ช่วงเปลี่ยนผ่าน 2 ปีอนุโลม ว17-ว13 ไม่ระบุเรื่องหนี้แต่ใช้เป็นเงื่อนไข
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตาม ข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement) หรือ PA ว่า ขณะนี้รูปแบบและรายละเอียดของหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในทุกวิทยฐานะ ที่ต้องมีการทำข้อตกลงในการพัฒนางานค่อนข้างลงตัวแล้ว เบื้องต้นจะแบ่ง PA เป็น 2 ส่วน คือ การปฏิบัติหน้าที่ตามปกติที่กำหนดให้ครูทุกคนต้องทำ โดยครูต้องทำข้อตกลงพัฒนางานกับ ผอ.โรงเรียน อาทิ การเขียนแผนปฏิบัติการสอน จัดทำสื่อการสอน ดูแลเด็กในห้องเรียนไม่น้อยกว่ากี่ชั่วโมง และการพัฒนาเข้าสู่วิทยฐานะเบื้องต้น ซึ่งอยู่ระหว่างหารือรายละเอียดว่าต้องมีแผนและเป้าหมายอย่างไร ซึ่งเป้าหมายจะแตกต่างกันไปตามระดับของการขอมี หรือเลื่อนวิทยฐานะ ยิ่งสูงก็จะยิ่งยากขึ้นตามลำดับ แต่จะมีคู่มือให้ทั้งส่วนการปฏิบัติหน้าที่ปกติและส่วนการพัฒนางาน
ปลัด ศธ.กล่าวอีกว่า การกลั่นกรองการประเมินผู้ขอมีหรือขอเลื่อนวิทยฐานะนั้น ที่ประชุมเสนอว่า จะพิจารณาจากหลักฐานข้อมูลที่ตรวจสอบได้ชัดเจน ลดการใช้ดุลพินิจส่วนต่างๆลง ส่วนที่จะระบุเพิ่มในคุณสมบัติของผู้ขอมีหรือขอเลื่อนวิทยฐานะว่าต้องไม่ค้างชำระหนี้จนถึงขั้นถูกยื่นโนติสในวันที่ขอมีหรือขอเลื่อนวิทยฐานะนั้น ที่ประชุมเห็นว่าจะไม่ กำหนดเรื่องดังกล่าวในคุณสมับติ แต่จะระบุว่าผู้ยื่นต้องมีความประพฤติดี ไม่กระทำผิดวินัยจรรยาบรรณวิชาชีพ หากพบว่าถูกฟ้องร้องหรือดำเนินคดีเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินก็อาจจะเป็นเงื่อนไขที่จะใช้ดุลพินิจว่าจะพิจารณาเลื่อนวิทยฐานะให้หรือไม่ คาดว่าจะเสนอบอร์ด ก.ค.ศ. พิจารณาวันที่ 27 ม.ค.นี้ เพื่อจะเริ่มใช้ทันทีปีการศึกษา 2559 อย่างไรก็ตาม ช่วงเปลี่ยนผ่าน 2 ปี จะอนุโลมให้ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ว13/2556 และหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ว17/2552 ไปพลางก่อน.
...