ปภ.นครศรีธรรมราช เผย เมืองคอนฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง คลื่นกัดเซาะชายฝั่ง น้ำป่าไหลหลากพัดรถตกคลอง น้ำไหลท่วมพื้นที่ราบลุ่มต่ำหลายพื้นที่ บ้านเรือน-ถนนตัดขาดเสียหาย โรงเรียนหลายแห่งสั่งปิดจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย...
วันที่ 30 พ.ย.58 นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก ปภ.นครศรีธรรมราช สรุปรายงานสถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ลมกระโชกแรง คลื่นทะเลกัดเซาะชายฝั่งในหลายพื้นที่อำเภอต่างๆ ของ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ดังนี้ คือ อ.ปากพนัง เกิดเหตุคลื่นทะเลซัดฝั่ง ทำให้ถนนทางหลวงเลียบชายทะเล สายปากพนัง-หัวไทร ถูกน้ำกันเซาะเสียหายต้องปิดการจราจร 1 ช่องทาง เป็นระยะทางช่วงละประมาณ 200 เมตร 2 ช่วง และมีบ้านเรือนประชาชน ได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมและคลื่นซัดเสียหาย จำนวน 7 หลัง
ขณะนี้ แขวงทางหลวงนครศรีธรรมราช 1 อยู่ระหว่างทำการซ่อมถนนส่วนที่ชำรุด และจัดกำลังเฝ้าอำนวยความสะดวก 24 ชม. สำหรับบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับผลกระทบ ทางอำเภอปากพนัง อบต.ท่าพญา อบต.ขนาบนาก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกสภาท้องถิ่นในพื้นที่ ได้ติดตามเฝ้าระวังและช่วยเหลือในเบื้องต้นต่อไป
ส่วน อ.สิชล เกิดลมกระโชกแรง ทำให้บ้านทรุดตัว 1 หลัง คือ บ้านเลขที่ 53 หมู่ 1 บ้านขุนจันทร์ ต.เสาเภา อ.สิชล เจ้าของบ้านชื่อนางจุฑาภรณ์ ชัยฤกษ์ อาศัยอยู่ 5 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
นอกจากนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมามีรถกระบะมาสด้า BT50 สีขาว ตอนครึ่ง ทะเบียน ฆว 9245 กทม. ถูกกระแสน้ำซัดตกถนนฝายน้ำล้นคลองส้มโอ พื้นที่ หมู่ 3 บ้านห้วยแก้ว ต.เขาน้อย อ.สิชล ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อเจ้าของรถ คือ นายกมลวร ปุณวิทยโภคิน อายุ 40 ปี ชาว จ.ชุมพร สาเหตุเนื่องจากขับลุยข้ามกระแสน้ำขึ้นไป เพื่อเหมาซื้อทุเรียนทวายจากสวนในพื้นที่ จนถูกน้ำป่าพัดรถยนต์ตกคลอง แต่คนขับและภรรยาหนีออกมาทันเสียก่อน
จากนั้นได้มีหน่วยงานที่เข้าให้การช่วยเหลือได้แก่ กำนัน ต.เขาน้อย อบต.เขาน้อย กำลังทหารกองร้อยฝึกรบพิเศษสิชล สนง.ปภ.นศ.สาขาสิชล ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงซึ่งต้องเดินเท้าเข้าไปช่วยเหลือประมาณ 4 กม. แต่เนื่องจากฝนตกหนัก จึงยุติการช่วยเหลือเมื่อเวลา 21.00 น. โดยในวันนี้ (30 พ.ย.) จะดำเนินการกู้รถต่อไป โดยล่าสุดเช้านี้ น้ำได้ไหลบ่าลงมาท่วมพื้นที่ราบลุ่มด้านล่าง น้ำล้นตลิ่ง น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรหลายครัวเรือนของ ต.เสาเภา ต.เทพราช ต.ทุ่งปรัง ต.ทุ่งใส อยู่ในขณะนี้
...
ขณะที่ อ.นบพิตำ เกิดฝนตกและลมกระโชกแรง ทำให้ต้นสะตอและต้นหมากล้มทับบ้านของ นายอาวุษ ศรีษะแก้ว เลขที่ 92/1 หมู่ 4 ต.นบพิตำ ได้รับความเสียหายบางส่วน เป็นกระเบื้องประมาณ 300 แผ่นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเเละเสียชีวิต ด้าน อบต.นบพิตำ ผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจ สภ.นบพิตำ เข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว ซึ่ง นายก อบต.กรุงชิง แจ้งว่า ฝนตกหนักมีน้ำท่วมเส้นทางหลายแห่ง โดยพื้นที่ หมู่ 8 บ้านทับน้ำเต้า รถไม่สามารถสัญจรเข้าออกในพื้นที่ได้ และมีรถกระบะพลัดตกลงไปในคลอง ซึ่งทาง อบต.ได้ช่วยเหลือลากขึ้นมาจากคลองแล้ว ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ด้าน อ.ท่าศาลา พายุฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ต้นไม้ใหญ่ ริมถนนสายสายใน ตั้งแต่ท่าอากาศยาน-ท่าศาลา บริเวณถนนสายท่าศาลา–บ้านชุมโลง ระหว่างป้ายลิโพ–วัดประดู่หอม พื้นที่ หมู่ 7 ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา ต้นไม้ใหญ่ขนาด 3 คนโอบ หักโค่นปิดทับเส้นทาง ตัดขาดการจราจรไปโดยปริยาย นอกจากนี้บริเวณบ้านถนนใหญ่ หมู่ 2 ต.โพธิ์ทอง ต้นมะพร้าวโค่นล่มทับสายไฟฟ้าแรงสูง ทำให้ไฟฟ้าดับทั้ง ส่วนบ้านเรือนราษฎร ถูกต้นไม้หักโค่นทับได้รับความเสียหายหลายหลัง ล่าสุด เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชาร่วมใจ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ส่งกำลังลงพื้นที่ทำการตัดกระแสไฟฟ้าชั่วคราว พร้อมทำการตัดโค่นต้นไม้ที่ล้มทับสายไฟและบ้าน รวมทั้งที่ล้มขวางถนน จนสามารถเปิดการจราจรได้ในเวลา 22.00 น. คืนเดียวกัน (29 พ.ย.)
สถานการณ์ล่าสุด หลายพื้นที่ฝนหยุดตกแล้ว มีบางพื้นที่ฝนตกเพียงเล็กน้อย แต่ผลจากฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เช้านี้น้ำได้ไหลลงเข้าท่วมบ้านเรือน ถนนหลายสายและโรงเรียนต่างๆ ในเขต อ.นบพิตำ อ.ท่าศาลา อ.พิปูน อ.เมือง อ.พระพรหม อ.สิชล อ.ทุ่งสง อ.ฉวาง อ.ปากพนัง อ.หัวไทร ซึ่งทำให้โรงเรียนหลายแห่งใน จ.นครศรีธรรมราช ต้องปิดโรงเรียน รอจนกว่าน้ำจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติต่อไป
ทั้งนี้ ทางจังหวัด ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานในพื้นที่ เร่งเข้าไปให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนแล้ว ขณะที่ ริมถนนชายทะเลปากพนัง-หัวไทร ยังประสบปัญหากับคลื่นแรงกัดเซาะชายฝั่งตลอดเวลา ทำให้การสัญจรไปมาบนถนนสายดังกล่าว ต้องเพิ่มความระมัดระวังอีกระยะหนึ่ง.