อพาร์ตเมนต์ ซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก พื้นที่เป้าหมายแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าคุมตัวผู้ต้องสงสัยเชื่อมโยงกรณีเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ต่อเนื่อง...มาถึงซอยราษฎร์อุทิศ 25 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร

“หนองจอก”...กับ...“มีนบุรี” สองพื้นที่นี้จึงถูกสังคมจับตาเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะคนไม่น้อยที่มีคำถามสำคัญตามมาว่า เหตุไฉน? พื้นที่นี้จึงมีชาวต่างชาติที่เป็นคนร้ายผู้ต้องสงสัยแอบแฝงเข้ามาอาศัยหลบซ่อนตัวได้ง่ายนัก

ยิ่งคิดเชื่อมโยงเรื่องศาสนา ความเป็น “มุสลิม” เข้าไปด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คนในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิมเสมือนถูกเหมารวม ชื่อเสียงเสียหาย ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจกันไปใหญ่

สกู๊ปหน้า 1 ลงพื้นที่สำรวจวิถีชีวิต “ชุมชนอิสลาม” ละแวก มัสยิดอัลมาดานี มูลนิธิสร้างสรรค์ศรัทธาชน (กรุงเทพฯ) เยื้องกับซอยราษฎร์อุทิศ 25 พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่เกี่ยวกับการเข้ามาแฝงตัวของกลุ่มผู้ต้องหาในขบวนการก่อเหตุระเบิด “โต๊ะ” หรือคนไทยเรียกว่า “ยาย” ค้าขายอยู่ละแวกนั้น บอกว่า ก็เคยเห็นนะคนที่ถูกสเกตช์ภาพ มาละหมาดที่มัสยิดนี้แหละ หลายเดือนก่อนไว้ผมยาว แล้วก็ตัดสั้นเท่าๆกันทั้งหัว

“ที่จำได้เพราะหน้าตาดี ยังเรียกคนใกล้ๆชี้ให้ดูเลยว่า คนนี้หน้าตาหล่อทีเดียว” โต๊ะ ว่า “แต่ก็นั่นแหละนะ มัสยิดใครจะเข้าจะออกก็ได้ ใครจะมาละหมาดก็ได้ ไม่ว่าจะมาจากประเทศไหน...ถ้าเป็นมุสลิม”

ที่จะบอกก็คือว่า ถึงจะสังเกตก็ดูได้แค่ภายนอกไม่รู้หรอกว่า “ใครเป็นคนดี”...“ใครเป็นคนร้าย” เรามันคนทำมาค้าขายก็ต้องหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมอย่างนี้ทุกวันมานานแล้ว

...

อีกเสียงหนึ่งที่เป็นมุสลิมในย่านนี้ อายุ 55 ปีแล้ว หากเอ่ยชื่อน่าจะรู้จักกันดี ยินดีที่จะคุยอย่างเปิดใจแต่ขอสงวนชื่อเสียงเรียงนามเอาไว้ บอกว่า วิถีชาวบ้านชุมชนอิสลามในพื้นที่ดั้งเดิมก็อยู่กันมานานแล้วส่วนใหญ่ทำมาค้าขาย แต่เมื่อถนนหนทางเจริญขึ้น บ้านเมืองพัฒนาขึ้น นอกจากผู้คนมาอยู่อาศัยก็มีบ้านเช่า ห้องเช่า

“...เป็นเรื่องธรรมดาเจ้าของห้องก็ต้องทำมาหากินโดยการหาคนมาเช่า ปัญหาใหญ่ที่เป็นจุดอ่อนที่เห็นชัดเจนแล้วก็คือการให้คนต่างชาติมาเช่า แล้วไม่ได้รัดกุม ก็อันตรายมาก ทำให้เจ้าของห้องที่เป็นข่าวก็รู้สึกเครียดมาก รู้จักกันก็คุยกัน เขาบอกว่าจากนี้ต่อไปจะไม่รับคนเช่าต่างชาติอีกแล้ว”

มัสยิดอัลมาดานี ใครผ่านไปผ่านมาถูกจังหวะจะเห็นมุสลิมทั้งในพื้นที่และคนต่างชาติมากมายเดินทางเข้ามาละหมาด คนนอกอาจจะรู้สึกแปลกตา แต่เป็นเรื่องปกติของคนละแวกนี้

