พบพูดคุย อยู่ไปก่อนจนคุ้นเคย คืนอกแม่!

คดีลักเด็กหญิง 4 ขวบ ได้ข้อสรุปแล้ว สองครอบ ครัวปิดห้องเจรจาลงเอยด้วยดี ฝ่ายครอบครัวแม่ตัวจริงยอมให้ปู่ปลอมเป็นคนดูแลลูกสาวที่ จ.ชัยภูมิ ไปก่อน และยินดีเดินทางมาเยี่ยมเป็นระยะๆ และรับไปอยู่ด้วยที่ จ.ขอนแก่น เพื่อรอให้เด็กคุ้นเคย ไม่ให้กระทบจิตใจเด็กตามคำแนะนำของจิตแพทย์ ด้านปู่ปลอมดีใจที่จะได้เลี้ยงหลานต่อ แต่หากแม่ลูกสนิทสนมกันเมื่อไหร่พร้อมส่งคืนสู่อ้อมอกทันที

ยังเป็นคดีที่น่าสนใจกรณีตำรวจจับนางอัญชุลี ชิดขุนทด อายุ 32 ปี ชาว ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ หลังก่อเหตุลัก ด.ญ.จอย (นามสมมติ) อายุ 4 ขวบ ของนางกัลย์สุดา สำแดง อายุ 30 ปี จาก รพ.ศูนย์ขอนแก่น ตั้งแต่อายุได้ 2 วันเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาและนำไปเลี้ยงดูอย่างดีที่ จ.ชัยภูมิ กระทั่งแม่ตัวปลอมถูกจับดำเนินคดี ทำให้แม่บังเกิดเกล้าที่เฝ้ารอคอยลูก รวมทั้งปู่ย่าที่แท้จริงเตรียมเดินทางไปเยี่ยมหลานและต้องการนำกลับมาสู่อ้อมอกให้เร็วที่สุด ขณะที่ปู่ตัวปลอมหรือปู่อุปถัมภ์ ยังทำใจไม่ได้ เพราะไม่อยากเสียหลานรักที่เฝ้าดูแลมาตั้งแต่แบเบาะ

ต่อมาเวลา 09.00 น. วันที่ 9 พ.ย. ที่บ้านทรงไทย หมู่ 7 บ้านดอนบม ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น นางกัลย์สุดา สำแดง พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ สำแดง อายุ 76 ปี แม่และปู่ทวดของน้องจอย พร้อมญาติๆ ร่วมกันจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางก่อนออกเดินทางไปรับ ด.ญ.จอย เนื่องจากปัจจุบันเด็กยังพักอยู่กับปู่ปลอมที่บ้านใน ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ โดยคณะเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ รพ.ศูนย์ขอนแก่น ได้นำรถตู้ 3 คัน มารับถึงบ้านเพื่อเจรจาขอตัว ด.ญ.จอย กลับมาสู่ครอบครัวที่แท้จริง

นางกัลย์สุดาเปิดเผยว่า ตนพร้อมปู่และญาติๆ รวม 8 คนจะไปรับลูกสาวกลับบ้าน แต่ละคนนำของฝากไปให้หลานด้วย ใจจริงหากไม่มีอะไรก็อยากรับลูกกลับทันที ส่วนในอนาคตหากปู่ย่าที่เลี้ยงดูลูกอยู่ จ.ชัยภูมิ ต้องการมาเยี่ยมเด็กที่ จ.ขอนแก่น ก็ไม่ได้ห้ามเพราะเข้าใจในความรักความผูกพันที่ท่านเลี้ยงดูมา นอกจากนี้ยังเตรียมห้องนอนให้ลูกเรียบร้อยแล้ว และนำตุ๊กตาไปให้ด้วย คิดว่าลูกคงชอบ

...

ที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเทพสถิต จ.ชัยภูมิ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ครอบครัวของนางกัลย์สุดา นัดเจรจากับครอบครัวของนายสาคร ชิดขุนทด อายุ 52 ปี ปู่ปลอมที่เป็นคนเลี้ยง ด.ญ.จอย ตั้งแต่แบเบาะ โดยมีญาติของทั้งสองฝ่ายและผู้เกี่ยวข้องเข้าไปคุยกันในห้อง ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จากนั้นทั้งสองฝ่ายร่วมกันเปิดแถลงข่าวที่ รพ.เทพสถิต โดยนายสมบูรณ์ สำแดง ปู่ของ นางกัลย์สุดา หรือปู่คุณทวดของน้องจอยกล่าวว่า ผลการพูดคุยกันเป็นไปด้วยดี จบลงด้วยความพอใจทั้งสองฝ่าย ไม่เกิดการกระทบกระเทือนใจแก่เด็ก แต่ที่ตั้งใจมาวันนี้ อยากได้ตัวกลับขอนแก่น แต่เมื่อจิตแพทย์แนะนำว่าจะเกิดผลกระทบต่อจิตใจของเด็กประกอบกับมี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและสตรี คุ้มครองเรื่องนี้อยู่ จึงยินยอมที่จะปฏิบัติตาม ถือว่าวันนี้ได้ข้อสรุปที่ดี จบลงด้วยดี เข้าใจกันดีทั้งสองฝ่าย

