พ่อชาวมาเลเซียเศร้า รับร่างลูกชายวัย 2 ขวบ ตกซาเล้งช้ำในไส้แตกเสียชีวิต ตั้งศพวัด อ.สะเดา ด้านพี่เลี้ยงยัน ไม่เคยทุบตีทำร้ายเด็ก วอนชาวโซเชียลที่ไม่รู้จริงหยุดประณาม ย้ำบริสุทธิ์ใจ พร้อมให้การตำรวจทุกเมื่อ...
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 58 นายอาหลง อายุ 48 ปี ชาวมาเลเซีย บิดาของ ด.ช.อนุชา ลุงดี อายุ 2 ขวบ กำพร้าแม่ ที่ตกจากรถซาเล้งและต่อมาเสียชีวิต ได้เดินทางพร้อมรถพยาบาลของเทศบาลตำบลสำนักขาม เพื่อรับร่างไร้วิญญาณของลูกชายจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อมาทำพิธีทางศาสนาที่วัดหลักเขต หมู่ 7 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา โดยมีพี่เลี้ยงอายุ 32 ปี เพื่อน ๆ ของมารดาเด็กมารอรับศพ และร่วมแสดงความเสียใจ
พี่เลี้ยง กล่าวว่า เลี้ยงดูเด็กตั้งแต่มารดาเสียชีวิต รักเหมือนลูกในไส้ ย้ำว่าไม่เคยตีหรือทำร้ายเด็ก แต่ตอนนี้ตกเป็นจำเลยสังคม มีการต่อว่าทางโซเชียลว่าทำร้ายเด็กทุบตีเด็กจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตัดสินโดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง วอนขอชาวโซเชียลให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะครอบครัวได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่ยืนในสังคม และพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการไปพบตำรวจ สภ.สะเดา
ทั้งนี้ ในวันเกิดเหตุ ตัวเองนั่งอยู่ในบ้านแต่ก็ระวังเด็กอยู่ตลอดเวลา ได้ยินเสียงเด็กร้อง จึงออกมาดูพบว่าเด็กตกจากรถซาเล้งที่จอดอยู่ นอนคว่ำหน้า จึงรีบมาอุ้มและเด็กก็หยุดร้อง แต่มีอาการปวดท้องจึงนำตัวไปที่โรงพยาบาลในพื้นที่ บอกว่าเด็กเป็นพยาธิ นำยามารับประทาน พร้อมยาขับลมแต่อาการไม่ทุเลา จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลสะเดา ก่อนจะถูกส่งต่อไปโรงพยาบาลหาดใหญ่ จนแพทย์วินิจฉัยว่า เด็กมีความบอบซ้ำที่ลำไส้และสมอง ทำการผ่าตัดแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ ส่วนร่างเด็กตกไปกระแทกกับอะไรหรือไม่นั้น ไม่ทันเห็น แต่มาประสบเหตุตอนเด็กนอนคว่ำหน้าแล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะตกจากรถซาเล้ง เด็กมีอาการอาเจียนเมื่อทานอาหารทุกครั้ง
...
ด้าน พ.ต.ท.วินัย สากียะเสถียร พงส.สภ.สะเดา เจ้าของคดี กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากพี่เลี้ยงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยยืนยันจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับวันเกิดเหตุทุกอย่าง และไม่คิดหลบหนีไปไหน ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจยังไม่การดำเนินคดีใดๆ กับพี่เลี้ยง ส่วนผลการผ่าพิศูจน์ศพเด็กยังต้องรออีก 2-3 วัน หากผลออกมาแล้ว จะเรียกตัวพี่เลี้ยงมาสอบปากคำอีกครั้ง พร้อมกันนี้ ได้รับรายงานจากแพทย์ว่าเด็กมีอาการไส้แตก เมื่อผ่าตัดลำไส้ทะลักออกมาจนแพทย์ยื้อชีวิตไม่ได้.