คำถามมีว่าจะแยกอย่างไร หากมี “คนไม่ดี”...แฝงตัวมาอยู่ในพื้นที่ ก็ต้องแยกให้ฟังเพื่อทำความเข้าใจไปกับสังคมในภาพรวมว่า “จริงๆแล้วพื้นที่ตรงนี้ถือว่าเป็นศูนย์รวมทำกิจกรรม ทำงานเกี่ยวกับศาสนาหน่วยงานความมั่นคง กอ.รมน. สันติบาลจะรู้จักดี ไม่ต่างกับที่จังหวัดยะลาก็มีลักษณะนี้...เราจะทำอย่างไรให้คนมุสลิมเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์...ไม่ใช่เป็นมุสลิมที่ไปวางระเบิด ศาสนาอิสลามไม่ได้สอน ไม่มี”

การก่อความรุนแรง เป็นสิ่งที่เราปวดร้าว เจ็บอยู่ในหัวใจ เป็นภาพที่สื่อออกมาทำให้ภาพลักษณ์อิสลามเสียหาย ทั้งที่ความเป็นจริงความรุนแรงที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลย เป็นสิ่งผิดอย่างมากๆ

ทีนี้กลุ่มมุสลิมที่อยู่ในพื้นที่แม้ว่าจะมาจากต่างชาติต่างภาษาแต่ก็เป็นการรวมตัวเพื่อเคลื่อนไหวทางด้านศาสนากันเท่านั้น

“มุสลิมจากต่างประเทศเดินทางเข้ามา อาทิ ปากีสถาน อินเดีย ทางยุโรปบ้าง เอเชียบ้าง...มาจากศูนย์แต่ละประเทศก็จะมีใบส่งตัวมาเป็นทางการ มีรายชื่อระบุชัดเจนว่ามาจากไหน มากันกี่คน”

กรณีข้างต้นที่ว่านี้เป็นการมาอย่างถูกต้องด้วยใจที่บริสุทธิ์ กลุ่มคนเหล่านี้ถ้ามีปัญหา ไม่มีวีซ่า...พาสปอร์ตก็จะไม่รับเข้ามา เป็นระเบียบที่เข้มข้นมาก ไปเช็กรายละเอียดประวัติคนเหล่านี้ได้ไม่มีเสียหายแน่นอน”

ที่น่าเป็นห่วงและน่ากังวล วันนี้...มีหลายเชื้อชาติจากหลายประเทศ เดินทางเข้ามาแบบส่วนตัว ไม่ได้มาเป็นทางการอย่างที่ว่านี้ มากันเองบ้าง ไม่แน่ใจว่าบางคนแอบหนีอพยพเข้ามากันบ้างหรือไม่ เข้ามาแล้วก็มาพักตามห้องเช่า อพาร์ตเมนต์ ก็ไม่รู้ว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน...อย่างไรกันบ้าง

“เราไม่รู้ เราคุมไม่ได้ บางทีที่รู้...ที่เห็นก็เพราะเขามาแวะละ-หมาดที่มัสยิด เสร็จแล้วก็ออกไป เราก็ไม่สามารถจะรู้อะไรเขาได้เลย แต่บางคนก็ดีนะมาทำธุรกิจ”

มัสยิดอัลมาดานีก็เหมือนมัสยิดทั่วไป เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ใครๆก็มาแวะละหมาดได้ เราไม่รู้หรอกว่าใครจะมาแบบไหน มาดี... มาร้าย เป็นสิ่งสำคัญที่ถ้าคนเหล่านี้มาเช่าห้องพัก เจ้าของห้องเช่าต้องรัดกุมหรือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ควรที่จะต้องรับรู้ ลงลึกในรายละเอียดให้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็น

วิถีชีวิตมุสลิมย่านนี้ไม่ว่าอดีต ปัจจุบันก็อยู่กันอย่างนี้ “คนมุสลิมรักสันติภาพมากที่สุด” ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมวันนี้เรื่องใหญ่ระดับโลกก็มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ใครที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย...เกิดขึ้นมาแล้วเพื่ออะไร เพื่อค้าขาย เพื่อธุรกิจค้าอาวุธหรือเปล่า ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าทั้งสิ้น

