เป็นระยะเวลานาน 12 ปีแล้ว สำหรับคดี "รื้อบาร์เบียร์" ที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ตกเป็นผู้ต้องหา และจำเลย ในข้อหาจ้างวาน ฐานทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลอื่นปราศจากเสรีภาพ และในวันนี้ (15 ก.ค.) ศาลฎีกา นัดอ่านคำพิพากษา ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จึงนำท่านผู้อ่านย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร...
ย้อนเหตุการณ์ ชายฉกรรจ์ บุกสายฟ้าแลบ รื้อบาร์เบียร์
ดึกสงัดช่วงใกล้เช้าราวตี 4 วันที่ 26 ม.ค.2546 กลุ่มชายฉกรรจ์เกือบ 400 คน รวมพลกันที่ สุขุมวิทพลาซ่า บางคนแต่งกายคล้ายวินมอเตอร์ไซค์ มีชายในชุดซาฟารีสีเข้ม ควบคุมถือวิทยุสื่อสาร ทุกคนมีป้ายคล้องคอระบุว่าอยู่ชุดไหน จากนั้นบุกเข้าไปบริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จากนั้นเดินเคาะประตูคนเฝ้าร้าน ซึ่งตรงนั้นคือ บาร์เบียร์ แออัดกัน จากนั้นก็นำรถแบ็กโฮเข้าไถแบบไม่สนใจเสียงห้าม ระหว่างที่รื้อกันอยู่นั้น นายประเทือง ศรีสุข อายุ 23 ปี ซึ่งพักอยู่ในที่เกิดเหตุได้เข้าไปโต้เถียงกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว จึงถูกตีที่กกหูด้านซ้าย ปฏิบัติการสายฟ้าแลบครั้งนี้ พังบาร์เบียร์ รวดเดียว 60 ร้าน!
เมื่อเสร็จงานถล่ม ก็ถึงคิวล้อมคอก กลุ่มชายฉกรรจ์นำแผ่นเหล็กล้อมรั้วกั้นพื้นที่ทั้งหมด 5 ไร่ 32 ตารางวา พร้อมกับสร้างที่พักชั่วคราวขึ้น ที่รั้วยังติดป้าย "ขอสนับสนุนนโยบายจัดระเบียบสังคมของกระทรวงมหาดไทย"
...
หลังเกิดเหตุ เจ้าของร้านได้แจ้งความกับ สน.ลุมพินี ต่อมา พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ นิลคูหา ผบช.น. ในตอนนั้น มอบหมายให้ พล.ต.ต.เทพรัตน์ รัตนวานิช และ พล.ต.ต.จักรทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา รอง ผบช.น. ดูแลการสอบสวน เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบว่าชายฉกรรจ์บางส่วนได้หายไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ควบคุมตัวคนที่เหลือที่อยู่ที่พักชั่วคราวได้ 97 ราย โดยมี รปภ.อีก 29 คน ซึ่งเมื่อถึงโรงพักบรรยากาศก็ถึงกับเดือด เมื่อไปพบหน้าบรรดาเจ้าของและสาวบาร์เบียร์ เสียงด่าทอ รุมสาปแช่ง พร้อมกับ ขวดน้ำ รองเท้า ก้อนหิน ลอยเข้าหา บางคนจะปรี่เข้ามาทำร้ายจนเกิดการชุลมุน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังควบคุม ส.อ.บุญธรรม ขันตี สังกัด พัน สห.ที่ 11 ในตัวพกปืน 11 มม. ไม่มีทะเบียนด้วย เบื้องต้น ถูกแจ้งข้อหาพกอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์ถูกตั้งข้อหาบุกรุกและทำลายทรัพย์สิน
"ทักษิณ" รุดตรวจสอบ ตำรวจพุ่งปมไล่ที่
27 ม.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ถึงกับฉุนขาด เมื่อไปดูที่เกิดเหตุ บรรดาพ่อค้าต่างร้องตะโกน "ให้นายกฯ ช่วยเราด้วย" พร้อมกับปรบมือเป็นการขอบคุณ
"ผมรู้สึกเศร้าใจและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถือเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน และไม่ต้องห่วง ไม่มีใครมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลได้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวในวันนั้น
...
