งานเปิดตัวยิ่งใหญ่.

ฝนโปรยปรายต้อนรับเราในวันที่ไปเยือนเฉินตู เมื่อเดือนก่อน พร้อมกับคณะของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ที่มี คุณหมอธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นหัวหน้าคณะ

นอกจากเปิดงาน “ส่งเสริมการท่องเที่ยว 2 วัฒนธรรมด้านการแพทย์ไทย-จีน” แล้ว ยังเป็นการนำร่อง “โครงการความร่วมมือการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยการเผยแพร่อัตลักษณ์การนวดไทย การแพทย์แผนไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพร champion product สู่ตลาดต่างประเทศ” เริ่มต้นที่เฉินตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ที่นอกจากจะมีความเป็น “เมืองจีน” แบบแท้ๆแล้ว ที่นี่ยังเป็นเมืองศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และการศึกษาในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของจีน จนได้รับการขนานนามว่า “สวรรค์ของเมืองจีน”

จับเส้นชาวมังกร...ที่เฉินตู ไหว้พระใหญ่ที่เล่อซาน...
จับเส้นชาวมังกร...ที่เฉินตู ไหว้พระใหญ่ที่เล่อซาน...

...

มิสเตอร์เฉิน ฉิ่งฉวง (Chen Xingxiong) ประธานบริษัทยี่ซ่ง กรุ๊ป ให้การต้อนรับ คณะจากประเทศไทยอย่างที่ต้องเรียกว่าอลังการงานสร้าง โดยเฉพาะการเปิด สวนส่งเสริมสุขภาพไท่ กว่างถัง ใน เมืองโบราณเกาผิงฟู่ ที่เฉินตูนั้นถือเป็นงานเปิดตัวศาสตร์การนวดแผนไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มชาวจีน ที่บางส่วนให้ความสนใจกับการนวดแผนไทยและสมุนไพรไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว

คุณหมอธวัชชัย บอกว่า นวดไทยเป็นวิถีชีวิตของคนไทยที่ใช้ดูแลและช่วยเหลือกันในครอบครัว มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ทำให้ต่างชาติโดยเฉพาะคนจีนนิยมการนวดแบบไทยนอกจากเป็นศาสตร์ที่ช่วยบำบัดรักษาโรคได้แล้ว การนวดแบบไทยยังแฝงไปด้วยศิลปะ กิริยามารยาท ความอ่อนน้อมถ่อมตนของคนไทยที่เป็นเอกลักษณ์ด้วย การเดินทางมาประเทศจีนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับภาคเอกชนจีนในการเผยแพร่อัตลักษณ์การนวดไทย การแพทย์แผน ไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่ตลาดประเทศจีน

มาถึงเฉินตู นอกจากขนทีมหมอนวดไทยมาจับเส้นชาวมังกรแล้ว คนไทยอย่างเราๆต้องไม่พลาดที่จะไปขึ้น เขาง้อไบ๊ หรือ เอ๋อเหมยซาน เมืองในหมอกที่อยู่ห่างจากเฉินตูไปประมาณ 160 กิโลเมตร

จับเส้นชาวมังกร...ที่เฉินตู ไหว้พระใหญ่ที่เล่อซาน...
จับเส้นชาวมังกร...ที่เฉินตู ไหว้พระใหญ่ที่เล่อซาน...

ง้อไบ๊ เป็นหนึ่งในสี่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาพุทธของจีน ที่ประกอบด้วย ผู่ถอซาน, อู่ไถซาน, จิ่วหัวซาน และ เอ๋อเหมยซาน

การเดินทางขึ้นสู่ง้อไบ๊ หลังลงจากรถบัสแล้ว ต้องนั่งรถท้องถิ่นเพื่อไปต่อคิวรอขึ้นกระเช้าเพื่อขึ้นไปยังยอดเขา ระหว่างทางจะเห็นลิงภูเขารูปร่างอวบอ้วนมาคอยต้อนรับอยู่เป็นระยะๆ ช่วงที่เราขึ้นไปนั้น แม้หมอกลงจัดแต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะชาวจีนจากเมืองต่างๆ

บนยอดเขามีองค์พระโพธิสัตว์ทรงคชสาร เรียกว่า “พระสมันตภัทธโพธิสัตว์ผู่เศียร” ที่ภาษาจีนเรียกว่า เซี่ยนผู่ซา หรือ โผวเฮี้ยงผ่อสัก ตั้งอยู่ในบริเวณวัดว่านฝอ หรือวัดหมื่นปี ซึ่งสร้างโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ถังที่ ต้องการแสดงความกตัญญูต่อพระมารดา จึงสร้างวัดให้เป็นของขวัญพร้อมกับขอพรให้พระมารดาอายุหมื่นปี จนกลายมาเป็นชื่อวัด ส่วน เซี่ยนผู่ซา ที่ทรงช้าง อาชิว ไกด์หนุ่ม ชาวจีนที่พูดไทยได้คล่องแคล่ว เพราะมาเรียนภาษา ไทยในเมืองไทยอยู่ 1 ปี บอกว่า ความหมายของพระโพธิสัตว์ทรงคชสารนี้ น่าจะเป็นการสื่อความหมายถึงการโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้ทั้งหมดว่าเป็นงานที่ยากลำบาก ต้องใช้ความอดทนอย่างใหญ่หลวง รวมถึงการเอาชนะกิเลสต่างๆด้วย

...

