โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯเชื่อพลังสื่อมวลชนเยียวยาประเทศได้ วอนเสนอข่าวสร้างความร่วมมือ ลดให้ความสำคัญกับข่าวหวังประโยชน์เคลือบแฝง แนะอดีตส.ส. เพื่อไทยเห็นแก่ส่วนรวมเลิกปลุกระดมสร้างความขัดแย้ง...
เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2558 พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า สถาบันสื่อมวลชนจะเป็นกุญแจสำคัญในการเยียวยาประเทศไทย ด้วยการเสนอข่าวที่พิจารณาแล้วว่าเป็นข้อเท็จจริง เป็นประโยชน์ต่อสังคม สร้างความเชื่อมั่น และความเข้าใจที่ดีต่อประเทศไทยในสายตาชาวโลก และที่สำคัญควรลดการนำเสนอข่าวที่จะเพิ่มความขัดแย้งในสังคม โดยเฉพาะข่าวสารที่สร้างจากบางกลุ่มบางองค์กร ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์เฉพาะตัว เฉพาะกลุ่ม แต่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อสังคมโดยรวมเลย
"ท่านนายกฯ และรัฐบาลอยากเห็นประเทศหลุดออกจาก วงจรข่าวลวง ข่าวลือ ข่าวไร้สาระ และข่าวความขัดแย้ง โดยอยากเห็นการนำเสนอข่าวเพื่อการพัฒนาประชาชนและประเทศชาติให้มากขึ้น นอกจากนี้ ท่านนายกฯ ยังฝากถึงอดีตส.ส. หลายคน โดยเฉพาะอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ที่ยังพยายามปลุกระดมให้เกิดการรวมกลุ่มของประชาชนในบางพื้นที่ โดยเฉพาะเพื่อออกมาต่อต้านการดำเนินคดีจำนำข้าวว่า หากเชื่อว่าตนไม่ผิดก็ควรต่อสู้ด้วยหลักฐานตามกระบวนการยุติธรรม เหมือนผู้ถูกกล่าวหาในคดีอื่นๆ ไม่ควรมาปลุกปั่นให้สังคมวุ่นวาย และอาจทำให้ต่างชาติเข้าใจกระบวนการยุติธรรมของไทยผิดไปจากข้อเท็จจริง" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
พลตรีสรรเสริญ กล่าวด้วยว่า การพยายามสร้างวาทกรรมให้เข้าใจไปว่าการใช้ ม.44 เพื่อดำเนินการในคดีทุจริตจำนำข้าว เป็นการใช้อำนาจที่เกินความจำเป็น และไม่เป็นธรรมต่ออดีตนายกฯ และพวกนั้น อยากเรียนย้ำอีกครั้งว่า คำสั่งที่ 39/2558 ใช้เพื่อการบริหารจัดการข้าวในสต๊อก ซึ่งต้องดำเนินการด้วยความสุจริตเท่านั้น ส่วนการดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องในโครงการจำนำข้าว เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมตามระบบปกติทุกขั้นตอน จึงอยากให้ทุกส่วนเข้าใจอย่างถูกต้อง และไม่ตีความเกินเลยผิดจากข้อเท็จจริง.
...