"ยิ่งลักษณ์" ยิ้มร่า ศาลฎีกาฯ ให้เพิ่มพยานได้ 43 ปาก รับมั่นใจมากขึ้นกับพยานหลักฐานในการสู้คดี ลั่นขอบคุณเสื้อแดง ที่นัดให้กำลังใจ 1 พ.ย. ด้าน "ทนายปู" กั๊กยื่นเอกสารขอความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 58 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับฟังผลการตรวจพยานของฝ่ายโจทก์ ฝ่ายจำเลยคดีโครงการรับจำนำข้าว ถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้เพิ่มเติมพยานกว่า 40 ปาก ว่า พยาน 40 ปากนั้น มีหลายปากที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่รับ แต่ศาลฯ เห็นควรให้เพิ่มเติม อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งการที่ศาลฯ รับพยานที่ ป.ป.ช. ไม่รับ ทำให้ตนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในพยานทั้งหมด ส่วนจะพอใจกับจำนวนพยาน 43 ปาก ที่ศาลอนุมัติหรือไม่นั้น ก็ต้องเป็นไปตามคำสั่งศาลฯ ซึ่งก่อนหน้าเรายื่นพยานทั้งหมดกว่า 80 ปาก แต่ได้รับอนุญาตจากศาลฯ ทั้งหมด 42 ปาก ซึ่งรวมถึง นางสดศรี สัตยธรรม อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ให้รอไว้พิจารณาสั่ง เมื่อทำการไต่สวนพยานแต่ละฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว รวมเป็น 43 ปาก

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงข่าวการนัดหมายให้สวมเสื้อแดงให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ว่า ตนขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ส่งกำลังใจให้ตน กำลังใจต่างๆ ที่ตนได้รับ ไม่ว่าจากทางบ้านหรือจากที่ใด ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากว่าขอให้ประชาชนยึดคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้เกิดความมั่นคง โดยทางเราอยากเห็นบ้านเมืองสงบ ส่วนกำลังใจทั้งหมดตนก็ขอขอบคุณ

เมื่อถามว่า คสช. ได้ต่อสายตรงขอความร่วมมือในการแต่งเสื้อแดงในวันที่ 1 พ.ย. นี้ หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมเดินขึ้นรถกลับในทันที

...

ด้าน นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการรับจำนำข้าวนั้น ขอให้คณะกรรมการให้ความเป็นธรรมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงขอในฐานะผู้มีความเกี่ยวข้องได้มีการชี้แจง โต้แย้ง และแสดงพยานหลักฐานอย่างเต็มที่ เราต้องการให้ข้อเท็จจริงต่างๆ เข้าสู่สำนวน สำหรับคดีเรียกค่าเสียหายโครงการกำลังอยู่ในขั้นตอนการไต่สวนพยานที่ได้นำเสนอไป ส่วนจะยื่นเอกสารเพิ่มเติม กรณี ป.ป.ช. ไม่รับฟังพยาน แต่ศาลฯ รับฟังหรือไม่นั้น ขอให้การไต่สวนเสร็จสิ้นก่อน จึงพิจารณาอีกครั้งว่าจะยื่นเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนพยานที่ศาลฯ อนุญาตให้เพิ่มเติมเข้ามา มีทั้ง นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะกรรมการผู้บริหารกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (เครือเจริญโภคภัณฑ์) นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตที่ปรึกษาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะที่ กรณีคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนพยานต่างๆ อยู่ในขั้นให้ปากคำ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยชี้แจงเรื่องนี้ด้วยลายลักษณ์อักษรไปแล้ว

เมื่อถามว่า ที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ทำหนังสือเชิญให้มาชี้แจงเรื่องค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเข้าชี้แจงด้วยตนเองหรือไม่ นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็น และยังไม่ทราบถึงหนังสือเชิญดังกล่าว ว่าเชิญในฐานะอะไร เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการเชิญ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ตอบเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ส่วนการนัดสืบพยาน 21 นัด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องมาเองทุกนัด เว้นแต่มีเหตุจำเป็น สามารถทำคำร้องขอต่อศาลฯ ได้ ซึ่งพยานปากสุดท้ายจะให้ปากคำในวันที่ 18 พ.ย. 2559 หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องมาแถลงปิดคดี และนัดตัดสินต่อไป อย่างไรก็ตาม เวลานี้เราต้องทำให้ดีที่สุด กังวลอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งนี้โครงการดังกล่าวไม่ได้ทำประเทศเสียหายอย่างที่หลายฝ่ายกล่าวหา และไม่ใช่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำเพียงลำพัง แต่ทำผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.)