“เราสองคนไม่ได้เลิกกัน เรายังรักกันอยู่ แต่เขาแค่ตาย
แค่นี้เขาเจ็บปวดพอแล้ว และเราในฐานะคู่ชีวิต
จะเห็นแก่ตัวกลัวไม่มีคนดูแล กลัวโดดเดี่ยวตอนแก่
นั่นคือ เราไม่มีคุณค่าพอที่จะเป็นคู่ชีวิตของสามีเรา” พิรชา ช่างสลัก

คนหนึ่งหายใจ อีกคนจากไป...ม่ายสาวหัวใจแกร่ง วัย 31 ปี ภรรยาของนายทหารกล้าผู้พลีชีพจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกที่ จ.พะเยา ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของคนทั้งคู่ ตั้งแต่เด็กที่เรียนโรงเรียนเดียวกันกระทั่งวาระสุดท้ายของสามี ความรักที่ความตายมิอาจพรากไปจากใจของพวกเขาได้ เรื่องราวของสาวสุดห้าวและหนุ่มผู้อบอุ่นจะเป็นอย่างไร โปรดติดตาม...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เดินทางไปสัมภาษณ์ นางพิรชา ช่างสลัก หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ปอหญิง’ ภรรยาสาวหัวใจแกร่งของนักบินหนุ่มหล่อ อบอุ่น พูดน้อย พ.อ.วรพงศ์ ช่างสลัก หรือ ‘ปอชาย’ ถึงถิ่นเมืองละโว้ จ.ลพบุรี ณ ร้าน Pilot Por’s Gallery

...

ย้อนอดีตวัยเด็ก เรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนมัธยมฯ

คำถามแรกที่ทีมข่าวฯ ถามผู้หญิงที่นั่งตรงหน้านั่นคือ ‘ชื่อปอเหมือนกัน พรหมลิขิตหรือเปล่า?’ โดยภรรยานักบินสุดหล่อให้คำตอบแบบติดตลกว่า ‘ไม่ใช่หรอก เพราะว่าชื่อปอมันโหล’ พร้อมกับหัวเราะในคำตอบของตัวเอง

ก่อนที่ปอหญิงจะเริ่มเล่าเรื่องราวย้อนอดีตความรักอันหวานชื่นจนทีมข่าวฯ ต้องอิจฉาว่า ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรียกได้ว่า นอนฉี่ข้างกัน เพราะทั้งคู่เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาล เมื่อเรียนชั้นประถมฯ ด้วยความที่เรียนดีด้วยกันทั้งคู่จึงแข่งขันกันมาโดยตลอด และยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองปอยังเคยตกรถอดกลับบ้าน โดยปอชายตกรถทหาร ส่วนปอหญิงพ่อลืมมารับ ก็เลยต้องเดินกลับบ้านด้วยกัน เพราะไม่มีเงินทั้งคู่ ซึ่งจากเย็นวันนั้นปอหญิงพยายามยิ้มให้ปอชายตลอด แต่ปอชายกลับทำหน้านิ่งอารมณ์เดียวเสียอย่างนั้น และพอขึ้น ม.5 ปอชายได้สอบติดโรงเรียนเตรียมทหาร และได้แยกย้ายกันไปเรียนที่อื่น หลังจากนั้น เมื่อเรียนจบต่างคนก็ต่างไปทำงานตามสายงานที่เรียนมา

“รู้สึกเป็นผู้หญิงที่มีค่า” ตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน

กระทั่ง พรหมลิขิตขีดทางให้มาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2553 ผ่านทางเฟซบุ๊ก และเป็นปอหญิงคนเดิมที่ยังจดจำปอชายได้ เธอดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า จึงเข้าไปโพสต์หน้าเฟซบุ๊กของปอชายว่า ‘โรงเรียนเดียวกัน จำได้ไหม’ ผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ ปอชายเข้าไปตอบโพสต์สั้นๆ ตามประสาผู้ชายพูดน้อยว่า ‘อ๋อ จำได้แล้ว’ หลังจากนั้น ปอชายก็ได้เริ่มสานความสัมพันธ์กับปอหญิง โดยทักแชตไปหาบ่อยๆ และได้คุยกันมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

...