ขณะที่ พ.ต.อ.ประวิทย์ เลขะวณิช ผกก. สน.ลุมพินี บอกว่า จากการสอบสวน ทราบว่า บริษัท นิเกิล จำกัด เป็นผู้ที่สั่งให้รื้อ และ นายธวัชชัย รุ่งระวี เป็นผู้รับจ้างรื้อถอน เจ้าของบริษัทกับนายธวัชชัยจะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกในยามวิกาล พื้นที่ดังกล่าวมีปัญหาเพราะมีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ฟ้องขับไล่ บริษัท บีทีอาร์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งมีนายปราสูตร ปราสาททองโอสถ เป็นเจ้าของ ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างฟ้องร้องในศาล ขั้นตอนอยู่ระหว่างการสืบพยาน
พล.ต.ต.จักรทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา รอง ผบช.น. กล่าวว่า มีผู้ต้องหาเป็นทหาร 15 นาย เป็นเด็กวัยรุ่น 9 คน ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งบริษัท รปภ.จ้างมา โดยจะต้องถูกส่งตัวไปสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
"เหตุการณ์นี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ อยากให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์มากกว่านี้ ที่นี่เป็นกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เผยแพร่ทั่วโลก แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์สร้างความตกใจ แม้แต่ชาวต่างชาติ หากจะไล่ควรบอกล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ทางผู้ค้าพร้อมจะไป" นายวัฒนา (ไม่เปิดเผยนามสกุล) ผู้ประสานงานในสุขุมวิทสแควร์ กล่าว พร้อมกับยืนยันว่า ได้เช่าที่ทำสัญญาถูกต้องกับ บริษัท บีทีอาร์ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทติดต่อให้เช่า...
...
ต่อมา ทนายของบริษัท นิเกิล เข้าพบเจ้าหน้าที่โดยแจ้งว่าจะยอมจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับเจ้าของกิจการทุกราย ขณะเดียวกัน พ.อ.ชูศิลป์ งามประสิทธิ์ ผู้บังคับกองพันสารวัตรทหารบก (ผบ.พัน.สห.11) กล่าวว่า ได้ให้ ส.อ.บุญธรรม หนึ่งในผู้ต้องหาขณะนี้ถูกคุมขังที่เรือนจำที่ มทบ.11 และเสนอให้ออกจากราชการ เนื่องจากเคยถูกกองพันลงโทษทางวินัยจากพฤติกรรมเสียหายมาแล้ว เช่น ก่อคดีข่มขู่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้ยินมาว่า ส.อ.บุญธรรม ทำงานให้กับ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด (บก.สส.) ด้าน พ.ท.หิมาลัย ชี้แจงว่า บริษัท นิเกิล ได้ว่าจ้างบริษัทของตนที่ดำเนินการด้านความปลอดภัยให้เข้าไปดูแลพื้นที่ดังกล่าว โดยทำสัญญา 1 ปี ในวันเกิดเหตุ หลังมีการรื้อทำลายทรัพย์สินแล้ว
วันเดียวกัน ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ก็ได้มีคำสั่ง บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ ทิสโก้ และบริวารทั้งหมดออกจากพื้นที่พิพาท
เสธ.ไอซ์ แฉ เงินจ้าง 20 ล้าน โยงบิ๊กทหารระดับ เสธ. 5 นาย
การสืบสวนดำเนินต่อไป กระทั่ง พล.ต.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ เสธ.ไอซ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ได้รายงานว่า มีทหารระดับ เสธ. เข้าไปเกี่ยวข้อง 5 นาย นอกจากนี้ ยังมีทุนจ้างรื้อถอนกว่า 20 ล้าน "คนที่เกี่ยวข้องมีทั้งพวกเขี้ยว พวกชั่ว พวกโง่ และ ละโมบ"
...
30 ม.ค. พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ยื่นขอความเห็นชอบจากศาลออกหมายจับ พ.ท.หิมาลัย และ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร ในข้อหาบุกรุกในเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์ ส่วน นางจันทร์ คิมงูเหลือม อายุ 56 ปี มารดาของ นายนิรัญ พรหมมาลา อายุ 30 ปี ผู้ต้องหา ได้เข้าร้องเรียนที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ก.ยุติธรรม ผ่าพิสูจน์ศพลูกชาย หลังจากเสียชีวิตในเรือนจำ ซึ่งเรื่องนี้ นายขวัญชัย วศวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้รับบาดเจ็บก่อนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ เมื่ออยู่ในเรือนจำ ก็อยู่ในการดูแลของแพทย์ ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.วัยวุธ เวทางค์กุล ผกก.สน.ประชาชื่น กล่าวว่า นายนิรัญ มีโรคลมบ้าหมูเป็นโรคประจำตัว และเกิดอาการก่อนนำตัวขึ้นศาล รอยฟกช้ำที่หัวเกิดจากอาการล้มทั้งยืน
5 ก.พ.46 นายปราสูตร ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้จัดการบริษัท บีทีอาร์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้เช่าจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้ เข้าพบพนักงานสอบสวน เช่นเดียวกับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กรรมการบริหารบริษัทสุขุมวิทซิลเวอร์สตาร์ จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์หลังพบพนักงานสอบสวนว่า มาในฐานะพยานเพื่อตรวจสอบเรื่องที่ดิน ส่วนเรื่องอื่นๆ ตนไม่รู้เรื่องและไม่รู้จักและเกี่ยวข้องกับบริษัท นิเกิล จำกัด
8 ก.พ.46 พล.ต.ต.จักรทิพย์ รอง ผบช.น. เผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับเพิ่มอีก 8 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายชูวิทย์ วันที่ 13 ก.พ. นายชูวิทย์ได้ไปต่างประเทศ และวันที่ 14 ก.พ. ศาลอาญากรุงเทพใต้ ก็อนุมัติหมายจับนายชูวิทย์ เนื่องจากสอบสวนพบว่าร่วมวางแผนด้วย ขณะที่ นายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัว พ.ท.หิมาลัย เข้ามอบตัวพนักงานสอบสวน โดยที่ไม่ขอประกันตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์
19 ก.พ.46 พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เข้าแจ้งความ สน.ลุมพินี กล่าวโทษ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังจากตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.อ.สันต์ มีส่วนร่วมกระทำผิด เนื่องจากหลังเกิดเหตุได้พา นายชูวิทย์ เข้าพบนายกฯ เมื่อวันที่ 28 ม.ค.