จับเส้นชาวมังกร...ที่เฉินตู ไหว้พระใหญ่ที่เล่อซาน...
จับเส้นชาวมังกร...ที่เฉินตู ไหว้พระใหญ่ที่เล่อซาน...

บางคนในคณะจึงอธิษฐานขอให้การเปิดตลาดนวดไทยในจีนซึ่งก็เป็นงานที่ยากลำบากเหมือนกันประสบความสำเร็จ...เหมือนกัน

หลังไหว้พระเสร็จก็ได้เวลาลงจาก เขาง้อไบ๊ แวะไหว้พระที่ วัดเป้ากั๋วซือ ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาเป็นวัดที่ใหญ่และสวยงามที่สุดของง้อไบ๊ เดิมชื่อว่า ฮุ่ยจงถัง สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง มาเปลี่ยนชื่อสมัยราชวงศ์ชิง ในยุคของคังซีฮ่องเต้ วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชา พระโพธิสัตว์ผู่เศียร หรือพระโพธิสัตว์แห่งปัญญา ซึ่งเชื่อกันว่าสถิตอยู่ที่เขาง้อไบ๊แห่งนี้

...

พระประธานที่ประดิษฐานทั้งในโบสถ์และวิหารของวัดนี้มีความสวยงามมาก เพราะสร้างจากความเชื่อของ 3 ศาสนา คือ พุทธ เต๋า และลัทธิขงจื๊อ จัดเป็นวัดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจีน

จับเส้นชาวมังกร...ที่เฉินตู ไหว้พระใหญ่ที่เล่อซาน...
จับเส้นชาวมังกร...ที่เฉินตู ไหว้พระใหญ่ที่เล่อซาน...

ฝนเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ หลายคนที่ไม่มีเสื้อกันฝนอาศัยแค่ร่มคันเล็กๆเปียกปอนไปตามๆกัน...แต่ใบหน้ายังคงอาบด้วยรอยยิ้ม อิ่มบุญกันถ้วนหน้า

วันรุ่งขึ้นเรามีโปรแกรมเดินทางไปชมพระใหญ่เล่อซานหรือหลวงพ่อโตเล่อซาน (Leshan Giant Buddha) ซึ่งถือว่าเป็นพระแกะสลักภูผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

...

การไปไหว้พระใหญ่ต้องนั่งเรือล่องไปตามแม่น้ำหมิงเจียง 1 ในแม่น้ำ 3 สาย คือ หมิงเจียง, ซิงอีเจียง และ ตู้เจียง ที่มาบรรจบกันที่เมืองเล่อซาน ในอดีตเมืองนี้มีภัยน้ำท่วมบ่อยครั้งจากการเอ่อล้นของแม่น้ำทั้ง 3 สาย ต่อมาเมื่อมีการสร้างพระใหญ่ขึ้นปรากฏว่าน้ำท่วมลดลง ชาวจีนจึงเชื่อว่าพระองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก

จับเส้นชาวมังกร...ที่เฉินตู ไหว้พระใหญ่ที่เล่อซาน...
จับเส้นชาวมังกร...ที่เฉินตู ไหว้พระใหญ่ที่เล่อซาน...

พระใหญ่เล่อซานนี้ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 90 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.713- ค.ศ.803 โดยการนำของ หลวงพ่อไห่ทง แห่งวัดหลิงหยุน โดยช่างฝีมือแห่งยุคราชวงศ์ถัง ใช้เงินบริจาคจากชาวบ้านในการสร้าง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 2539

พระพักตร์ของหลวงพ่อโตเล่อซานหันหน้าออกมาทางแม่น้ำหมิงเจียง

มีความสูงกว่า 70 เมตร พระเศียรสูงเท่าภูเขา พระบาทวางอยู่ริมแม่น้ำ พระหัตถ์วางบนเข่า พระพักตร์อิ่มเอิบสงบ เวลาที่มองไปยังพระพักตร์ของท่านสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ เสมือนหนึ่งความเมตตาของพระพุทธเจ้าที่ทรงมีต่อชาวโลก

หลังท่องเที่ยวท่ามกลางสายฝนจนอิ่มเอมแล้ว ก็ได้เวลากลับเข้าสู่เมืองเฉินตู เพื่อร่วมงาน ส่งเสริมการท่องเที่ยว 2 วัฒนธรรมด้านการแพทย์ไทย-จีน งานนี้สมุนไพรไทยหลายตัวเข้าตาหมวย ตี๋ อาแปะ อาม่า ชาวจีน ประมาณว่าคนจีนก็แห่มาซื้อของไทย ส่วนคนไทยก็แห่ไปซื้อ เป่าฟู่หลิง หรือ บัวหิมะ ของจีนกลับมาคนละกล่องสองกล่องสานสัมพันธ์วัฒนธรรมไทยจีนแบบชื่นมื่น ก่อนมุ่งหน้าสู่สนามบินซวงหลิงกลับเมืองไทย

ทิ้งไว้แต่ฝีมือการนวดจับเส้นชาวมังกร...แบบที่เรียกว่าหายปวด หายเมื่อยกันเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว.