เลี้ยงเปลืองข้าวสุก! 2 เด็กแก๊งกะเทยแสบ ฉะเชิงเทรา ขโมยแหลกชาวบ้าน แม้บ้านญาติที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กตัวเองก็ไม่เว้น ชาวบ้านสุดเอือมระอา วางแผนล้อมจับกระทืบซ้ำด้วยความแค้น สารภาพ เอาเงินไปต่อผม
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 9 พ.ย. 58 สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งจาก นายณัฐวุฒิ ตันฑิกุล อายุ 36 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 28/12 หมู่ 2 ต.บ้านใหม่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา ว่า ได้ร่วมกับชาวบ้านจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ไว้ได้ จึงประสาน พ.ต.ท.ธนายุทธ สีดา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.สิริพงศ์ เศรษฐ์สิริโชค สว.สส.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมชุดสืบสวน และสายตรวจรถยนต์ไปรับตัวที่เกิดเหตุ และนำตัวมาสอบสวนต่อที่โรงพัก
โดยทาง พ.ต.อ.ธราเทพ ตูพานิช ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้นำทั้งสองมาสอบสวนเบื้องต้น ทราบชื่อนายเพชร (นามสมมติ) อายุ 16 ปี และ นายอ๊อด(นามสมมติ) อายุ 15 ปี เป็นกะเทยทั้งสองคน โดยมีสภาพสะบักสะบอมหลังถูกชาวบ้านล้อมจับตัวไว้ได้ก่อนถูกรุมสกัด เบื้องต้นได้ยึดรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน-บรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลังขี่มาก่อเหตุ โดยรถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นของ นายณัฐวุฒิ ที่เพิ่งถูกขโมยไป เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม เวลา 03.00 น. ที่ผ่านมา โดยป้ายทะเบียน กวข 964 ฉะเชิงเทรา ถูกถอดทิ้งไป
โดยนายณัฐวุฒิ เล่าว่า หลังจากรถจักรยานยนต์ได้ถูกขโมยไปแล้ว รู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนขโมยจึงพยายามติดตามตัว อีกทั้งนายอ๊อดนั้น เป็นคนในพื้นที่ และมีญาติพี่น้องอยู่ใกล้บ้าน จนมีคนพบเห็นนายอ๊อดเข้าไปขโมยโน๊ตบุ๊กภายในบ้านของ น.ส.สุพรรษา จันทร อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง และยังขโมยเงินออกมาวางไว้ข้างคูน้ำหลังบ้าน จึงวางแผนจะจับตัว เพราะคิดว่า นายอ๊อด ต้องกลับมาเอาแน่ จนมานั่งรอและโทรตามชาวบ้านมาล้อมใกล้กับที่ของวางไว้ จนเวลา 18.00 น. นายอ๊อดก็ขี่รถจักรยานยนต์ของตนมากับ นายเพชร ที่ใส่วิกผมมาคล้ายผู้หญิง แล้วเดินเข้ามาจะหยิบโน๊ตบุ๊กที่วางอยู่ข้างคูน้ำ ทำให้ชาวบ้านที่ดักซุ่มอยู่แสดงตัว ทั้งสองคนเห็นท่าไม่ดีก็วิ่งหนี แต่ถูกชาวบ้านวิ่งไล่จนจับตัวไว้ได้
...
