แม้ล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว แต่อมตะธรรมยังคงอยู่ วันที่ 5 มีนาคม สาธุชนต่างพากันหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ ทุกภูมิภาค เพื่อมุ่งสู่จุดหมายเดียวกันคือ วัดป่าบ้านตาด จนกลายเป็นกระแสธารมนุษย์ สุดคณานับที่ประกอบด้วยพระเถรานุเถระ สมณะชีพราหมณ์ ขุนนางอำมาตย์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พ่อค้าประชาชน แม้กระทั่งผู้มีร่างกายทุพพลภาพ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาในธรรมะ ที่ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือยากดีมีจน ก็มีสิทธิที่จะเข้าถึงธรรมโดยเท่าเทียมกัน การหลั่งไหลมารวมกันของเหล่าสานุศิษย์ในครั้งนี้จึงไม่ต่างจากหยดน้ำเล็กๆ ที่ไหลมาบรรจบกันเป็นสายธารธรรมอันยิ่งใหญ่...มหาสมุทรแห่งศรัทธา "หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน"

นับย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดเกสรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จทอดผ้าไตรพระราชทาน ในงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนนับล้านคน เดินทางมาร่วมพิธีจนแน่นไปทั่วบริเวณงาน ขณะที่สถานที่จอดรถจำนวนหลายพันไร่ ต่างคราคร่ำไปด้วยรถยนต์จากทั่วสารทิศ ทำให้บรรยากาศการเดินทางกลับในเส้นทางต่างๆ เพื่อออกจากวัดป่าบ้านตาดค่อนข้างติดขัด

...

ส่วนสาเหตุแห่งการละสังขารลงอย่างสงบเมื่อเวลา 03.53 น. วันที่ 30 ม.ค.54 นั้นมาจากอาการอาพาธลำไส้อุดตันและปอดติดเชื้อ มานานกว่า 6 เดือน รวมสิริอายุหลวงตา 97 ปี 5 เดือน 18 วัน 77 พรรษา ซึ่งบรรยากาศภายในวัดเต็มไปด้วยความเศร้าสลด แม้บรรดาญาติโยมจะเข้าใจดีว่า การละสังขารของหลวงตามหาบัวครั้งนี้ เป็นเรื่องธรรมชาติของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แต่ส่วนใหญ่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และเป็นแม่ทัพธรรมของเหล่าพระกรรมฐาน

...

สำหรับอัฐิอังคารของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ภายหลังเพลิงมอดสนิท ทางคณะสงฆ์จะจัดเก็บอัฐิอังคารขององค์หลวงตาทันที โดยจะนำไปบรรจุในหีบเหล็กแล้วล็อกด้วยกุญแจ 8 ดอก ซึ่งการจัดแบ่งอัฐิอังคารหลวงตาจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือการคัดสรรอัฐิอังคารขององค์หลวงตาส่วนที่สมบูรณ์และสวยที่สุดบรรจุไว้ในผอบทองคำหนัก 1 กิโลกรัม เพื่อเตรียมไว้บรรจุในเจดีย์ที่อาจจะมีการจัดสร้างขึ้นในอนาคต ให้ญาติธรรมประชาชนได้กราบสักการะรำลึกถึงพระคุณขององค์หลวงตา ซึ่งผอบที่ทำด้วยทองคำดังกล่าวทางลูกศิษย์ลูกหาขององค์หลวงตาเป็นผู้จัดทำขึ้นด้วยความศรัทธา อีกส่วนที่เหลือ จะแบ่งมอบให้กับวัดป่าต่างๆ ทั่วประเทศที่พระลูกศิษย์หลวงตาไปปกครอง หรือวัดป่าที่องค์หลวงตามหาบัว เคยไปตั้งกองทุนผ้าป่าทองคำช่วยชาติไว้

...

แม้ละสังขารไปแล้ว หลวงตามหาบัว ยังเป็นห่วงประเทศไทย และเขียน “พินัยกรรม” ทิ้งไว้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. 43 สรุปใจความได้ว่า “ให้นำทองคำที่ได้รับบริจาคไปหลอม ส่วนเงินสดที่ได้รับบริจาคให้นำไปซื้อทองคำ แล้วนำมาหลอมรวม และมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อเป็นทุนสำรองเงินตราของฝ่ายบำบัดธนาคารแห่งประเทศไทย และไม่มีเจตนาให้ใช้ในงานอื่น” โดยตั้ง พระสุดใจ ทันตมโน รองเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เป็นผู้จัดการมรดก

โดยโครงการผ้าป่าช่วยชาติที่หลวงตามหาบัวได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และได้ปิดโครงการลงเมื่อวันที่ 12 เม.ย.2547 ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติโครงการ ได้มีการมอบทองคำแท่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งหมด 15 ครั้ง และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ม.ค.53 รวมเป็นทองคำแท่งทั้งสิ้น 967 แท่ง จำนวน 12,079.8 กิโลกรัม

...

สำหรับประวัติหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าเกสรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี นามเดิมว่า "บัว โลหิตดี" เกิดในครอบครัวชาวนาที่บ้านตาด จ.อุดรธานี เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2456 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 9 ปีฉลู บิดาชื่อนายทองดี โลหิตดี มารดาชื่อนางแพงศรี โลหิตดี มีพี่น้องทั้งหมด 16 คน เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2477 ณ วัดโยธานิมิตร จ.อุดรธานี โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายานามว่า "ญาณสมฺปนฺโน" แปลว่า "ถึงพร้อมแล้วด้วยการหยั่งรู้" ในพรรษาแรกท่านได้ตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ในการทำวัตรเช้า-เย็น รวมทั้งการบิณฑบาต จะไม่ให้มีวันใดขาดเลย และท่านก็ทำได้ตามที่ตั้งคำสัตย์ไว้ ท่านสอบได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ 3 ประโยคในพรรษาที่ 7 ณ วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ และสถานที่แห่งนี้เองเป็นที่แรกที่ท่านได้มีโอกาสพบกับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐาน

ท้ายที่สุด...ถึงวันนี้หลวงตาจะละสังขารไปแล้ว แต่คุณงามความดี สิ่งที่ได้ปฏิบัติไว้ ยังคงอยู่ตลอดไป.