…ก่อนที่บรรดาแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ทุกท่าน จะเหวี่ยงสายตาลงไปอ่านสกู๊ปที่อุดมไปด้วยความดราม่า โศกเศร้าเคล้าน้ำตา ตีรันฟันแดง ระเบิดภูเขา เผากระท่อม ผมคือร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา หรือ เธอคือทายาทเศรษฐีที่ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่แบเบาะ แต่เพราะมีปานดำที่หน้าอกเป็นสัญลักษณ์สำคัญ เพราะฉะนั้น คุณคือ นางเอกของเรา! …… จาก นายฮกหลง แห่งทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ในวันนี้

ก่อนอื่น........ต้องขอความกรุณาแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ทุกท่าน ช่วยหลับตา แล้วจินตนาการตามตัวหนังสือ ประหนึ่งได้ฟังเสียงหนุ่มสุดหล่อชวนเคลิบเคลิ้มน่าหลงใหล (แต่………..กรุณาอย่าได้คาดหวังถึงเรื่องหน้าตา...อึมมมมมม) ผ่านลำโพงวิทยุในบ้านของท่าน แล้ว อ่านในบรรทัดนับจากนี้เป็นต้นไป ด้วยความตั้งใจและจินตนาการตามกันไปนะครับ...

——— เสียงเพลงไตเติ้ลสุดอลังการ ———(กรุณานึกถึงเสียงหล่อก่อนอ่าน ประหนึ่งว่า นายฮกหลงมาอ่านให้ฟังด้วยตัวเอง เองง เองงงงง  )

...ช่วงเวลาแห่งความบันเทิงต่อไปนี้ คณะเกศทิพย์ ภูมิใจเสนอ นิยายชีวิตรักซาบซึ้งประทับใจ จากบทประพันธ์ของ...

หรือ จะอีกเวอร์ชั่น หากเป็นละคร ชิงรักหักสวาท ของคุณชายที่ออกนอกวัง แบบ พี่ไม่ได้มาเล่นๆ เพื่อตามหารักแท้...

——— เสียงเพลงไตเติ้ลสุดอลังการ ———(กรุณานึกถึงเสียงหล่อก่อนอ่าน ประหนึ่งว่า นายฮกหลงมาอ่านให้ฟังด้วยตัวเอง อีกเช่นกัน กัน กันนนน)

...ช่วงเวลาแห่งความบันเทิงต่อไปนี้ คณะเกศทิพย์ ขอเสนอ ละครรักในวัง ความแค้น อาฆาต อิจฉาริษยา นำมาสู่การสูญเสีย ไม่รู้จักจบจักสิ้น จากบทประพันธ์ ของ…

...

ใช่แล้วครับ แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ทุกท่าน วันนี้ นายฮกหลง แห่งทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาทุกท่านไปย้อนคืนวันเก่าๆ เพื่อดื่มด่ำกับสุนทรียภาพ สุดยอดศิลปะการแสดงอีกแขนงหนึ่ง ที่ในอดีตเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด ชนิดที่ชาวบ้านร้านตลาดทุกคนเฝ้าติดตามชนิดแทบจะลืมหลับลืมนอน แต่แล้วเมื่อตัดกลับมา ณ ปัจจุบัน….

ยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ของโทรศัพท์มือถือ ที่กลายเป็นที่รวมความบันเทิงนานาชนิด แทนที่ โทรทัศน์และวิทยุ และอาจหาญถึงขั้นสร้างโลกแห่งสังคมใหม่ ที่เราเรียกขานกันว่า โซเชียลมีเดีย และจินตนาการของมนุษย์ หรือ คนยุคนี้ เรียกกันว่า มโน เพื่อเสพความสุขด้านศิลปะวงการบันเทิง กลับถูกแทนที่ด้วย สิ่งที่เรียกว่า Computer graphics หรือ CG

…ละครวิทยุที่เคยเปล่งปลั่งเป็นสุดยอดแห่งความนิยมในประเทศไทย เหมือนสาววัยแรกแย้ม ที่ชายหนุ่มทุกคนเป็นต้องเหลียวหลัง ก็ถึงคราวโรยรา แทบจะต้องนอนหายใจรวยริน จน ณ ปี พ.ศ.2559 นี้ น่าจะเหลือเพียง คณะเกศทิพย์ The best of radio theatre แห่ง สยามประเทศ คณะเดียวเท่านั้น ที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้...