ปอหญิง เล่าต่อว่า ปอชายเป็นคนที่ละเอียดอ่อนในเรื่องความรักมาก ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันตอนโต ปอชายเริ่มเขียนไดอารี่ทุกวัน เขียนแม้กระทั่งว่า ปอหญิงใส่เสื้อสีอะไร กินอะไร และได้มีช่วงห่างกันไป 8 เดือน เนื่องจากปอหญิงยังไม่สามารถตัดขาดกับคนรักเก่าได้ แม้จะเจอกับความไม่ซื่อสัตย์แต่ก็ยังมีความผูกพันที่คบกันมานาน ปอหญิงโลเลกลัวทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียใจ เลยกลายเป็นว่ารู้สึกผิดกับทั้งสองฝ่าย จึงตัดสินใจเลิกทั้งคู่ ซึ่งปอชายได้เขียนไดอารี่ บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกทรมาน และเข้าใจว่าที่ปอหญิงไม่เดินหน้าในความสัมพันธ์ต่อกับปอชายนั้น เป็นเพราะว่าปอหญิงกลับไปคบกับคนเก่า และปอชายเพิ่งมารู้จากเพื่อนสนิทปอหญิงว่า ตลอดเวลา 8 เดือนเธอไม่ได้กลับไปคบกับแฟนเก่า และเธอก็ไม่มีแฟนด้วย ปอชายจึงรีบต่อสายหาปอหญิงทันที

...

“เขาโทรมาเรารีบรับสาย​โดยไม่ต้องเก๊กหรือวางฟอร์มเลย เพราะมันเป็นความคิดถึงที่สุด และดีใจที่สุดที่เขาติดต่อกลับมา เขาก็ชวนไปเที่ยวเมืองโบราณที่สมุทรปราการ หลังจากไปเที่ยวเสร็จปอชายก็ขอเป็นแฟน และนับตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมาที่ตัดสินใจเป็นคนรักกัน ไม่เคยมีเรื่องเสียใจในความสัมพันธ์เลย และมีความรู้สึกว่า ตลอดเวลาที่อยู่ข้างๆ กัน ปอชายมีแต่ความภูมิใจ เขาพยายามจะบอกกับทุกคนว่าเราเป็นแฟนของเขา ไปไหนมาไหนจะจับมือโอบกอด ซึ่งเมื่อได้อยู่กับเขาเรารู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงที่มีค่ามาก นั่นคือ สิ่งที่ปอชายให้เกียรติเราตลอดเวลาที่คบกัน ภรรยานักบินหนุ่ม เล่าจากความรู้สึก

ตัวห่างไกล แต่ใจไม่เคยห่าง...รักแล้วต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น!

วันที่ปอชายเรียนจบศิษย์การบินช่วงปลายปี 54 เขาจะต้องลงไปอยู่ปัตตานี 6 เดือน แน่นอนว่าชีวิตนักบินเท้าไม่ได้เหยียบพื้นดิน ย่อมต้องเสี่ยงชีวิตอยู่เสมอ ปอหญิงเป็นกังวลอย่างมาก ร้องไห้ทุกครั้งที่แฟนหนุ่มขึ้นบิน แต่ปอชายจะพยายามติดต่อทุกช่องทางที่สามารถสื่อสารกับภรรยาได้ โดยในแต่ละวันเขาจะโทรหาปอหญิงมากกว่า 10 สาย ขณะที่ ปอหญิงไม่ได้รู้สึกรำคาญแต่กลับชอบมากกว่า และในช่วงที่กลับมาพักที่บ้าน 10 วัน จะเป็นการให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ไม่เสียเวลาในการทะเลาะเบาะแว้ง

...