13 มี.ค.46 พนักงานอัยการ ยื่นฟ้อง พ.ท.หิมาลัย กับพวกรวม 128 คน ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกยามวิกาล และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ
19 มี.ค.46 ส.อ.บุญธรรม ขันตี หนึ่งในผู้ต้องหาเสียชีวิตภายในโรงพยาบาลเรือนจำพิเศษกรุงเทพด้วยโรคหืดหอบ
11 เม.ย.46 ศาลอาญาฯ อนุญาตให้ประกันตัว พ.ท.หิมาลัย โดยใช้หลักทรัพย์วงเงิน 4 แสนบาท
บุกรวบ "ชูวิทย์" คาลานจอดรถสถานบริการตัวเอง
1.พ.ค.46 เจ้าหน้าที่บุกจับกุม นายชูวิทย์ ได้ที่ลานจอดรถสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ถนนพระราม 9 นำตัวไปสอบปากคำที่ สน.ลุมพินี นายชูวิทย์ ขอให้การในชั้นศาล เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมกับคัดค้านประกันตัว
16 พ.ค.46 พนักงานอัยการฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ ซึ่งต่อมาวันที่ 28 พ.ค. ก็ได้ประกันตัว ในวงเงิน 4 แสนบาท แต่ห้ามมิให้เดินทางไปยังต่างประเทศ
2 ส.ค.46 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า พล.ต.อ.สันต์ นำตัวนายชูวิทย์ และนายปราสูตร ปราสาททองโอสถ เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหาย
26 ส.ค.46 นายชูวิทย์ แถลงข่าวสาเหตุที่ถูกจับอ้างว่าเนื่องจากไม่ยอมจ่ายส่วย 10 ล้าน แต่ยอมจ่ายเพียง 7 ล้านบาท
กระบวนการผ่านมา 2 ศาล รอลุ้นที่ศาลฎีกา
อย่างไรก็ดี กระบวนการทางกฎหมายได้เดินทางมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงวันที่ 13 ก.ค.49 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำพิพากษาชั้นต้น ให้ยกฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.พรรคชาติไทย และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร นายทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ กับพวกรวม 131 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ มีเพียงจำเลยที่ 49 ที่ให้จำคุก 8 เดือน
ขณะที่ ศาลอุทธรณ์ ได้อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 ก.ย.55 แก้จำคุก 5 ปี นายชูวิทย์ พ.ท.หิมาลัย หรือ เสธ.หิ และ พ.ต.ธัญเทพ หรือ เสธ.แอ๊ป กับพวกรวม 66 คน โดยไม่รอลงอาญา มีฐานความผิดทำให้เสียทรัพย์และใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน ส่วนจำเลยอีก 64 คน พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
และ 15 ต.ค.นี้ ถือเป็นวันชี้ชะตา นายชูวิทย์ และพวก ในคดีดังกล่าว หลังจากศาลฎีกา เลื่อนอ่านคำพิพากษา จากวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากจำเลยมาศาลไม่ครบ ซึ่งในวันนั้น (15 ส.ค.) นายชูวิทย์ ได้เดินทางมาศาลพร้อมกับคนใกล้ชิด โดยได้ถือถุงหิ้วพลาสติกใส่อุปกรณ์อาบน้ำมาด้วย และพร้อมรับคำพิพากษา
ล่าสุด มีรายงานว่า นายชูวิทย์ ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมแล้วยื่นคำให้การใหม่ ขอรับสารภาพ เพื่อขอให้ศาลลงโทษสถานเบา ศาลได้รับไว้พิจารณาและนัดอ่านคำพิพากษาใหม่ เป็นวันที่ 28 ม.ค.59