นายฮกหลง จึงขออาสา ไปล้วงลึกคลุกวงในกับคณะละครวิทยุอมตะนิรันดร์กาลคณะนี้ รวมถึงไปเชิญชวน บรรดาผู้เชี่ยวชาญ และไอคอนแห่งความล้ำ พ.ศ. นี้ มาช่วยกันคิดว่า หากคิดจะพลิกฟื้นละครวิทยุไทย ให้กลับมา ปัง มันควรจะมีวิธีการอย่างไรกันดี ใน 2 ตอนของซีรีส์ข่าวนี้

.....เอาล่ะครับ แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ทุกท่าน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ด้วยเหตุว่านายฮกหลง ออกแขกมาเยิ่นเย้อ ไปเสียหลายบรรทัด จนหากไปออกวิกยี่เก เก็บเงิน มีหวังโดนชาวบ้านร้านตลาดโห่ฮาขับไล่ เป็นแน่แท้ ด้วยเหตุฉะนี้ นายฮกหลง จึงขอเปิดม่านในตอนแรกของซีรีส์ …..

ด้วยการพาแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ทุกท่าน ไปพบกับบบบบ คณะเกศทิพย์............. (เสียงกังวาน ตามมา โปรดจินตนาการตาม เพื่อความบันเทิงในการอ่าน.....)

...

จุดเริ่มต้น อมตะคณะละครวิทยุ ที่เหลือรอดเพียงคณะเดียวในประเทศไทย

ณ ห้องทำงาน ภายใน ห้องบันทึกเสียงรุ่งสยาม เลขที่ 42/5-6 ซอยอินทามระ 1 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. ฐานบัญชาการคณะเกศทิพย์…. นายฮกหลง นั่งประจันหน้าสัมภาษณ์ คุณแม่กัลยา ทิณพงษ์ หรือ แม่กัล หัวหน้าคณะเกศทิพย์ ปัจจุบัน อายุ 78 ปี ท่ามกลางเสียงเพลงลูกทุ่ง คลื่น AM จากวิทยุรุ่นเก่า ที่จะเปิดคลอไปตลอดการพูดคุย จากนั้น การสนทนาระหว่างสองผู้ต่างวัย จึงเริ่มต้นขึ้น..... (ยังไม่วาย มีลูกเล่น)

“เกศทิพย์ มีความหมายถึง เด็กอัจฉริยะ ด้วยเหตุนี้ โลโก้ของคณะเรา จึงเลือกที่จะใช้ สินสมุทรลูกของพระอภัยมณี ที่มากด้วยอิทธิฤทธิ์ ตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก มาเป็นสัญลักษณ์”

หลังเสร็จสิ้น การบอกเล่าถึงความหมายของชื่อคณะแล้ว คุณแม่กัลยา จึงทบทวนความหลังเกือบ 50 ปี ในวงการละครวิทยุไทย ให้ นายฮกหลง ฟังต่อไปว่า คณะเกศทิพย์ เข้าสู่วงการละครวิทยุครั้งแรกในประเทศไทย ประมาณ ปี พ.ศ.2503-2504 โดยการชักชวน รวมถึงตั้งชื่อให้ ของ คุณสุภัทร สวัสดิรักษ์ อดีตบรรณาธิการอาวุโส นิตยสารสกุลไทย โดยละครวิทยุที่ผลิตในช่วงแรกนี้ มุ่งเน้นไปที่การสอดแทรกเนื้อหา เพื่อต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ในเวลานั้นเป็นหลัก เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจาก สำนักข่าวสารอเมริกัน

...

ต่อมาไม่นาน เมื่อทางสำนักข่าวสารอเมริกัน หมดงบประมาณ ด้วยความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าคณะ ก็ให้รู้สึกเป็นห่วงบรรดาลูกน้องที่เป็น หญิง 6 คน ชาย 6 คน ว่า จากนี้ไปเค้าจะขาดรายได้กัน จึงมานะกัดฟันพาลูกทีมออกมาลุยงานละครวิทยุ เพื่อหารายได้แบบเต็มตัว ทั้งๆ ที่ ในเวลานั้น ส่วนตัวเอง ก็มีรายได้จากงานประจำที่กรมประชาสัมพันธ์ และงานพาร์ทไทม์ ที่ ช่อง 4 บางขุนพรหม (MCOT HD ช่อง 30 ในปัจจุบัน) อยู่แล้วก็ตาม