และหากเป็นคู่รักอื่นคงมีปัญหาทั้งความห่างไกล การเสี่ยงอันตรายจนเป็นอันต้องโบกมือลาจาก เพราะกลัวตัวเองจะอยู่ไม่ได้หากเสียคนรักไป แต่เพราะเหตุใดปอหญิงถึงเลือกที่จะอยู่กับผู้ชายคนนี้? ภรรยานักบินหนุ่มตอบกลับมาว่า “ทำอย่างไรได้ก็รักเขาไปแล้ว เราต้องยอมรับให้ได้เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เขารัก และได้เห็นความมุ่งมั่นตั้งแต่สอบเป็นนักบิน เรายอมรับและรักในสิ่งที่เขาเป็นมาเสมอ ส่วนปอชาย เขาก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเลือกเป็นเช่นเดียวกัน ดังนั้น ถ้ารักเขา เราต้องรักทุกสิ่งที่เป็นเขา ไม่ใช่แค่บางส่วนของเขา รักก็คือรัก ตัวเราก็ได้แต่บอกเขาทุกครั้งว่า ให้ถนอมดูแลตัวเองดีๆ เพราะเขาคือหัวใจของเรา”

เมื่อถามถึงเรื่องการทะเลาะกัน ปอหญิงคิดอยู่นานก่อนตอบว่า “ปกติไม่ค่อยทะเลาะกัน เรื่องทะเลาะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดถึงขนาดที่ปอชายอัดคลิปวิดีโอเพลงลูกอมง้อเป็นตอนที่ปอชายอยู่ปัตตานี และเรากำลังทำงานเป็นนิติกรอยู่ในศาลกำลังฟ้องคดีกัน ปอชายโทรมา 3 สาย เราตัดสายทิ้งไม่แม้แต่จะรับแล้วบอกว่าแป๊บหนึ่งนะ พอเสร็จงานก็โทรกลับไป ปอชายเขาพูดด้วยอารมณ์น้อยใจว่า ‘ถ้าการที่เราโทรหาตัวเองแล้วมันทำให้ตัวเองรำคาญขนาดนั้น ต่อไปนี้เราจะไม่โทรแล้ว’ เราก็ร้องไห้ใส่ปอชายยกใหญ่ว่า ตัวเองรู้ไหมว่าเราเหนื่อยแค่ไหนอยู่ในศาลเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา โกรธปอชายติดต่อไม่ได้ครึ่งวันเท่านั้นแหละ คือ เราทั้งคู่ต่างเคยเจ็บปวดกันมา และเราจะไม่ทำให้กันเจ็บปวด มันคือการเดินหน้าเพื่อสร้างครอบครัวจริงๆ”

มุมมองความรักของหญิงที่ชื่อ ‘พิรชา ช่างสลัก’

ปอหญิง ให้มุมมองความรักว่า เป็นการดูแลเอาใจใส่ ให้ความรักให้ความอบอุ่น ซึ่งบางครั้งความอบอุ่นนั้น ไม่ใช่ว่าจะรู้สึกได้กับทุกคน และเมื่อได้คบใครจะไม่มีการเผื่อเลือก แต่คือการคบเพื่อที่จะมีครอบครัวว่าคนนี้เป็นชอยส์เดียวเท่านั้น หากมีปัญหาอะไรต้องช่วยกันแก้ไข รวมทั้งไม่มีทางที่จะปล่อยมือกันกลางทางเด็ดขาด ต้องประคับประคองและไปเผชิญหน้าสู้ด้วยกัน เพราะความรักที่มีปัญหาก็เหมือนกับของชิ้นหนึ่งที่พัง ความรักคนสมัยนี้เขาจะทิ้งและซื้อของใหม่ ขณะที่ ปอหญิงปอชายจะเก็บของชิ้นนั้นมาซ่อมและใช้ของนั้นแหละ เพียงเพราะว่ามันมีแค่ชิ้นเดียว

