สุดสลด! หนุ่มสาวไม่สมหวังในรัก ฝ่ายชายอายุ 21 ปี ถูกแจ้งพรากผู้เยาว์แล้ว 2 รอบ ฝ่ายหญิงอายุแค่ 15 พากันไปผูกคอตายที่ทางสามแพร่ง หน้าศาลปู่ตา ใช้เชือกเส้นเดียวกัน ตายหันหน้าเข้าหากัน แม่ร่ำไห้บอกแค่อยากให้ลูกสาวกลับไปเรียนหนังสือ...
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2558 ร.ต.ท.ชูรถ บึงจันทร์ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งว่ามีวัยรุ่นเป็นผู้ชายและผู้หญิง ผูกคอตายอยู่ด้วยกัน 2 ศพ ที่บริเวณใต้ต้นลำดวนหน้าศาลปู่ตาด้านทิศเหนือบ้านดงเย็น หมู่ 4 ต.หนองบัว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรัตน์ ส่งเสริม ผกก.สภ.ท่าตูม แพทย์เวรรพ.ท่าตูม และอาสาสมัครกู้ภัยจิบเต็กเซี่ยงตึ๊งท่าตูม
เมื่อไปถึง พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นป่าละเมาะทางสามแพร่งท้ายบ้าน มีชาวบ้านจำนวนมากกำลังยืนมุงดูศพของผู้ตายทั้งคู่ ทราบชื่อว่า น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ชาวบ้าน ต.หนองบัว อ.ท่าตูม และนายสญานนท์ มะลิงาม อายุ 21 ปี ชาวบ้าน ต.หนองบัว อ.ท่าตูม สภาพศพ น.ส.บี สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า กางเกงวอร์มขายาวสีดำ ส่วน นายสญานนท์ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงขายาวสีกากี ศพของทั้งคู่ห้อยอยู่ใต้ต้นไม้ มีรองเท้าแตะตกอยู่บนพื้น ที่กิ่งไม้สูงจากพื้นราว 3 เมตร มีเชือกไนลอนสีขาว 1 เส้นผูกไว้ ส่วนปลายเชือกทั้งสองข้างผูกอยู่ที่ลำคอของผู้ตายคนละข้าง อยู่ในลักษณะหันใบหน้าชิดกันคล้ายกอดกันก่อนตาย นอกจากนั้น ยังพบม้าหินอ่อนล้มอยู่ใต้ต้นไม้ คาดว่าผู้ตายทั้งคู่ใช้เหยียบขึ้นไปผูกคอกับกิ่งไม้ โดยสภาพศพที่พบ เสียชีวิตมาไม่เกิน 3 ชั่วโมง
จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่าผู้ตายทั้งสองคนเป็นแฟนกัน และเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน โดยฝ่ายหญิงเรียนอยู่ชั้น ม.3 ส่วนฝ่ายชายเรียนทางเลือก ซึ่งเป็นหลักสูตรสายอาชีพที่โรงเรียนเปิดสอนคู่ขนาน จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งบอกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณต้นปี 2558 ผู้ปกครองของฝ่ายหญิงทราบว่า ฝ่ายชายมาติดพันลูกสาวและมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง จึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ท่าตูมในข้อหาพรากผู้เยาว์ และเรียกร้องค่าเสียหายกันไปแล้วเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งศาลได้ตัดสินลงโทษฝ่ายชายคือจำคุก 2 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
...
แต่จากนั้น ทั้งคู่ได้กลับมาคบหากันอีก และคราวนี้ฝ่ายหญิงถึงขนาดไปอยู่กับฝ่ายชายที่บ้านเป็นบางครั้ง เมื่อแม่ของฝ่ายหญิงทราบเรื่องก็ไปตามให้ลูกสาวกลับบ้าน ฝ่ายลูกสาวก็ไม่ยอมกลับ แม่ของฝ่ายหญิงจึงไปแจ้งความที่ สภ.ท่าตูมอีก ในข้อหาเดิม และพนักงานสอบสวนได้รับเป็นคดีไว้แล้วอยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมาย
นายบุญมี เกลี้ยงอุทธา อายุ 62 ปี ลุงของนายสญานนท์ ซึ่งมีบ้านติดกันและคอยเลี้ยงดูนายสญานนท์มาตลอด เพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน บอกว่าเมื่อ 2 วันที่แล้ว น.ส.บีได้มาหานายสญานนท์ที่บ้าน ตกตอนบ่ายแม่ของน.ส.บี ได้มาตามเพื่อให้ลูกสาวกลับไปเรียนหนังสือ แต่ทั้งคู่ก็พากันหลบไม่ให้พบ จนกระทั่งกลับเข้าบ้านอีกในตอนเย็นวานนี้ ตนจึงได้แนะนำว่าอย่าขาดเรียน ส่วนเรื่องที่ผู้ปกครองของ น.ส.บีไปแจ้งความอีกนั้น ตนและญาติๆ จะไปเจรจาให้ เพื่อเห็นแก่ความรักของคนทั้งสอง แต่ขออย่างเดียวว่า อย่าทิ้งการเรียน ซึ่งทั้งคู่ก็รับปาก จนกระทั่งรุ่งเช้ามีคนมาบอกว่า ทั้งคู่ได้ผูกคอตายหนีปัญหาไปแล้ว
นายบุญมี กล่าวอีกว่า สาเหตุที่หลานชายกับคนรักตัดสินใจผูกคอตายด้วยกัน คาดว่าน่าจะเกิดจากการถูกกีดกันเรื่องความรัก และอาจคิดว่าจะต้องติดคุก เพราะคดีเดิมยังรอลงอาญาอยู่ก็มีคดีใหม่เข้ามาอีก เพื่อไม่ให้พรากจากกัน จึงตัดสินใจผูกคอตายไปด้วยกัน
ขณะที่มารดาของ น.ส.บี กล่าวทั้งน้ำตาว่า การที่ไปตามลูกสาวอยู่เรื่อยๆ นั้น ไม่ใช่ไปตามเอาเรื่อง แต่ไปตามเพราะเห็นแก่อนาคตลูก และการที่ไปแจ้งความไว้อีก ก็อยากให้ฝ่ายชายเข็ดหลาบ ตนมีลูกสาว 5 คน น.ส.บีเป็นลูกคนโต จึงอยากให้มีอนาคตที่ดี ลูกขาดเรียนบ่อย ก็อยากให้ลูกกลับไปเรียนหนังสือตามปกติ
สำหรับศพของทั้งสองคน หลังจากที่แพทย์ได้ชันสูตรแล้ว พบที่ลำคอของทั้งคู่มีรอยเขียวช้ำ ไม่พบร่องรอยบาดแผลอื่น ส่วนญาติก็ไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงได้มอบศพให้นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป.