ตร. เผย คนขับรถสามล้อรับผู้ต้องหาคดีวางระเบิดราชประสงค์ ไม่พบมีส่วนเกี่ยวข้อง จ่อ เรียกชายสวมเสื้อสีแดง สอบอีกวันนี้ เชื่อคนร้ายยังไม่ออกนอกปท.ไม่สรุปบึมสาทรคนร้ายกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ขณะวินจยย.ระบุ ไม่เคยรู้จักภาษาพูดคนร้าย
วันที่ 20ส.ค. เมื่อเวลา 21.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยผลสอบปากคำคนขับรถสามล้อ ที่รับผู้ต้องหามาส่งที่แยกราชประสงค์ ก่อนเกิดเหตุระเบิดขึ้น มาสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ว่า เบื้องต้นคนขับรถสามล้อให้ข้อมูลว่ารับผู้ต้องหามาจากสถานที่แห่งหนึ่ง มาส่งที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ โดยสื่อสารกัน ผ่านภาพถ่ายทางโทรศัพท์มือถือ และภาษามือ ซึ่งคนขับรถสามล้อ ไม่สามารถระบุได้ว่า ผู้ต้องหาพูดภาษาอะไร และคนขับรถสามล้อ ยังมีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งตำรวจจะจัดกำลังดูแลอย่างใกล้ชิด
ส่วนชายผู้ต้องสงสัยสวมเสื้อสีแดง และเสื้อสีขาว ที่ปรากฎภาพในกล้องวงจรปิด ทาง สน.ลุมพินี ได้เรียกชายสวมเสื้อสีแดงมาพบแล้ว โดยนำตัวมาสอบสวน ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งให้ข้อมูลว่า เป็นชาวเชียงใหม่ ที่มีเชื้อสายจีน และเป็นนักศึกษาพาเพื่อนชาวจีน ซึ่งเป็นบุคคลต้องสงสัยในภาพที่สวมเสื้อสีขาว มาไหว้ศาลท้าวพระพรหม เท่านั้น ส่วนเพื่อนชาวจีนที่สวมเสื้อสีขาว ได้เดินทางกลับจีนไปแล้ว
เบื้องต้นตร.ยังไม่พบความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ แต่ได้ประสานให้ชายสวมเสื้อสีแดง เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยสถานที่ได้ ส่วนชายที่สวมเสื้อสีขาว หากตำรวจมีข้อสงสัย เชื่อว่า จะเชิญมาสอบปากคำได้ ขณะที่หญิงสาวที่สวมเสื้อสีดำอีกคน ที่ปรากฎภาพในกล้องวงจรปิด ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาให้ข้อมูล
ทั้งนี้พล.ต.ท.ประวุฒิแจ้งว่า หลังเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ 1 ชั่วโมง ได้สั่งการให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ประจำสนามบินต่างๆ ตรวจสอบเที่ยวบินที่เดินทางออกนอกประเทศ ยังไม่พบชายต้องสงสัย และตำรวจได้สอบปากคำพยานในคดีไปแล้ว 94 ปาก
นอกจากนี้ กรณี ระเบิดที่สะพานสาทร เบื้องต้น ตำรวจพบเพียงว่า ลักษณะภายนอกมีความใกล้เคียง กับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เท่านั้น แต่ผลตรวจทางเคมียังไม่ยืนยันชนิดของระเบิด ไม่สามารถตอบได้ว่า เป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน หรือไม่
...
ขณะที่เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่(20 ส.ค.) นายบี (นามสมมุติ) อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างประจำซอย มหาดเล็กหลวง 1 ได้ให้สัมภาษณ์ ภายหลังจากให้เบาะแสคนร้ายวางระเบิดบริเวณศาลพระหรม แยกราชประสงค์ ต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ตนเป็นผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งชายชาวต่างชาติต้องสงสัยก่อเหตุดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุ ตนอยู่ประจำจุดให้บริการลูกค้ากับกลุ่มเพื่อนร่วมอาชีพประมาณ 3 คน ขณะที่กำลังรอลูกค้าอยู่ จู่ ๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ซึ่งตอนแรกคิดว่า เป็นหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด จึงไม่ได้สนใจ
ผ่านไป 3 - 5 นาที ก็มีชายชาวต่างชาติ เดินชิดเข้ามาประกบตน พร้อมกับยื่นกระดาษเขียนแผนที่ระบุว่า “ลุมพินี พาร์ค” (ภาษาอังกฤษ) จากนั้นตนจึงหันหลังไปสอบถามเพื่อนซึ่งกำลังจะเดินทางกลับที่พักภายในซอยโปโล ว่า ให้นำผู้โดยสารรายนี้ติดรถกลับไปด้วย เนื่องจากเป็นทางผ่าน แต่เพื่อนได้ปฏิเสธ และให้ตนเป็นผู้ไปส่งเอง จากนั้นจึงตกลงค่าโดยสารกันในราคา 30 บาท ก่อนขับรถไปส่งชายคนดังกล่าวยังที่หมาย โดยใช้เส้นทาง ถนนราชดำริ ฝั่งขาเข้า ซึ่งมีระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร และใช้เวลาเพียง 3 นาที เท่านั้น โดยตลอดระยะทางผู้ต้องสงสัยได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพูดคุยอยู่ตลอดเวลา แต่ตนไม่แน่ใจว่า เป็นผู้รับ หรือ โทร.ออก โดยภาษาที่ใช้พูดคุยนั้น ไม่ใช่ภาษาไทย หรือ ภาษาอังกฤษ แต่อย่างใด และเป็นภาษาที่ตนไม่เคยได้ยินมาก่อน
นายเอ กล่าวต่อว่า ขณะนั้นตนได้ขี่รถข้ามแยกราชดำริ มุ่งหน้าศาลาแดง ก็ได้ยินเสียงชายชาวต่างชาติรายดังกล่าว สนทนาคุยโทรศัพท์อีกครั้ง จนกระทั่งถึงที่หมาย ตนจึงจอดรถบริเวณริมทางเท้าด้านหน้าทางเข้าที่จอดรถของลุมพินี พาร์ค เพื่อให้ลง และชายคนดังกล่าว ได้หยิบธนบัตรใบละ 20 บาท จำนวน 2 ฉบับ ส่งมาให้ ซึ่งระหว่างกำลังหยิบเงินทอน ตนจดจำรูปพรรณได้เพียงแค่คางมีลักษณะเรียวยาว จมูกโด่ง ผิวขาว และส่วนสูงประมาณ 170 เซนติเมตร หลังจากทอนเงินเรียบร้อยแล้ว ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับจุดทันที โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่า ชายคนดังกล่าวเดินเข้าด้านในตัวอาคาร หรือ เรียกรถคันอื่นเพื่อโดยสารเดินทางต่อไปอีก