จับมือยุติความบาดหมาง! ดีเจเก่ง-หนุ่มยาริสแดง จบด้วยดี กล้องวงจรปิดพบผิด 2 ฝ่าย คู่กรณียอมรับลงไปตบกระจกรถก่อนจริง ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งคู่ ด้าน ดีเจเก่ง ยอมรับเคยเกิดเหตุการณ์เฉี่ยวชนหลายครั้งจริง สัญญาจะไม่ใจร้อนตอนขับรถ...

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สน.ดินแดง นายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ อายุ 35 ปี หรือ ดีเจเก่ง ดีเจคลื่นวิทยุสวีทเอฟเอ็ม 89.5 เมกะเฮิรตซ์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เอนก ไพรศรี ผกก.สน.ดินแดง และ พ.ต.อ.สมคิด สมบูรณ์ พงส.ผทค.สน.ดินแดง และ ร.ต.ท.สุภกร แสงจันทร์ พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อมาให้ปากคำเพิ่มเติมภายหลังก่อเหตุขับรถกระบะส่วนตัวยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌล 9645 กรุงเทพมหานคร ถอยหลังชนรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีแดง หมายเลขทะเบียน กษ 8399 ขอนแก่น จุดเกิดเหตุในท้องที่ สน.ดินแดง

ต่อมา นายกวินกาญจน์ ศรีฤาชา อายุ 32 ปี คู่กรณี ได้เดินทางมาเพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม และรอดูกล้องวงจรปิด พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า วันเกิดเหตุประมาณ 10.00 น. ขับรถมาอยู่ในเลน เตรียมเลี้ยวเข้าถนนมิตรไมตรี ซึ่งเป็นจังหวะที่รถของ นายภัทรศักดิ์ ขับปาดเข้ามาด้านหน้าโดยไม่เปิดสัญญาณไฟขอทาง ตนเองก็ยอม

"แต่จังหวะที่ขับตามกันมา รถของผมหลุดออกจากเลนเลี้ยวเข้าถนนมิตรไมตรี จึงเปิดสัญญาณไฟเพื่อกลับเข้ามาเลนเดิม ซึ่งรถของผมไปประชิดกับรถของดีเจเก่ง ทำให้เขาไม่พอใจ ชูนิ้วกลางให้ ด้วยความโกรธ ผมจึงลงจากรถไปเคาะกระจกรถเขาอย่างแรง 1 ครั้ง และเดินกลับมาขึ้นรถ จากนั้นดีเจเก่ง ก็ขยับรถเดินหน้า และถอยหลังมาชน 2 ครั้ง อย่างที่ปรากฏในคลิป" นายกวินกาญจน์ กล่าว 

นายกวินกาญจน์ กล่าวต่อว่า หลังจากถูกชนตนจึงลงจากรถ ตั้งใจจะคุยกับ นายภัทรศักดิ์ เพื่อขอเคลียร์ และให้ชดใช้ค่าเสียหาย แต่ นายภัทรศักดิ์ ลงจากรถพร้อมถือประแจ พูดจาไม่ดีใส่ตน แต่ตนก็ยอมรับว่าตัวเองก็มีส่วนผิดด้วยที่มีอารมณ์โมโห เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องบานปลาย ทั้งนี้ อยากให้เรื่องจบลง ขอเพียงให้ นายภัทรศักดิ์ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถเท่านั้น

...

ในเวลาต่อมา พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 เดินทางเข้าร่วมสอบคำให้การบุคคลทั้งสอง โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ภายหลัง พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณดังกล่าว ด้วยพยานหลักฐานจากภาพวงจรปิด ทำให้ตำรวจแจ้งข้อหากับทั้ง 2 ฝ่าย

"นายกวินกาญจน์ มีความผิดข้อหาแซงในที่คับขัน มีอัตราโทษปรับตั้งแต่ 400 ถึง 1,000 บาท ซึ่งนายกวินกาญจน์ ยอมให้ปรับในอัตราโทษสูงสุด คือ 1,000 บาท ส่วน นายภัทรศักดิ์ ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาพยายามทำร้ายร่างกาย อันเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายทางร่างกายและจิตใจ อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ กล่าว

พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อหาพยายามฆ่านั้น จากการสอบปากคำผู้ชำนาญการ ให้การว่า ชนในลักษณะนี้ไม่สามารถทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต เพราะแรงส่งไม่เพียงพอจะทำให้ถุงลมนิรภัยทำงาน จึงดำเนินคดีเรื่องพยายามฆ่าไม่ได้ ขณะที่ ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ นายกวินกาญจน์ เป็นเจ้าทุกข์ ไม่เอาความ แต่ นายภัทรศักดิ์ ต้องถูกยึดใบขับขี่เป็นเวลา 60 วัน

"ทั้งหมดเป็นเรื่องของการขับรถที่ไม่มีใครยอมใคร ไม่ให้ทางกัน อยากเตือนผู้ขับขี่ที่ใช้ถนน ขอให้มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง อย่าใช้อารมณ์ตัดสิน เพราะหากมีอาวุธจะนำสู่ความสูญเสียมากกว่านี้ได้" พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ กล่าวทิ้งท้าย 

ด้าน นายภัทรศักดิ์ กล่าวว่า ต่อไปตนเองจะพยายามระงับอารมณ์ในขณะขับรถ และระมัดระวังให้มากกว่านี้ พร้อมทั้งขอยอมรับว่า ที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์เฉี่ยวชนกับรถคันอื่นมาแล้วหลายครั้งจริง ตามที่มีภาพปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ แต่ยืนยันว่าขับรถถูกต้องตามกฎหมายทุกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาหลังจบการประชุม นายกวินกาญจน์ และ นายภัทรศักดิ์ ได้จับมือยุติความบาดหมางต่อหน้าตำรวจและสื่อมวลชน ก่อนสรุปสำนวนของทั้งคู่เพื่อส่งฟ้องต่อศาล

...