แจ้งเกิดเต็มตัว มีวันนี้ได้..เพราะนายห้างกระทิงแดง! และยาดมตราโป๊ยเซียน

อย่างไรก็ดี ช่วงที่คณะเกศทิพย์ ออกมาโลดโผนในวงการละครวิทยุเต็มตัวนั้น แรกๆ ต้องยอมรับมีคู่แข่งพอสมควร โดยเฉพาะ "คณะแก้วฟ้า" ซึ่งถือเป็นเบอร์หนึ่งของคณะละครวิทยุในยุคนั้น เพราะฉะนั้น เมื่อตั้งใจจะมาทางนี้แล้ว ก็ต้องทุ่มสุดตัว โดยตั้งเป้าต้องเป็นเบอร์หนึ่งในวงการนี้ให้ได้ จากนั้น ก็ค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงมาเรื่อยๆ และก็โชคดี ที่ต่อมาได้รับการว่าจ้างจาก นายห้างทีซีมัยซิน คุณเฉลียว อยู่วิทยา (เสียชีวิตแล้ว) เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดงในปัจจุบัน ให้ทำละครวิทยุออกอากาศประจำวันเสาร์และอาทิตย์ วันละ 10 ชั่วโมง ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงในยุคนั้น จึงทำให้คณะเกศทิพย์ แทบจะกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของสังคมไทยสมัยนั้นไปเลย

"ออกอากาศ เสาร์ 10 ชม. อาทิตย์ 10 ชม. เดือนนึง ก็เท่ากับต้องมีละครออกอากาศเป็นร้อยๆ ตอนได้ จนชาวบ้านแทนที่จะเรียกละครเกศทิพย์ กลับไปเรียก ละครทีซีมัยซิน ซะอย่างนั้นไป เพราะโฆษณาช่วงก่อนเข้าละคร จะเป็นโฆษณาของทีซีมัยซิน ที่นายห้างเฉลียว ท่านจะมานั่งดูแลการตัดต่อด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าคณะเกศทิพย์ เกิดได้ เพราะนายห้างเฉลียวก็ไม่ผิดนัก อีกท่าน ที่แม่กัล ไม่เคยลืม บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ยาดมตราโป๊ยเซียน ที่ให้ความเมตตากับทางคณะมาโดยตลอด ทราบมาว่า มีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้การค้ำจุนคณะเกศทิพย์ จนถึงปัจจุบัน"

...

เกศทิพย์ฟีเวอร์! เทียบชั้นโอปป้า KPOP แฟนคลับหลงเสียง แห่ส่งจดหมายขอรูป อยากเห็นตัวจริง

จากนั้นเป็นต้นมา คณะเกศทิพย์ ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลาม ชนิดที่เรียกกันว่า เกิดปรากฏการณ์ “หลงเสน่ห์เสียง” เหล่าพระเอก นางเอก และตัวละครอื่นๆ ของคณะเกศทิพย์ ไม่ต่างจากบรรดาโจ๋ไทยยุคนี้ เทใจให้เหล่าโอปป้าเกาหลี กันเลยทีเดียว

“จดหมายจากแฟนๆ ที่เขียนส่งมาถึงคณะเกศทิพย์ ยุคนั้น บุรุษไปรษณีย์ต้องแบกมาทีเป็นหลายๆ กระสอบ (กระสอบข้าวสาร) หรือเวลาเดินไปซื้อของในตลาดเสาร์-อาทิตย์ จะได้ยินละครของคณะเราเปิดแทบทุกบ้าน เรียกว่าเดินไปต้นซอย สามารถฟังละครจบ เมื่อเดินถึงท้ายซอยได้เลย และแน่นอน"

เมื่อเกิดกระแสฟีเวอร์ขนาดนี้ เหล่าแฟนคลับ ก็ย่อมอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริง ของเหล่าบรรดาดาราที่พวกเค้าเฝ้าใฝ่ฝันถึง ว่าจะสมกับที่จินตนาการ เมื่อครั้งได้รับฟังเพียงแค่เสียงหรือไม่ ซึ่งก็เพราะความโด่งดังในยุคนั้น ทำให้บรรดาสปอนเซอร์ของเรา ยอมทุ่มเงินหลักแสน ซึ่งถือว่าสูงมากในขณะนั้น เป็นค่าทำรูปถ่ายของบรรดานักแสดงของคณะเกศทิพย์ เพื่อส่งให้แฟนๆ ที่ส่งจดหมายมาขอเลยทีเดียว

