พ่อเฒ่าชาวตรัง อายุ 88 ย่าง 89 ปี ปั่นจักรยานวันละ 30 กม. ร่างกายแข็งแรงไร้โรคภัยเบียดเบียน พร้อมร่วมกิจกรรม‘ปั่นเพื่อพ่อ’ 11 ธ.ค.นี้ เผยเป็นผู้ที่น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน จนได้รางวัลคนดี แทนคุณแผ่นดินฯ...

เมื่อวันที่ 13 พ.ย.58 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 36/1 ถ.คลองน้ำเจ็ด ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านของนายวิง แสงดำ พ่อเฒ่าวัย 88 ปี มีตำแหน่งเป็นประธานกลุ่มคนรักคลองน้ำเจ็ด หลังจากพบคุณตาวิง ปั่นจักรยานไปกลับเส้นทาง สาริกา-ทุ่งค่าย ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ทุกวัน เพื่อซ้อมปั่นจักรยานเข้าร่วมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ ในวันที่ 11 ธันวาคม 2558 นี้


คุณตาวิง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ปีนี้ตนมีอายุ 88 ปี ย่างเข้า 89 ปีแล้วแต่ร่างกายยังแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน รักการปั่นจักรยาน และมีแรงบันดาลใจในการปั่นจักรยาน เพราะทำให้ร่างกายแข็งแรง ที่เคยปวดเมื่อยตามตัวก็หายไป โดยหันมาปั่นจักรยานเพื่อรักษาสุขภาพมา 30 ปีแล้ว ทุกวันจะตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อปั่นจักรยานไปตามเส้นทาง สี่แยกสาริกา ถนนตรัง-ปะเหลียน มุ่งหน้าเข้าสู่สวนพฤษศาสตร์ทุ่งค่าย เช้า 1 รอบ และเย็นอีก 1 รอบ สำหรับช่วงนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมในกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ ซึ่งได้เดินทางไปลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมนี้ ตั้งแต่วันเปิดให้ลงทะเบียนวันแรก

...

พ่อเฒ่านักปั่น กล่าวต่อว่า แม้อายุจะมากแล้ว แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค ในการปั่นจักรยานเพื่อถวายความจงรักภักดีให้กับพ่อหลวงของเรา โดยกิจกรรมปั่นเพื่อแม่ในช่วงวันแม่ที่ผ่านมา ตนก็ได้ร่วมปั่นมาแล้ว และครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสปั่นเพื่อพ่อในวันที่ 11 ธันวาคม ที่จะถึงนี้


"ก่อนหน้าที่จะร่วมกิจกรรมปั่นเพื่อแม่ จักรยานที่จอดไว้หน้าบ้านได้หายไป ทำให้ไม่มีจักรยานจะปั่น ต่อมา นายสำราญ สมาธิ ซึ่งเป็นเพื่อน ทราบข่าวเข้า จึงซื้อจักรยานคันใหม่มาให้ จึงมีจักรยานไว้ปั่นเพื่อใช้ออกกำลังกายในทุกวัน และใช้ปั่นเพื่อร่วมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อที่จะถึงนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ร่วมกันถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งใจเป็นอย่างมากในการที่จะร่วมปั่นเพื่อพ่อ" คุณตาวิง กล่าว

สำหรับ นายวิง แสงดำ อายุ 88 ปี ชาว จ.ตรัง เป็นผู้ที่น้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ยึดถือแนวทางของในหลวง ในเรื่องของการพัฒนาแม่น้ำลำคลอง และเป็นบุคคลแรกๆ ที่ริเริ่มพัฒนาคลองน้ำเจ็ด โดยการปรับภูมิทัศน์ให้ดีขึ้น จนกระทั่งได้รับรางวัล เป็นคนดี แทนคุณแผ่นดิน จ.ตรัง ประจำปี 2553.