กลายเป็นเรื่องหักมุมตอนจบไปอีกจนได้ กรณีสาวอุดรฯเขียน จม.บอกแม่ว่าถูกจับไปขังไว้ในห้องมืดบนเรือ กลัวถูกส่งไปขายตัว จนผู้การฯต้องสั่งให้ไปนำนายหน้ามาสอบ สุดท้ายโอละพ่อ กลายเป็นเรื่องหลอกพ่อแม่ พบตัวจริงอยู่กับแฟนวอนกลับบ้านเถอะ

กรณีพ่อแม่ชาวอุดรธานี ออกมาร่ำไห้วอนให้ช่วยติดตามหาตัวลูกสาวที่หายไปจากสนามบินดอนเมือง หลังแจ้งความคนหาย และได้รับจดหมายจากลูกสาวขอความช่วยเหลือ ว่าถูกจับตัว กักขังในห้องมืด บนเรือ คาดว่าจะนำไปขายตัวที่ต่างประเทศ จน ผบก.ภ.อุดรธานี ต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตามหาตัวนายหน้าแรงงานเถื่อน พร้อมประสาน ปคม. และดีเอสไอ ช่วยติดตามหาตัวหญิงสาวที่อ้างว่วถูกจับไปขังไว้บนเรือ

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 27 พ.ย.58 พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบกภ.จ.อุดรธานี ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สมโภช ประจิตร รอง ผกก.สส.สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี เชิญตัว น.ส.สุกัญญา งามชมภู อายุ 35 ปี ชาวบ้าน ต.บ้านยวด อ.สร้างคอม จ.อดรธานี ที่ถูกระบุว่าเป็นนายหน้าเถื่อน ที่ชักชวน น.ส.นิภาภรณ์ ยางศรี อายุ 25 ปี เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนหายตัวไป ตามคำบอกเล่าของนางหนูจร ยางศรี อายุ 54 ปี และนายเกษม ยางศรี อายุ 54 ปี แม่และพ่อที่ร่ำไห้วอนสื่อให้ช่วยเหลือลูกสาว นำตัวมาห้องปฏิบัติการกองกำกับการสืบสวน ภ.จ.อุดรธานี โดยมีนางยุทธศาสตร์ ทูลกลาง นักวิชาการแรงงานชำนาญการ ร่วมสอบด้วย ใช้เวลาสอบสวน 1 ชั่วโมง

...

หลังการสอบสวน พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า น.ส.สุกัญญา ให้การว่า ตนไม่ได้เป็นนายหน้าเถื่อน แต่เป็นคนดำเนินการซื้อตั๋วเครื่องบินจากบริษัททัวร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ให้กับ น.ส.นิภาภรณ์ ยางศรี นางบุญค้ำ ชาติโสม และนายชัสชัย ศรีเชียงหวาง เดินทางไปเที่ยวที่เกาหลีใต้ เมื่อถึงเวลาเดินทางปรากฏว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางาน ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ได้เรียกทั้ง 3 คนไปสอบสวน ซึ่งทั้ง 3 ไม่สามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้ จึงถูกกักตัวไว้ ไม่ได้เดินทาง ก่อนที่ทั้ง 3 จะกลับมายังที่พัก และหลังจากนั้นตนก็ไม่ทราบเรื่องราวของทั้ง 3 คนอีกเลย เมื่อตำรวจได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่ไปรษณีย์มาบตาพุด จ.ระยอง มาให้ น.ส.สุกัญญาดู ก็ชี้ว่าคนที่ส่งกล่องพัสดุไปรษณีย์คือ น.ส.นิภาภรณ์ ที่อ้างว่าถูกจับตัวขังในห้องมืดในเรือนั่นเอง

พล.ต.ต.พีระพงษ์ กล่าวอีกว่า หลังจากกองกำกับการสืบสวน ภ.จ.อุดรธานี และ ตำรวจ ปคม.กอง 1 ได้สืบสวนในเรื่องนี้ จนถึงขณะนี้แน่ชัดแล้วว่า น.ส.นิภาภรณ์ ไม่ได้ถูกหลอก หรือกักขัง และได้ปรากฏตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ กับเพื่อนชาย ชื่อนายต้น หรือนายครุฐเทวา แสงสว่าง อายุ 25 ปี ชาว จ.หนองคาย เรื่องราวทั้งหมดจึงเป็นเรื่องความประพฤติส่วนตัว และเป็นเรื่องภายในครอบครัว หนีพ่อ หนีแม่ เพียงแต่การส่งจดหมายมา ข้อความมันเป็นเรื่องคดีอาญา ตำรวจจึงต้องรีบทำงาน เมื่อวานนี้ก็บอกเป็นนัยๆ อยู่แล้ว จากการตั้งข้อสังเกต เรื่องการเขียนจดหมายในห้องมืด แต่ตัวอักษรสวยเหลือเกิน เขียนตัวตรง แต่ตำรวจต้องสนองความรู้สึกของพ่อแม่ และพยายามทำงานพิสูจน์ให้เห็นว่า มีเหตุเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ล่าสุดทราบว่า น.ส.นิภาภรณ์ ไปทำงานที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง

“ขอเรียนผ่านสื่อมวลชนไปยังน้องนิภาภรณ์ ยางศรี ว่ากลับบ้านเถอะ ตำรวจให้อภัย พ่อแม่ให้อภัย การกระทำของหนูยังไม่ผิดอาญาอะไรเลย เพียงแต่หลอกพ่อแม่ เพื่อจะไปเที่ยวพักผ่อน กลับเถอะ คิดถึงหัวอกพ่อแม่ น่าจะคิดได้ อย่าให้พ่อแม่ทุกข์ทรมานใจ คนเราผิดพลาดกันได้ไม่เป็นไร ส่วน น.ส.สุกัญญา เหมือนจะเป็นนายหน้าเถื่อนพาไปทำงานประเทศเกาหลีก็ไม่ใช่ โอละพ่อ กลายเป็นเรื่องการติดต่อที่พักและซื้อตั๋วเครื่องบินเท่านั้น ถือว่าไม่เป็นความผิด” ผบก.ภ.จ.อุดรธานี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ตำรวจกำลังสอบสวน น.ส.สุกัญญา อยู่นั้น พ.ต.ท.สุชัย นันแก้ว สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี ได้รับข้อความทางไลน์จากตำรวจชุดสืบสวนที่ติดต่ออยู่กับ นายครุฐเทวา เพื่อนชายคนสนิทของ น.ส.นิภาภรณ์ ว่า “ฝากบอกแม่นิไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลน้องนิเป็นอย่างดี แล้วจะพานิกลับบ้านไปขอโทษ”.