เกศทิพย์ เครื่องหมายการันตี ภาพยนตร์เรื่องไหน ควรจะฮิต

"อีกทั้ง สายหนังในต่างจังหวัด จะไม่ซื้อภาพยนตร์เรื่องใดก็ตาม ที่ทางคณะเกศทิพย์ ยังไม่ได้หยิบ นำมาทำเป็นละครวิทยุเด็ดขาด เพราะเกศทิพย์ในยุค นั้น เปรียบเหมือนเครื่องการันตีได้เลยว่า ภาพยนตร์เรื่องใดก็ตาม ที่ผ่านเกศทิพย์แล้ว เชื่อได้เลยว่าจะต้องดังแน่ เพราะคนยุคนั้น เมื่อฟังละครจากเราแล้ว ถึงอยากที่จะไปดูภาพยนตร์ นอกจากนี้ หากใครคิดจะติดต่อเอาคณะเราไปออกงานโชว์ตัว เหมือนงานอีเวนต์ เช่นที่คนดังในยุคนี้นิยมทำกันนั้น หากใครไม่มีเส้นและต้องใช้เงินค่อนข้างสูง บอกได้เลยว่ายาก เพราะแม้พวกเราอยากจะไป แต่มันไม่มีเวลาจะปลีกตัวไปให้จริงๆ โดยงานไปโชว์ตัวของพวกเราที่สุดประทับใจจำไม่ลืมก็คือ เมื่อครั้งไปโชว์ตัว ที่ จ.สุพรรณบุรี เชื่อไหมฝนตกหนักมาก น้ำนี่ท่วมสูงประมาณครึ่งแข้งในที่จัดงาน แต่คนก็ยังมารอดูตัวจริงของพวกเรากันชนิดล้นหลาม" หัวหน้าคณะเกศทิพย์ ส่งยิ้มให้นายฮกหลงอย่างภาคภูมิใจ เมื่อได้รำลึกถึงอดีตอันรื่นรมย์

กุญแจแห่งความสำเร็จ สุดยอดบทประพันธ์ จากเหล่าทวยเทพนักเขียน

ความสำเร็จอย่างงดงามในยุคนั้น หัวหน้าคณะเกศทิพย์ ให้ความเห็นว่า น่าจะเป็นเพราะความบันเทิงของชาวบ้านยังมีแค่ ทีวีเพียง 2 ช่อง คือ ช่อง 4 บางขุนพรหม และ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 สนามเป้า (สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 หรือ ช่อง 1 HD  ในปัจจุบัน) ขณะที่คลื่นวิทยุ ทั้ง AM และ FM รวมกัน มีเพียงไม่เกิน 300 ช่อง แถมโทรทัศน์เครื่องหนึ่งในยุคนั้น หากใครคิดจะมีในครอบครองก็ถือว่าเป็นเรื่องยากแล้ว เพราะมีราคาสูงมาก บ้านหนึ่งมีเครื่องหนึ่งนี่ แทบจะดูกันทั้งหมู่บ้าน ในขณะที่วิทยุ มีราคาถูกมาก จึงสามารถเข้าถึงประชาชนในวงกว้างได้มากกว่า

และถือเป็นโชคดีอีกอย่างคือ ช่วงนั้นได้ทำงานกับ คุณสุภัทร ซึ่งดูแล นิตยสารสกุลไทย ในขณะนั้นอยู่ จึงทำให้มีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกับบรรดานักประพันธ์ชื่อดังหลายท่าน เช่น เพ็ญแข วงศ์สง่า กฤษณา อโศกสิน หรือ ทมยันตี ซึ่งทุกท่านก็ให้ความเมตตา สงสาร มอบบทประพันธ์ดีๆ มาให้คณะทำละครวิทยุในราคาเป็นกันเอง หรือบางท่าน เพิ่งเขียนเสร็จใหม่ๆ ก็มอบให้มาจัดทำเลยก็มี จึงทำให้คณะเกศทิพย์ มีต้นทุนในการผลิตไม่สูงนัก

เมื่อคณะเกศทิพย์ ถึงคราวต้องลอยเรือ ในกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง อ่อนใจ เด็กไทยอ่อนภาษา

อย่างไรก็ดี ความเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นไปตามธรรมดาโลก เมื่อวิทยาการมีความก้าวหน้ามากขึ้น ราคาโทรทัศน์ถูกลงเกิดสถานีโทรทัศน์มากขึ้น คนเริ่มบ่ายหน้าจากเพื่อนประจำกายอย่างวิทยุ ไปสู่โทรทัศน์ที่ให้ได้ทั้งภาพและเสียง และยิ่งยุคสังคมก้มหน้าในปัจจุบัน ที่คนหันไปหลงใหลและเชื่ออะไรก็ตามที่ผ่านมาทางโทรศัพท์มือถือ สาววัยเปล่งปลั่ง เฉกเช่น ละครวิทยุก็ถึงกาลกลายเป็นมนุษย์ป้า ที่คนเริ่มไม่อินังขังขอบ

ถึงช่วงนี้ แม่กัล มีน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจคุยกับ นายฮกหลง ว่า ตอนนี้ เท่าที่ทราบ คณะละครวิทยุที่มีกันอยู่หลายคณะในอดีต น่าจะเหลือเพียงคณะเกศทิพย์ เพียงคณะเดียวแล้วที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ ส่วนตัวก็ยอมรับว่ารู้สึกใจหาย อยากให้เด็กรุ่นใหม่ หันมาเมียงมองศิลปะในแขนงนี้กันบ้างว่า เป็นหนึ่งในศิลปะการแสดง ที่มีคุณค่ามากแค่ไหน? อีกทั้ง ละครวิทยุ ถือเป็นบันไดก้าวแรก ที่จะก้าวไปสู่การทำงานในหลากหลายอาชีพได้ เช่น การทำสารคดีกึ่งละคร การพากย์หนัง หรือแม้กระทั่งการเขียนบทละครโทรทัศน์

"ที่คณะเกศทิพย์ ยังสู้ทำละครวิทยุกันอยู่ เป้าหมายหลักอยู่ที่การอนุรักษ์ศิลปะแขนงนี้ให้อยู่คู่กับสังคมไทยต่อไป มิใช่เพื่อแสวงหาผลกำไรแล้ว เพราะทุกวันนี้ยอมรับเลยว่าไม่มีกำไร แต่เพราะเรายังพอมีรายได้อื่นๆ มาอุด จึงทำให้พอถูไถอยู่กันไปได้ เพราะฉะนั้น เวลานี้ ไม่ว่าสถานศึกษาไหน เชิญไปบรรยายให้ความรู้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ไม่ว่าใกล้หรือไกล แม่กัล ไปหมด เพราะอยากให้เป็นวิทยาทานกับคนรุ่นหลัง รวมทั้งยินดีเปิดรับผู้สนใจ เข้ามาเรียนรู้การทำละครวิทยุโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แถมหากคนไหนฝึกแล้วมีแวว ก็อาจมีค่าขนมให้ด้วย เพราะ ป้ากัล ไม่เคยใช้ใครฟรีๆ ตอนนี้ ห่วงอย่างเดียวว่า หากไม่มีป้ากัลแล้ว ละครวิทยุยังจะมีอยู่ในเมืองไทยอีกหรือไม่"

"และสำหรับเด็กๆ ที่อยากมาฝึกกับทางคณะเกศทิพย์ นั้น สิ่งสำคัญแรกที่ควรจะต้องเตรียมความพร้อมมาก่อนเลย คือ ต้องอ่านหนังสือให้คล่องก่อน เพราะแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า เด็กสมัยนี้ บางคนอยู่ ม.6 ยังอ่านหนังสือไม่คล่องเลย สู้คนโบราณสมัยก่อน ที่จบแค่ ป.4 ยังสามารถอ่านหนังสือได้คล่องแคล่วถูกอักขระมากกว่าเสียอีก" บรมครูแห่งวงการละครวิทยุ ถอนหายใจส่งท้ายคำบอกเล่า

ยืนหยัด เป็นหนึ่งเดียวในวงการ เกือบ 50 ปี อะไรคือเสน่ห์ของคณะเกศทิพย์…..    

เสน่ห์คณะเกศทิพย์ บทดี ซาวนด์แอฟเฟกต์ได้ นักแสดงเก่ง จนทำให้คนฟังมองเห็นภาพ มีจินตนาการไปกับเรา เพราะเราไม่ใช่เล่นเหมือนอ่านหนังสือ ละครวิทยุจะดีได้ ต้องมีรสชาติในการฟัง ฟังแล้วต้องสนุก และที่สำคัญแม่กัล ไม่เคยดูถูกคนฟัง เพราะฉะนั้น บทละครแทบทุกบท จะลงไปกลั่นกรองคุณภาพด้วยตัวเอง หากเล่นไปแล้วอัดไปแล้ว มารื้อทีหลังพบว่า บทละครผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริง เช่น ผิดประวัติศาสตร์ จะสั่งรื้อทั้งหมดด้วยตัวเองก็มี แม้จะอัดเสียงไปแล้วก็ตาม น้ำเสียงแห่งความภาคภูมิอัดแน่นในทุกคำพูด ที่แม่กัล คุยกับนายฮกหลง ในคำถามนี้

ขอสู้ยิบตา ให้ละครวิทยุ อยู่ต่อคู่สยามประเทศให้จงได้