“มัสยิด”...เป็นสถานที่ใช้ละหมาดวันละ 5 เวลาทุกวัน ถ้าเป็นการละหมาดวันศุกร์คนอาจจะเยอะสักหน่อย หรือใครจะเข้าไปนั่งอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน รำลึกถึงพระเจ้าก็ได้ จะไปนั่งคุยกันในเรื่องเกี่ยวกับศาสนาก็ได้ ไม่ปิดกั้น เมื่อมีคนไม่ดีแฝงตัวเข้ามาให้เห็นแล้ว คงต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา...ระแวงกับคนมากขึ้น

...

มุสลิมหลายชาติมาอยู่กันเยอะๆ ภาพที่เห็นกับมุมมองของคนที่ไม่รู้คงไปว่าใครไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าในสังคมไหนของโลกก็มีทั้ง “คนดี” และ “คนไม่ดี” ไม่ว่าศาสนาไหน พุทธ อิสลาม คริสต์ ฮินดู...มีทั้งคนดีและไม่ดี คนที่ยืนหยัดอยู่บนหลักสัจธรรมของศาสนา คุณธรรม จริยธรรมอันดีงามของศาสดาหรือของพระเจ้า ที่บอก... เอามาเป็นแบบอย่าง มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้เป็นคนดี ศรัทธาที่เข้มแข็งต่อพระเจ้า...ละเว้นในสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม ปฏิบัติสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ มนุษย์จะอยู่อย่างสันติสุข ให้มนุษย์มีคุณธรรม

“ไม่ใช่เก่งอย่างเดียว...คนมีคุณธรรมต้องมีมากพอๆกับคนเก่ง”

ปัญหาก็คือ ความแตกต่างของแต่ละบุคคลในระดับศรัทธาคนที่อ่อนแอศรัทธาก็จะยึดมั่นในสิ่งที่ผิด...ทำไม่ถูกต้อง สมมตินะว่ากรณีเหตุระเบิด ถ้าคนมุสลิมทำอย่างนี้ก็ถือว่าทำความผิดมหันต์เลยนะ เขาไม่สามารถที่จะเข้าสวรรค์ได้ จะต้องอยู่ในนรกของพระองค์ตลอดกาล

นั่นก็คือความเชื่อของเราเป็นความร้ายแรงความผิดที่มหันต์ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช่หรือเปล่า แต่ยกตัวอย่างให้รู้ถึงความรู้สึกที่ว่า “ถ้าเป็นคนอิสลามทำ ถือว่าพวกเราก็ไม่พอใจ เราเป็นคนไทยก็ไม่พอใจไม่ว่าจะไปฆ่าคนศาสนาไหน...ให้ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเราเหมือนกัน เราถือว่าเราก็เจ็บนะ เจ็บตรงที่ว่าถ้าคนทำเป็นมุสลิม...ชื่อที่เรากำลังรักษากัน พยายามให้คนเข้าใจอิสลามในแง่บวก ไม่ใช่ถูกโจมตีนับตั้งแต่เหตุตึกเวิลด์เทรดถล่ม...แล้วก็มาทำเองอีกต่างหาก วันนี้ถ้าคนมุสลิมทำไม่ถูกต้องแบบนี้ก็เท่ากับทำลายศาสนาของตัวเอง อิสลามไม่ดีจริงๆนี่ก่อ การร้าย ก็ยิ่งเข้าทางคนบางกลุ่มที่ต้องการให้อิสลาม...ถูกมองในแง่ลบ”

เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ไม่ว่าตรงจุดไหนของโลก “สันติภาพ”...สิ่งที่เราต้องการให้เกิดขึ้น ให้คนมีศาสนา ให้คนศรัทธาต่อพระเจ้า เชื่อในการลงโทษของพระเจ้า กลัวในโลกหน้า

...

วิถีมุสลิมที่ถูกต้องเป็นภารกิจของคนมุสลิมที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมา ทำอย่างไรให้ชักชวนมนุษย์สู่ความดี ยับยั้งจากความชั่ว ถ้าตัวเราดีแล้ว ใครจะมองเราไม่ดีก็คงไปห้ามไม่ได้.