อวสานพรานป่า และนักตัดไม้กฤษณา ผู้ต้องหาฆ่า หน.พิพักษ์ภูเขียว ชุดสืบสวนภาค 3 ตามไปเจอในป่าสวนสนบ้านแปก อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ จะยิงใส่เลยถูกวิสามัญฯ ตายคาที่ แพทย์ อัยการ เข้าไปชันสูตรศพเดินหลงป่า ฝ่าอากาศหนาวทั้งคืน...
เมื่อวันที่ 28 ม.ค.59 พ.ต.ท.ศุภชัย ปักโคทานัง สว.สส. 2 บก.สส.ภ.3 หัวหน้าชุดติดตามจับกุมคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงหัวหน้าชุดพนักงานพิทักษ์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) เสียชีวิตเมื่อเดือน ต.ค. 58 เปิดเผยว่า ได้ให้ชุดสืบสวนภาค 3 ออกติดตามแกะรอยผู้ต้องหา ชื่อ นายบุญเล็ง สายทองคู่ หรือ ทอง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 หมู่ 7 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ อย่างต่อเนื่อง จนทราบว่า นายบุญเล็ง กบดานอยู่บริเวณป่าสวนสนบ้านแปก หมู่ 7 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ มีภรรยาและลูกสมุนคอยส่งเสบียงให้สม่ำเสมอ และยังคงแอบลักลอบตัดไม้กฤษณาออกจากป่ามาขายอย่างต่อเนื่อง จึงวางแผนเพื่อติดตามจับกุมตัวในช่วงเช้ามืดของวันที่ 27 ม.ค.
ทั้งนี้ ชุดจับกุมประกอบด้วย ร.ต.ท.สมพร ทองประดับ ร.ต.ท.ปรีชา ใจใหญ รองสว.กก.สส.2 บก.สส.ภ.3 ด.ต.คณาธิป นิติพูน ผบ.หมู่ และ นายศุภกฤต สีชมพู นายอนิรุต วรรณวินัย พนง.พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เดินเท้าเข้าป่าสวนสนบ้านแปก ระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้านานกว่า 5 ชั่วโมง
...
กระทั่งถึงบริเวณกลางป่าลึกจึงวางกำลังดักซุ่มเฝ้ารอเส้นทางที่คาดว่านายบุญเล็งจะเดินผ่าน จนเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน พบ นายบุญเล็ง พร้อมภรรยาชื่อ นางอรณัฐ แก่นโท อายุ 39 ปี กับลูกน้องเป็นชายไม่ทราบชื่ออีก 2 คน แบกกระสอบบรรจุไม้กฤษณาพร้อมสัมภาระเครื่องใช้ โดยนายบุญเล็งได้สะพายปืนแก็ปยาว 1 กระบอก ลักษณะเตรียมพร้อมระวังตัวตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงตัวพร้อมตะโกนเรียกชื่อ นายบุญเล็ง แต่ทันใดนั้นนายบุญเล็งซึ่งกำลังถือปืนได้หันมาทางเจ้าหน้าที่พร้อมยกปืนขึ้นเตรียมจะยิงใส่ เแต่ก็ช้ากว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าระวังอยู่ก่อนแล้ว ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงสวนใส่นายบุญเล็งที่กลางหน้าอก 1 นัด กระสุนเจาะร่างพรุน 21 รู ล้มคว่ำขาดใจตายคาที่ ส่วนลูกน้องคู่ใจ 2 คน วิ่งหลบหนีทิ้งสัมภาระหายเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ นางอรณัฐ ภรรยายืนตัวสั่นร้องไห้ และยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่แต่โดยดี
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืนแก็ป 1 กระบอก ปืนสั้นไทยประดิษฐ์ขนาด .38 แบบบรรจุกระสุน 1 นัด มีดพร้า 1 เล่ม กระสอบบรรจุไม้กฤษณาน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม ซึ่งมีมูลค่ากิโลกรัมละ 10,000 บาท หากนำไม้กฤษณาชุดนี้ออกขายได้ คาดว่ามีมูลค่ากว่า 200,000 บาท พร้อมสัมภาระเครื่องใช้ ยากันยุง ยารักษาโรค อาหารแห้ง และเสื้อผ้าอีก 1 กระสอบปุ๋ย
ต่อมาเวลา 20.30 น. ทีมชันสูตรพลิกศพ ตามกฎหมายว่าด้วยการวิสามัญฆาตกรรมของเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย นายสืบพงศ์ โอภาพงพันธ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดหล่มสัก แพทย์หญิงกมลชนก เผ่าประพัฒน์ โรงพยาบาลหล่มสัก พ.ต.ท.สมศักดิ์ นากอ้น ผกก.สภ.บ้านกลาง พ.ต.ท.สมศักดิ์ สาคร พนักงานสอบสวน สภ.บ้านกลาง และปลัดอำเภอหล่มสัก และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสนธิกำลังประมาณ 100 นาย เดินเท้าเข้าไปตรวจชันสูตรศพในที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะทางเดินเท้าเข้าป่านานกว่า 5 ชั่วโมง อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 5 องศาฯ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเมื่อเดินทางมาชันสูตรศพนายบุญเล็งในที่เกิดเหตุแล้วจึงเดินเท้ากลับออกมา แต่เส้นทางที่ลำบากและมืดสนิท ทำให้คณะของอัยการ แพทย์ ทีมกู้ภัยที่แบกศพนายบุญเล็งออกมาจากที่เกิดเหตุได้ขาดช่วงในการเดินเท้า ไม่สามารถเดินทันต้นแถว พลัดหลงอยู่ในป่าลึกนานตลอดคืน
จนกระทั่งรุ่งเช้า ทีมเจ้าหน้าที่ป่าไม้อีกชุดได้เดินเท้าเข้าไปติดตาม กระทั่งสามารถพบคณะที่หลงป่าในสภาพที่อิดโรย เนื่องจากเดินเท้าตลอดทั้งคืน ไม่ได้ดื่มน้ำและกินอาหาร ก่อนจะนำทางออกมาได้ในช่วงสายเวลา 10.30 น. ของวันที่ 28 ม.ค. อย่างปลอดภัย ท่ามกลางความโล่งอกของคณะที่รออยู่ด้านนอก.