จับได้แล้ว หนุ่มงัดเซฟลักเงินเยนไปกว่า 1.2 ล้านเยน ที่อุบลราชธานี แล้วให้เมียนำแบงก์หมื่นเยนไปแลกที่ธนาคาร สารภาพเป็นพ่อค้าขายของตามตลาดนัด และหางัดบ้านเป็นรายได้เสริม ตามยึดของกลางได้ 9 แสนเยน ซุกไว้ในโรงหล่อเสาเข็ม...
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2558 ที่ บก.ภ.อุบลราชธานี พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ศิริพัฒน์ธนภาค ผบก.ภ.อุบลราชธานี พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ แสงจันทร์ ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี และ พ.ต.อ.อดิเทพ พิชาดุล ผกก.ภส.ภูธรวารินชำราบ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายวิษณุ มากดี อายุ 20 ปี ชาวบ้าน ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี และ น.ส.มินตรา เมฆบุตร อายุ 20 ปี ชาวบ้าน ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์ หรือรับของโจร พร้อมของกลางตู้เซฟ 1 ใบ ธนบัตรต่างประเทศ (ญี่ปุ่น) ราคาฉบับละ 10,000 เยน จำนวน 103 ฉบับ อุปกรณ์การงัดแงะ และรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มีโอ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1กฉ 3490 อุบลราชธานี 1 คัน
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 พ.ย. 58 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วารินชำราบ รับแจ้งจาก นายฉัตรทอง สมอทอง ชาวบ้าน ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ว่า ถูกคนร้ายงัดบ้าน แล้วงัดตู้เซฟขโมยธนบัตรต่างประเทศ (ญี่ปุ่น) ฉบับละ 10,000 เยน จำนวน 123 ฉบับ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 357,600 บาทไป หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามหาข่าว กระทั่งเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน สาขาโนนผึ้ง อ.วารินชำราบ แจ้งว่ามีหญิงต้องสงสัยนำธนบัตรต่างประเทศ (ญี่ปุ่น) ราคาฉบับละ 10,000 เยน มาแลก จึงเข้าตรวจสอบ
...
ที่ธนาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม น.ส.มินตรา เมฆบุตร อายุ 20 ปี พร้อมธนบัตรต่างประเทศ (ญี่ปุ่น) ราคาฉบับละ 10,000 เยน ที่นำมาแลกจำนวน 13 ฉบับ ก่อนสารภาพว่า นายวิษณุ มากดี อายุ 20 ปี สามี ให้ตนมาแลกเงินดังกล่าว ส่วนนายวิษณุหลบหนีไปได้
ต่อมา วันที่ 26 พ.ย. 2558 เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผล จนสามารถจับกุม นายวิษณุ ได้ที่บ้านพักเลขที่ 112 หมู่ 1 บ้านคำนางรวย ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ ส่วนธนบัตรของกลางที่เหลือ นายวิษณุ สารภาพว่านำไปซุกซ่อนไว้ใต้โคนต้นไม้ ภายในซอยโรงหล่อเสาเข็ม ที่บ้านเพียเพ้า ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจยึด ได้ธนบัตรต่างประเทศ (ญี่ปุ่น) ราคาฉบับละ 10,000 เยน อีกจำนวน 90 ฉบับ
สอบสวนเบื้องต้น นายวิษณุ สารภาพว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์ ทั้งในพื้นที่ อ.เมืองอุบลราชธานี และ อ.วารินชำราบ มาแล้วหลายครั้ง เป็นรายได้เสริมจากอาชีพค้าขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด โดยก่อนก่อเหตุได้มาดูลาดเลาอยู่หลายวันแล้ว เห็นว่าช่วงกลางวันบ้านนี้ไม่มีคนอยู่ จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว.