เรือดำน้ำ รอสตอฟ-ออน-ดอน (ภาพ: AFP)

รัสเซียส่งเรือดำน้ำระบบสเตลธ์ ติดตั้งขีปนาวุธร่อนเข้าสู่พื้นที่ทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว เพื่อร่วมในปฏิบัติการโจมตีกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม ในซีเรีย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัสเซียส่งเรือดำน้ำระบบสเตลธ์ 'รอสตอฟ-ออน-ดอน' ติดตั้ง มิสไซล์ครูส หรือ ขีปนาวุธร่อน แบบนำวิถีพิสัยไกล ไปปรากฏอยู่ในน่านน้ำทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใกล้กับประเทศไซปรัส เมื่อวันอังคาร หลังจากรัสเซียยกระดับการโจมตีกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอซิส ในตะวันออกกลาง

เรือดำน้ำพลังงานดีเซลไฟฟ้า ระดับชั้นกิโล (kilo) ลำนี้ มีน้ำหนัก 4,000 ตัน มีความเร็วในการเคลื่อนที่ใต้น้ำสูงสุด 20 นอต หรือ 37 กม./ชม. สามารถดำน้ำได้ลึกสุด 300 ม. และสามารถอยู่ในทะเลได้นาน 45 วัน จนได้รับฉายาจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่า หลุมดำ (black hole) ขณะที่เรือที่ถูกส่งไปยังเมดิเตอร์เรเนียนติดตั้งจรวดตอร์ปิโดขนาด 533 มม. รวมทั้งขีปนาวุธร่อนชนิดจากน้ำสู่พื้นดินด้วย

ตามการเปิดเผยของสำนักข่าว อินเทอร์แฟ็กซ์ ของรัสเซีย เรือดำน้ำลำนี้ซึ่งรัสเซียอ้างว่าเป็นเรือดำน้ำที่เงียบที่สุดในโลก สังกัดกองเรือรบ 'แคสเปียน ฟลอติลลา' ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน หน่วยเดียวกับเรือรบของรัสเซียที่ยิงมิสไซล์ครูส 18 ลูกจากทะเลแคสเปียน โจมตีกลุ่มไอซิสในซีเรีย เมื่อเดือน พ.ย.

ทั้งนี้ รัสเซียยกระดับการโจมตีกลุ่มไอซิสในซีเรีย หลังจากพวกเขาพบหลักฐานว่า ผู้ก่อการร้ายลอบวางระเบิดเครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน 9268 ของสายการบิน เมโทรเจ็ต จนตกในคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ ทำให้ผู้โดยสาร และลูกเรือเสียชีวิตยกลำ 224 ราย และกลุ่มไอซิสออกมาอ้างตัวผู้อยู่เบื้องหลวงเหตุการณ์นี้ อ้างว่าเอาคืนที่รัสเซียเริ่มการโจมตีทางอากาศในซีเรีย

...

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่า "ภารกิจทางทหารของเราในซีเรียจะไม่เพียงแค่ดำเนินต่อ แต่จะรุนแรงขึ้น จนกระทั่งพวกผู้ก่อการร้ายเข้าใจว่า กรรมสนองนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"