(ภาพ: AFP)
เอฟบีไอ สามารถเจาะระบบเข้าถึงข้อมูลในไอโฟนของคนร้ายกราดยิงในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปลายปีก่อนได้แล้ว โดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากบิดาของไอโฟนอย่างบริษัท แอปเปิล...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ว่า สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ (FBI) สามารถเจาะระบบสมาร์ทโฟน 'ไอโฟน' ของมือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงในเมือง ซาน เบอร์นาร์ดิโน ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อ ธ.ค.ปีก่อนได้แล้ว โดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากบริษัท แอปเปิล ผู้ผลิตไอโฟน
เหตุการณ์นี้ถือเป็นการยุติคดีความระหว่างทั้งเอฟบีไอกับแอปเปิลไปโดยปริยาย โดยแอปเปิลกำลังต่อต้านคำสั่งของศาลที่ออกเมื่อเดือนก่อน ที่ต้องการให้แอปเปิลเขียนซอฟต์แวร์ใหม่เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในของ ไอโฟน 5ซี ของนาย ไซเยด ริซวาน ฟารูค ซึ่งร่วมมือกับภรรยาคือนาง ทัชฟีน มาลิค โจมตีสำนักงานแห่งหนึ่งในเมือง ซาน เบอร์นาร์ดิโน ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ 2 ธ.ค. 2015 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย ก่อนทั้งคู่จะถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ล่าสุดเอฟบีไอระบุว่า พวกเขาได้ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ เอฟบีไอต้องการเข้าถึงข้อมูลไอโฟนของนายฟารูค เพื่อหาว่าเขาและภรรยาทำงานร่วมกับคนอื่นๆ, มีเป้าหมายโจมตีอื่นๆ หรือ ได้รับการสนับสนุนจากใครหรือไม่ ขณะที่มีข้อมูลด้วยว่า นางมาลิคได้ประกาศตัวสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ของเธอในวันที่ก่อเหตุด้วย แต่แอปเปิลไม่ให้ความร่วมมือ
แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน อัยการสหรัฐฯ กล่าวว่า มีกลุ่มบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร ได้แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีอื่นในการปลดล็อกไอโฟนโดยไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือของแอปเปิล ทำให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ของให้ศาลเลื่อนการพิจารณาคดีกับแอปเปิลในสัปดาห์เดียวออกไป ในระหว่างที่พวกเขากำลังหาวิธีเจาะไอโฟนวิธีใหม่
...
ด้านบริษัท แอปเปิล ระบุว่า พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ใช้วิธีใดในการเจาะระบบของไอโฟน และหวังว่ารัฐบาลจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับจุดอ่อนของไอโฟนที่อาจถูกค้นพบ แอปเปิลระบุด้วยว่า พวกเขาจะยังคงเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาต่อไป เนื่องจากภัยคุกคามและการโจมตีต่อข้อมูลของพวกเขาเกิดบ่อยขึ้นและซับซ้อนขึ้น
อนึ่ง หนังสือพิมพ์ของอิสราเอลรายงานเมื่อสัปดาห์ก่อน อ้างว่า บริษัท เซลเลไบรต์ (Cellebrite) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในอิสราเอลร่วมมือกับเอฟบีไอในการทำคดีนี้ด้วย.