“คงต้องค่อยๆตะล่อมๆ ให้หลานคุ้นเคยเสียก่อน จากนั้นค่อยไปอยู่กับแม่จริงที่ขอนแก่น คงใช้เวลาไม่นาน หลังไปอยู่ที่ขอนแก่นแล้ว ทางเรามีความพร้อมในการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี โดยมีแม่จริงๆเป็นหลักในการเลี้ยงดู เด็กจะอยู่ในอ้อมกอดของญาติๆ ที่อาศัยในบริเวณที่เดียวกันหลายครอบครัว ทุกคนพร้อมที่จะเลี้ยงดู ส่งเสีย รวมทั้งปู่ใหม่ที่อยู่ชัยภูมิก็พร้อมให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ที่ผ่านมาเข้าใจดีว่าปู่อุปถัมภ์ไม่รู้เรื่องลักพาตัวมาโดยตลอดเข้าใจว่าเป็นหลานจริงๆ ก็ไม่ได้ถือโทษ หรือเรียกร้องอะไร ในสิ่งที่ได้สูญเสียไปแล้ว

ขณะที่นายสาคร ชิดขุนทด กล่าวด้วยความตื้นตันว่า ดีใจที่เรื่องจบลงด้วยดีทุกคนยึดเด็กเป็นสำคัญ ไม่มีอคติ ไม่โกรธ เกลียดเคียดแค้นกัน ถ้าหลานสนิทสนมกับแม่ตัวจริงได้เมื่อไหร่ ก็พร้อมที่จะให้แม่เขาเอาไปเลี้ยงดู ต่อไปนี้ทั้งสองครอบครัวก็เปรียบเสมือนญาติกัน มีน้องจอยเป็นตัวเชื่อม คิดถึงกัน ก็ไปมาหาสู่กันได้

ด้านนายประณต จันทร์ปรีดา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้เด็กมีสุขภาพจิตดี ร่าเริงแจ่มใส ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าให้ต่างฝ่ายสลับกันไปมาในการดูแลเด็ก เยี่ยมเด็ก ไปจนกว่าเด็กจะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อทั้งสองครอบครัว ก่อนจะส่งคืนให้กับแม่จริง ระยะเวลาจะช้าเร็วขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่าย แต่ช่วงระยะแรกนี้ให้เด็กอยู่กับปู่อุปถัมภ์ที่ชัยภูมิไปก่อน เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ตกลงกันได้ หลังจากนี้ไป กระทรวงการพัฒนาสังคมฯจะส่งนักสังคมสงเคราะห์ลงพื้นที่ติดตาม ให้คำแนะนำทั้งสองครอบครัวอย่างต่อเนื่องจนกว่าเด็กจะคืนสู่ครอบครัวโดยสมบูรณ์ ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น ยินดีให้คำปรึกษาทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ ภายหลังแถลงข่าวเสร็จ นายสมบูรณ์ ได้มอบกระเช้าผลไม้แสดงความขอบคุณแก่เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เรื่องนี้กระจ่างออกมาตั้งแต่ครูโรงเรียนวังตาเทพ ตำรวจ สภ.เทพสถิต ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม บ้านพักเด็กและนักจิตวิทยา รวมทั้ง รพ.เทพสถิต ที่อวยความสะดวกในการเจรจาตกลงลงเอยด้วยดี

ด้าน พ.ต.อ.พิสิทธิ์ หลวงเทพ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยถึงความคืบหน้าด้านคดีว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าได้ส่งฟ้องนางอัญชุลี ผู้ต้องหาต่อศาลไปแล้ว ดังนั้นการให้ประกันตัวหรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจของศาล การยื่นขอประกันตัวนางอัญชุลี อย่างไรก็ตาม จริงๆแล้ววันนี้ญาติผู้ต้องหาจะนำหลักทรัพย์มายื่นขอประกันตัว แต่หลักทรัพย์ไม่พอ เนื่องจากหลักทรัพย์ที่ศาลกำหนดคือ 180,000 บาท แต่ญาตินำที่ดินประเมินราคาได้เพียง 150,000 บาทเท่านั้น จึงยังไม่ได้ประกันตัว และผู้ต้องหายังคงถูกคุมขังในเรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่นต่อไป