
จากนั้นก็สุดแต่โชคชะตาของแต่ละตำบล แต่ละหมู่บ้าน แต่ละอำเภอ ว่าใครจะเจอหนักหรือเจอเบาอย่างไร
ใครเจอหนักก็ถือเป็นโชคร้าย ส่วนใครที่โชคดีก็จะเจอแค่สถานเบา หรือไม่เจอเลย เพราะพายุผ่านตำบลหมู่บ้านไปหมด
...
ผมก็ฝากไว้ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ อย่าลืมลงไปช่วยดูแลพี่น้องประชาชนที่เคราะห์ร้ายเจอพายุฝนถล่มอย่างทั่วถึงด้วย
อาจจะช่วยไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ช่วยทำให้หนักเป็นเบา หรือช่วยให้พี่น้องที่โชคร้ายทั้งหลายมีกำลังใจที่จะสู้กับชีวิตต่อไปได้อย่างไม่ท้อถอยมากนัก
ครับ! ก็ต้องยอมรับว่าเป็นฝนแรกและฝนสั่งลาเมษายนที่ดุดันในหลายๆพื้นที่ของประเทศ...แต่มาคิดอีกที ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ฝนเริ่มตกแล้ว
อย่างน้อยความรู้สึกว่ากังวลใจที่ภาวะแห้งแล้งของปีนี้ ที่อาจจะมีต่อไปอีกยาวนานก็จะเริ่มผ่อนคลายลง
อย่าลืมนะครับ ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ทั้งความแห้งแล้งและอุณหภูมิที่แสนร้อน โดยเฉพาะเมื่อ 2-3 วันก่อนขึ้นไปถึง 41-42 องศาฯ ในบางพื้นที่นั้น ได้นำความทุกข์ใจและความกังวลสารพัดสารพันมาสู่พวกเราชาวไทยอย่างมาก
คำพูดที่ว่าแล้งที่สุดในรอบเท่านั้นเท่านี้ปี หรือร้อนที่สุดในรอบหลายสิบปี ฟังแล้วก็รู้สึกห่อเหี่ยวหมดความสุข
ก็ได้แต่หวังว่า เมื่อมีฝนมาช่วยชะโลมเช่นนี้แล้วจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นบ้าง โดยเฉพาะขวัญของคนไทยที่ต้องยอมรับว่าถดถอยลงไปมากตลอดช่วงเวลาที่มีภัยแล้งเกิดขึ้นดังกล่าว
จะห่วงอยู่บ้างก็ตรงที่ว่าฝนแรกของเราปีนี้ก็ยังเป็นฝนที่ไม่ทั่วฟ้าอยู่เหมือนเดิมเพราะยังมีข่าวว่าในบางพื้นที่ฝนฟ้าไม่ตกเลยจึงยังแห้งแล้งต่อไป และยังต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยราชการต่างๆ
ก็คงต้องฝากให้ทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องโปรดดูแลทางด้านฝนแล้ง ควบคู่ไปด้วย...อย่าไปชะล่าใจว่าฝนตกแล้วเลยทอดทิ้งปัญหาภัยแล้งไปเสียหมดก็แล้วกัน
ขอขอบคุณฝนแรกของปี 2559 อีกครั้งนะครับ แม้จะตกหนักไปหน่อย แต่ก็ขอต้อนรับด้วยความยินดี...และหวังว่าคงจะตกต่อไปและตกทั่วฟ้ามากขึ้น ทำให้ปีนี้เป็นปีแห่งน้ำท่าบริบูรณ์ เหมือนที่ประกาศสงกรานต์ทำนายไว้เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา.
"ซูม"