สุดซึ้ง ลูกชายกตัญญูกราบพ่อแขนด้วน ที่รับจ้างทำงานแบกไม้ยางพาราพร้อมเผาถ่าน ส่งเรียนจนจบปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ฯ แต่งชุดครุยก้มลงกราบแทบเท้าพ่อบังเกิดเกล้า ที่ยินดีกับความสำเร็จของลูก บอกดีใจที่ลูกเป็นคนดี... 

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 26 ต.ค. ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ จ.ตรัง ได้ลงพื้นที่ ตามหาพ่อแขนด้วนสู้ชีวิต แบกหามไม้ยางพาราส่งลูกเรียนจบปริญญาตรี ในพื้นที่ ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังมีการแชร์ต่อกันในโลกโซเชียล ทราบว่าพ่อพิการคนดังกล่าว คือ นายจิระ กี่สุ้น หรือ‘พี่แก่’ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/1 ม.2 ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง อาชีพรับจ้างตัดไม้ แบกไม้ยางพารา และเผาถ่าน ส่งลูกชายคนสุดท้องชื่อ นายเฉลิมพล กี่สุ้น หรือตั๊ก อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่เดียวกัน เรียนจบปริญญาตรีจากคณะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการประมง จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จึงได้เดินทางไปพบ พร้อมกับนายธวัช แก่นจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด 


นายจิระ เล่าเรื่องราวชีวิตส่วนตัวให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อ 21 ปีที่แล้ว ตนประสบอุบัติเหตุ ทำให้แขนด้านขวาขาด หลังจากนั้นก็ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปจากเดิม โดยแรกๆก็รู้สึกท้อใจอยู่บ้าง แต่ต้องสู้ต่อไป จากที่เคยใช้มือขวาก็เปลี่ยนมาใช้มือซ้ายทำงาน ยังคงรับจ้างแบกไม้ยางพารา และกรีดยางพาราเป็นอาชีพหลัก ส่วนอาชีพเผาถ่านและเลี้ยงหมูขี้พร้า เป็นอาชีพเสริม โดยมีภรรยาคู่ชีวิตช่วยกันทำมาหากิน เลี้ยงลูกชายสองคน

...


"คนโตตอนนี้อายุ 28 ปี เรียนจบสูงสุดระดับชั้น ปวส. จากวิทยาลัยเทคนิคภูเก็ต และเสียสละให้น้องชายคนสุดท้องจนเรียนจบระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการประมงจากมหาวิทยาลัยศรีวิชัย อ.สิเกา จ.ตรัง"


พี่แก่ ชายพิการสู่ชีวิต เล่าต่อว่า ทางบ้านเป็นครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่ได้ลำบากมากมายนัก รับจ้างทำงาน รายได้ที่ได้มาก็เอามาส่งลูกๆเรียน ตนต้องขอบใจลูกชายคนโตที่เสียสละโอกาสให้น้องได้มีโอกาสเรียนสูงๆ แต่ถือว่าครอบครัวของตนโชคดีมาก ที่ลูกชายทั้งสองคนไม่มีนิสัยเกเร และช่วยครอบครัวทำมาหากิน ในวันที่ลูกชายประสบความสำเร็จ ตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ยิ่งตอนที่ลูกก้มกราบทั้งที่อยู่ในชุดครุยรับปริญญา ยิ่งทำให้คนเป็นพ่อปลื้มปีติ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะได้เห็นลูกชายประสบความสำเร็จในชีวิตอีกขั้นหนึ่ง

เมื่อถามถึงสุขภาพร่างกาย นายจิระ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เนื่องจากได้ทำงานรับจ้างแบกไม้มาหลายสิบปีติดต่อกัน ทำให้เกิดโรคปวดหลังเรื้อรัง แต่ยังไม่ได้รักษาอย่างจริงจังเพราะต้องเก็บเงินไว้ส่งลูกเรียนหนังสือ แต่ก็มีเงินเดือนคนพิการ เดือนละ 800 บาท มาช่วยจุนเจืออีกทางหนึ่งด้วย

ด้านนายเฉลิมพล หรือตั๊ก ลูกชาย กล่าวถึงความตั้งใจหลังเรียนจบรับปริญญา ว่า ได้ไปสมัครงานกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ภูเก็ตไว้แล้ว แต่ยังไม่ถูกเรียกไปสัมภาษณ์ ตนตั้งใจว่าจะหางานทำให้ได้ และจะตั้งใจทำงาน เพื่อให้พ่อแม่ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น.