ซึ่งทีแรกนึกว่า นายเพชรเป็นผู้หญิง จึงไม่อยากจะกระทืบ แต่วิกผมเกิดหลุดทำให้ชาวบ้านรุมกระทืบไม่ยั้ง สุดท้ายก็เรียกตำรวจมารับตัว โดยระหว่างนั้นได้มี นางศรีจันทร์ โมทารัตน์ อายุ 50 ปี นางอัจฉรา เมฆสุวรรณ อายุ 40 ปี และ น.ส.สุพรรษา จันทร อายุ 23 ปี มาดูตัว พอพบว่า เป็นหลานที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็แทบจะยั้งอารมณ์ไม่อยู่ นายเพชร สารภาพว่า เมื่อเดือนก่อน นายเพชร ได้ชวนกะเทยรุ่นพี่ชื่อเดียร์ มาขโมยเงินไป 15,000 บาท พร้อมยกทรงจำนวนมาก ซึ่งเป็นของนางอัจฉราไป และยังกลับมาขโมยเงิน รวมทั้งของภายในบ้านของ นางศรีจันทร์ ที่อยู่ติดกันอีก จนวันนี้เข้ามาขโมยเงินกับโน๊ตบุ๊ก โดยใช้วิธีเปิดหลังคาและโรยตัวลงไป อีกทั้ง ยังสามารถเข้าออกบ้านได้ตลอดทำให้สุนัขที่เลี้ยงไว้ไม่เห่า ส่วนของที่ได้ไปจะนำไปขายและนำเงินมาต่อผมให้ยาวขึ้น เพราะทั้งสองคนทำงานอยู่คาราโอเกะที่ เทพราช เขตบ้านโพธิ์
ส่วนที่ขโมยรถจักรยานยนต์ของนายณัฐวุฒิไป เพราะไม่มีรถใช้จึงยืมไปใช้ก่อน และยกทรงที่ขโมยไปกะเทยรุ่นพี่ชื่อเดียร์ นำไปใส่ ทางตำรวจสืบสวนทราบว่า ทั้งสองคนเป็นแก๊งกะเทยขนาดใหญ่ที่ก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่นับครั้งไม่ถ้วน อาศัยใส่วิกปลอมตัว หากทำงานสำเร็จก็จะถอดวิกให้กลายเป็นผู้ชายเพื่อไม่ให้คนสงสัย
นางอัจฉรา เล่าว่า นายเพชรเคยเข้าไปขโมยของในบ้านหลายครั้ง อีกทั้งครั้งที่เงิน 15,000 บาทหาย ก็ไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐาน แต่ได้มาแจ้งความไว้ก่อน จนครั้งนี้ขณะที่ชาวบ้านล้อมจับกันตนเองไม่อยู่บ้าน จึงสอบถามเพื่อนบ้านจนรู้ว่า เป็นหลานของตนที่เป็นคนก่อเหตุ จึงรีบนำญาติๆ มาดูถึงกับอึ้งกับพฤติกรรมของหลานชายที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ไม่คิดว่าจะตอบแทนคนที่เคยเลี้ยงดูได้ขนาดนี้
ด้าน นายอ๊อด สารภาพว่า ครั้งที่มาขโมยรถจักรยานยนต์นั้นมาช่วยดูต้นทาง เนื่องจากตนไม่ใช่คนพื้นที่ พอขโมยได้ก็รีบขี่ออกไป แล้วหาประแจขันป้ายทะเบียนออก เพราะกลัวคนจะจำได้ โดยเมื่อมีคนสอบถาม ก็ตอบกลับคนที่ถามว่ามีคนให้ยืมมาใช้ อีกทั้งวันนี้ที่ นายเพชร ชักชวนมาเอาโน๊ตบุ๊ก ก็เตรียมแต่งหน้าทาปากแบบจัดเต็ม อีกทั้งใส่วิกเสริมความมั่นใจ และจะรีบนำเงินที่ขายของได้ไปต่อผมในราคา 2,000 บาท แต่ไม่คิดว่าจะถูกชาวบ้านที่ดักรอจัดเต็มกว่า ทำให้ได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน ทางตำรวจได้ตั้งข้อหาลักทรัพย์ในยามวิกาลโดยใช้ยานพาหนะ และยังมีอีกหลายคดีที่ทั้งสองคนได้ก่อเหตุไว้ โดยทางตำรวจจะเร่งติดตามตัวรุ่นพี่กะเทยเพื่อนร่วมแก๊งมาดำเนินคดีต่อไป