“อยากเจอรักแท้ก็ต้องเป็นรักแท้ให้ใครสักคนก่อน จึงจะควรค่าแก่การได้รักแท้ แต่ถ้าคนๆ นั้น เขาไม่ใช่รักแท้ ก็แสดงว่าเขาไม่คู่ควรกับเรา” พิรชา ช่างสลัก

คำมั่นสัญญา ‘ไม่ทิ้งกัน’ จะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์

ทีมข่าวฯ ตั้งคำถามต่อหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าว่า ตอนที่ปอชายยังมีชีวิตอยู่ เคยคุยกันไหมว่าหากใครคนใดจากไปก่อนจะทำอย่างไร? ภรรยานักบินหนุ่ม ให้คำตอบว่า ปอชายเป็นคนที่ห่วงปอหญิงมาก และเธอเคยขอคำสัญญาจากแฟนหนุ่มหลังคืนวันแต่งงานว่า เรื่องผู้หญิงไม่ขอ แต่ขอว่าอย่าตายก่อน เพราะเธอคงอยู่ไม่ได้และคงต้องทรมานอย่างแสนสาหัส ซึ่งแฟนหนุ่มได้ให้คำมั่นสัญญากับเธอว่าจะไม่ทิ้งกัน และเธอยังเชื่อว่าลมหายใจสุดท้ายของเธอจะได้เจอกับเขา ผู้ชายที่รักสุดหัวใจอย่างแน่นอน

“ถ้าวันนี้เราเป็นฝ่ายที่ต้องจากไปก่อน คิดว่าเขาต้องเสียใจมากเช่นกัน แต่คงแสดงออกแตกต่างกันไป เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด อาจจะไม่รู้ว่าจะคุยกับใครดี บางทีเราก็คิดว่า คู่ของเราอาจจะถูกเลือกแล้วว่า เราแข็งแกร่งพอที่จะทำอะไรต่อไปได้ เราถึงต้องเป็นคนที่ไปทีหลัง นี่คือสิ่งที่พยายามคิดบวกกับตัวเองตลอดว่าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร หากฆ่าตัวตายตาม มันคงเป็นการตายที่ไร้ค่าเกินไป เพราะสามีเราตายอย่างมีเกียรติ ดังนั้น เราต้องสู้ให้ถึงที่สุดก่อน” ภรรยาผู้เข้มแข็ง กล่าว

ร้อยเรียงความทรงจำผ่านตัวอักษร สุดแสนเจ็บปวด!

หากติดตามเฟซบุ๊ก Pilot Por Story จะเห็นได้ว่าปอหญิงพยายามอัพเดตเรื่องราวชีวิตคู่ของเธอและสามีแทบทุกวัน และการที่จะถ่ายทอดภาพในความทรงจำย่อมเจ็บปวดเสมอ ภรรยานักบินหนุ่ม เล่าถึงเรื่องนี้ว่า “การที่เราเล่านั้นมันเจ็บปวดมาก แต่มองว่าสิ่งที่เล่ามันมีประโยชน์มากกว่ากับคนอื่น แม้ว่าความรักของเรามันเจ็บปวดแสนสาหัส และได้เดินทางมาจนถึงปลายทางชีวิตคู่แล้ว นั่นคือการตายจากกัน เพราะฉะนั้นคนเราถ้าจะอยู่อย่างมีคุณค่า ก็ต้องอยู่เพื่อมีประโยชน์แก่คนอื่น

และหวังว่ามันจะส่งผลให้คู่รักที่ยังมีลมหายใจ ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างเต็มที่ ได้หวงแหนเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ได้ทะนุถนอมความรู้สึกกันมากขึ้น เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องจากกันเมื่อไหร่ ความตายนั้นไม่มีระยะเวลาบอกที่แน่นอน และเราถือว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้น จะส่งบุญกุศลให้กับปอชายให้ในภพชาติหน้าของเราได้เจอกันและได้รักกันอีก เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ประมาทนี้ขึ้น”

เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เราไม่ได้เลิกกัน เขาแค่ตาย

สำหรับคู่สามี-ภรรยา ต่างก็มีชีวิตความรักที่แตกต่างกันออกไป ส่วนคู่ของสองปอนั้น ปอชายไม่เคยทำให้ปอหญิงต้องผิดหวัง ไม่เคยทุบตี หรือมีผู้หญิงคนอื่น ปอหญิงจึงเลือกที่จะมีชีวิตอยู่กับความทรงจำดีๆ ที่เขาเคยมอบให้ไปจนตาย และพร้อมจะใช้ชีวิตทั้งหมด พิสูจน์ว่ารักเขาแค่ไหน

ปอหญิง ยังบอกอีกว่า แกลเลอรี่แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อประกาศว่า ‘หากไม่ใช่ปอชาย ปอหญิงคนนี้ไม่ต้องการให้ใครมาดูแลอีก’ และเมื่อเดินเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความรักของสามีและรู้สึกปลอดภัย พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอต้องการมีชีวิตอยู่กับความทรงจำของสามี แม้ว่าการมีคนใหม่ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ปอหญิงไม่สามารถทำได้ เพราะสามีเธอไม่ได้ทำผิดอะไร เขาแค่เสียชีวิตในหน้าที่เท่านั้นเอง

ทีมข่าวฯ ถามต่อว่า อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เธอมั่นคงในความรักต่อปอชายนับตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีที่เขาไม่อยู่ ภรรยานักบินหนุ่ม ตอบจากหัวใจว่า “ปอชายเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เราไม่ได้เลิกกัน เขาแค่ตาย ถ้าเขาเลือกได้เขาก็อยากนอนกอดเราทุกวัน แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นคนเลือก แค่เขาตายและไม่สามารถสัมผัสหรือโอบกอดเราได้ เขาทุกข์ทรมานมากอยู่แล้ว และเราในฐานะคู่ชีวิต จะเห็นแก่ตัว กลัวว่าตัวเองจะไม่มีคนดูแล กลัวว่าจะต้องเจ็บปวด แก่ตัวไปจะต้องโดดเดี่ยว นั่นคือ เราไม่มีคุณค่าพอที่จะเป็นคู่ชีวิตของสามีเราแล้ว”

ถ้าเราตายคงไม่อาจอยู่ไกลจากเขา เขาก็เช่นเดียวกัน

ความเชื่อของคนพุทธนั้นบอกให้ปล่อยวาง อย่ารั้งดวงวิญญาณ เธอจึงต้องหนีออกมาเพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ภรรยานักบินหนุ่ม อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า เธอไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เธอทำนั้นจะทำให้ปอชายเป็นห่วง แต่คิดว่าควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคู่ชีวิตอื่นๆ ที่ยังคงมีลมหายใจว่า ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันควรจะทะนุถนอมความสัมพันธ์ไว้ วันหนึ่งความตายมาถึงทุกคู่แน่นอน ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย และเมื่อวันนั้นมาถึงจะไม่มีอะไรให้แก้ตัวต่อกันเลย เพราะได้ทำถึงที่สุดแล้วในความสัมพันธ์

“ในความสัมพันธ์ของคู่รักอยากจะทำอะไรก็ทำ เข้าใจว่าคนที่สูญเสียคนรักอยากทำแบบเรา ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิด ความรู้สึกยังคงอยู่ในใจเสมอ และรู้ว่าเราเท่านั้นที่เข้าใจสามีที่สุด ถ้าวันนี้คนที่ไปก่อนปอชายคือเรา ถามว่าเราจะอยู่ไกลจากเขาหรือไม่นั้น ถ้าตอบว่าไม่ เราก็เชื่อว่าเขาก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน ปอชายยังคงอยู่กับเราทุกลมหายใจ และตลอดเวลา เรายังรู้สึกว่าเขาอยู่กับเราเสมอ...”